จบยุคของการซ่อมถนนแบบรอพังแล้วค่อยแก้ นักวิจัยจาก Fraunhofer Institute ประเทศเยอรมนี กำลังพลิกโฉมวงการโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า แผ่นใยอัจฉริยะ (Smart Fiber Sheet) ซึ่งสามารถคาดการณ์ความเสียหายของถนนได้ ก่อนที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า นี่อาจเป็นก้าวแรกของยุคถนนที่ดูแลตัวเองได้

ทุกวันนี้ เมืองต่างๆ ทั่วโลกต้องใช้งบประมาณมหาศาลไปกับการบำรุงรักษาถนน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้น หลังจากที่ความเสียหายได้เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกร้าว หลุมบ่อ หรือการทรุดตัวของพื้นผิว
ปัญหาคือ ความเสียหายเหล่านี้มักเริ่มขึ้นจากข้างใต้ที่เรามองไม่เห็น จนกว่าจะลุกลามขึ้นมาบนผิวถนน และนั่นคือสิ่งที่เทคโนโลยีจาก Fraunhofer เข้ามาเปลี่ยนเกม
Smart Fiber Sheet เป็นวัสดุชั้นบางที่ทำจาก เส้นใยแฟลกซ์ (flax fiber) ทอร่วมกับ เส้นลวดนำไฟฟ้าขนาดบางเฉียบ ภายในฝังเซ็นเซอร์ขนาดจิ๋วที่สามารถตรวจจับแรงกด การสั่นสะเทือน และการเปลี่ยนแปลงของชั้นดินใต้ถนนได้อย่างละเอียดระดับมิลลิเมตร
เมื่อแผ่นนี้ถูกวางไว้ใต้ชั้นยางมะตอย มันจะทำหน้าที่เป็นโครงข่ายประสาทของถนน ที่คอยเก็บข้อมูลตลอดเวลา และส่งต่อให้ระบบ AI วิเคราะห์แบบเรียลไทม์
ถ้ามีรอยร้าวเริ่มเกิดขึ้น หรือชั้นถนนเริ่มยุบตัวเล็กน้อย ระบบจะตรวจจับได้ทันที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนถึงผิวด้านบน
จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ไม่ได้อยู่แค่เซ็นเซอร์ แต่คือสมองของระบบ AI ที่ใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้รูปแบบของแรงกดและการสึกหรอในระยะยาว โดย AI จะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่เก็บได้ และสามารถคาดการณ์ได้ว่า ถนนส่วนไหนจะเริ่มแตกร้าวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ช่วยให้หน่วยงานสามารถจัดลำดับความสำคัญในการซ่อมบำรุงได้ล่วงหน้า
ข้อมูลทั้งหมดถูกแสดงผลผ่าน แดชบอร์ดออนไลน์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ทำให้วิศวกรและเจ้าหน้าที่เห็นภาพรวมสุขภาพของถนนได้ชัดเจนในรูปแบบแผนที่
เทคโนโลยีนี้กำลังถูกทดสอบจริงในเยอรมนี ภายใต้โครงการ SenAD2 ซึ่งวางระบบไว้ในพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานจริงจากรถบรรทุกและยานพาหนะหนัก
ผลเบื้องต้นพบว่าระบบสามารถตรวจจับความเสียหายภายในชั้นถนนได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องขุดพื้นผิวหรือรบกวนการจราจรเลยแม้แต่น้อย
หากผลการทดลองในระยะยาวประสบความสำเร็จ เราอาจได้เห็นเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในเมืองใหญ่ทั่วโลกภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
อ้างอิง: foxnews
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด