ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุน รวมถึงตลาดคริปโทฯ อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจึงเริ่มปรับลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและมองหาสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ ลงทุนแล้วสบายใจกว่า แม้ว่าจะผลตอบแทนที่ได้รับจะอยู่ในระดับต่ำ สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยนี้ ก็จะกลายเป็นหลุมหลบภัยของนักลงทุน หรือที่เรียกว่า Safe Haven นั่นเอง
“Safe Haven” แปลว่า “ที่หลบภัย” มาจากคำว่า Safe ที่แปลว่า ปลอดภัย และ Haven ที่แปลว่า ที่พัก ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า Heaven ที่แปลว่า สวรรค์ โดยสินทรัพย์ปลอดภัยหรือ Safe Haven นั้นมีหลายรูปแบบ เช่น
1. เงินสด
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน นักลงทุนที่กังวลว่าหากถือสินทรัพย์เสี่ยงต่อไปอาจจะประสบปัญหาขาดทุน ก็จะขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อถือเงินสดเอาไว้ แม้ว่าการถือครองเงินสดนั้นจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ แถมยังมูลค่าจะลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ แต่ในระยะสั้นที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การถือเงินสดเพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ในอนาคต หรือเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน ย่อมปลอดภัยกว่า
ความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นกลับส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ จนเกิดเหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจในปี 2565 นี้ เช่น
2. ทองคำ
หนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยหรือ Safe Haven ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจหรือสงคราม เนื่องจากทองคำเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และมูลค่าของทองคำนั้นจะไม่ลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากทองคำบนโลกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด และถูกผลิตเพิ่มขึ้นได้อย่างยากลำบาก ไม่เหมือนเงินสกุลต่าง ๆ ที่สามารถถูกพิมพ์เพิ่มขึ้นได้ง่ายตลอดเวลา ในปัจจุบันการลงทุนในทองคำมีทั้งการซื้อทองคำจริงๆ มาเก็บไว้หรือ ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนรวมทองคำ ในสภาวะที่สินทรัพย์ลงทุนปรับตัวลดลง ทองคำก็ได้รับผลกระทบโดย
3. พันธบัตรรัฐบาล
ถึงแม้ผลตอบแทนจะอยู่ในระดับต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ เพราะเราจะได้ดอกเบี้ยในอัตราที่แน่นอน และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุ นอกจากนี้ยังออก และให้ความเชื่อมั่นโดยรัฐบาล แต่นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสซื้อได้ยาก จึงต้องลงทุนผ่านกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบาย ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล จากตัวอย่างผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นมาแตะระดับ 4% ปรับตัวขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อัตราผลตอบแทนอยู่ราว 1% ต่อปี
นอกจากนี้ยังมีหุ้นปันผลที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอมายาวนาน และสกุลเงินบางสกุล เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นเงินสกุลหลักในทุนสำรองของประเทศต่าง ๆ หรือสกุลเงินของประเทศที่เศรษฐกิจมีความมั่นคง เช่น เงินเยนญี่ปุ่น เงินสวิสฟรังก์ ในกรณีที่เงินสกุลหลักสกุลหนึ่งมีปัญหา เงินทุนก็จะย้ายไปสู่อีกสกุลหนึ่ง
อ้างอิง : Bitkub Infinity (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=134119156033991&set=pb.100083077215278.-2207520000.&type=3)
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด