
ในงาน KBTG Techtopia: At World's Beginning คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ได้ร่วมพูดคุยกับ Andrew Ng หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการ AI ของโลก เพื่อไขทุกข้อสงสัยและฉายภาพอนาคตที่ชัดเจนขึ้น
คำถามแรกที่คุณกระทิงเปิดประเด็นคือเรื่องที่ทุกคนอยากรู้: AGI มาถึงแล้วจริงหรือ? Andrew Ng ให้คำตอบว่า
AGI กลายเป็นคำศัพท์ทางการตลาดที่ไม่มีนิยามชัดเจนอีกต่อไปแล้ว"
เขามองว่าหากยึดตามนิยามดั้งเดิมที่ว่า AI ต้องทำได้ทุกอย่างที่มนุษย์ทำได้ เช่น เรียนรู้การขับรถในไม่กี่ชั่วโมง เรายังอยู่ห่างจากจุดนั้นอีกหลายสิบปี
เขาย้ำว่าความก้าวหน้าของ AI จะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันที่จู่ๆ วันหนึ่ง AGI ก็ถือกำเนิดขึ้นมา ดังนั้น สิ่งที่เราควรโฟกัสคือโอกาสทางธุรกิจที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามการพัฒนาของ AI ในปัจจุบัน
Andrew Ng เปรียบเทียบว่าเครื่องมือ AI ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Generative AI หรือ Agentic AI ก็เหมือนตัวต่อ LEGO ที่มีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น จากที่เคยมีแค่ตัวต่อสีเหลือง ตอนนี้เรามีทั้งสีน้ำเงิน สีแดง และรูปทรงต่างๆ (เช่น RAG, Guardrails, Vector Databases) ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ซับซ้อนและน่าทึ่งได้มากขึ้นแบบทวีคูณ
แต่สิ่งที่เขาเน้นว่าเป็นเทรนด์สำคัญที่สุดคือ AI-assisted coding
การเขียนโค้ดโดยมี AI ช่วยเหลือนั้นง่ายมากพอที่ผมคิดว่า แม้แต่คนที่ไม่ใช่สายเทคนิคก็ควรค่าแก่การเรียนรู้ ในอนาคต คนที่สามารถบอกคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร จะนำหน้าคนอื่นไปไกล
เขาไม่ได้หมายความว่าเราต้องเขียนโค้ดเองทั้งหมด แต่คือการเรียนรู้ที่จะสั่งให้ AI เขียนโค้ดให้เรา ซึ่งจะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ว่าคุณจะเป็น CFO, ทนายความ, หรือแม้กระทั่งพนักงานต้อนรับก็ตาม

เมื่อพูดถึงความกังวลเรื่อง AI จะมาแย่งงาน Andrew Ng มองในมุมกลับกัน เขากล่าวว่า ในประวัติศาสตร์ เมื่อประสิทธิภาพของมนุษย์เพิ่มขึ้น เงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่า AI เป็นเครื่องมือที่ทำให้แต่ละบุคคลทำงานได้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อตัวพนักงานและบริษัท เขาย้ำคำพูดสุดคลาสสิกที่ว่า
AI จะไม่มาแทนที่คุณ แต่คนอื่นที่ใช้ AI เป็น จะมาแทนที่คุณ
ข่าวดีก็คือ การเรียนรู้ AI ในวันนี้ยังไม่สายเกินไป แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนเร็ว แต่ความรู้พื้นฐานกว่า 80% ที่เรียนในวันนี้ จะยังคงใช้ได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า คนที่เริ่มเรียนรู้ก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ
สำหรับองค์กรที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค AI, Andrew Ng ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างบริษัทที่ทำสำเร็จกับบริษัทที่ยังไปไม่ถึงไหน เขาได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจว่า
ต้นทุนของการทดลองลดลงอย่างมาก สิ่งที่ในอดีตอาจต้องใช้ทีมวิศวกร 3 คนทำ 6 เดือน ทุกวันนี้ผมสามารถสร้างมันคนเดียวได้ในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย AI-assisted coding
เมื่อต้นทุนการทดลองถูกลง องค์กรที่ฉลาดควรจะทดลองให้มากขึ้น แต่จะทำอย่างไรในเมื่อองค์กรใหญ่มีความเสี่ยง ทั้งข้อมูลรั่วไหล หรือสร้างความเสียหายต่อบริษัท?
คำตอบคือการสร้าง Sandbox หรือสนามเด็กเล่นที่ปลอดภัย
Sandbox คือสภาพแวดล้อมที่ทีมสามารถทดลองไอเดีย AI ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น ห้ามใช้ข้อมูลละเอียดอ่อนของลูกค้า, เปิดให้ใช้ได้แค่ภายในองค์กร, ห้ามใช้ชื่อแบรนด์ไปเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ
"บางทีเราอาจจะทดลอง 20 แนวคิด และล้มเหลวไป 18 อย่าง แต่นั่นคือราคาที่ต้องจ่ายเพื่อค้นหา 2 แนวคิดที่มีคุณค่าจริงๆ ที่เราจะลงทุนสร้างเกราะป้องกันและขยายผลต่อไป
ในตอนท้าย Andrew Ng ได้ฉายภาพอนาคตที่น่าตื่นเต้นว่า AI กำลังจะทำให้ ปัญญามีราคาถูกลง
ในอดีต มีเพียงคนร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถจ้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือติวเตอร์เก่งๆ ได้ แต่ด้วย AI เรามีหนทางที่จะทำให้ปัญญามีราคาถูกลง ในอนาคต ทุกคนจะสามารถมีกองทัพเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยที่ฉลาดและรอบรู้เป็นของตัวเองได้
สำหรับประเทศไทย เขามองเห็นอนาคตที่สดใส โดยบอกว่ารู้สึกประทับใจมากกับความตื่นตัวและแรงผลักดันในการยอมรับ AI ของประเทศไทย
ผมมองโลกในแง่ดีว่าไทยอยู่ในจุดที่ดีที่จะเปิดรับ สร้าง และต่อยอดแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด