อย่างที่ Techsauce เคยย้ำเสมอว่า Blockchain ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ช่วยสายการเงินเท่านั้น แต่รวมถึงภาคธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย โดยในครั้งนี้เราจะไปดูกันที่ภาคธุรกิจพลังงาน ซึ่งใหญ่โตไม่แพ้โลกการเงิน และเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่เมื่อสาธารณูปโภคจะไม่ได้ผ่านคนกลาง
บทความวันนี้เราจะมาดูกรณีศึกษาของบริษัทต่างๆ ที่นำเอา Blockchain ไปใช้ด้านพลังงานกัน
ด้วยแนวคิดที่ว่า "ถ้าเปรียบว่า Airbnb และ Uber คือผู้เข้ามาเปลี่ยนตลาดที่พักและขนส่ง Power Ledger ก็มีศักยภาพที่เปลี่ยนวิถีของการซื้อขายพลังงานที่ใช้กันอยู่ตลอดกาล" นี่คือคำกล่าวของ Jemma Green ผู้ร่วมก่อตั้ง Power Ledger
Powerledger คือ Startup ในออสเตรเลียที่กำลังพัฒนาซอฟแวร์เสมือน Marketplace ทำงานอยู่บน Blockchain ให้คนสามารถซื้อขายพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ โครงการนี้ยังอยู่ในช่วงการทดสอบโดยทำให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ขายสามารถติดต่อกันโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง เป็นการเปิดโอกาสให้ใครที่สามารถลงทุนเปลี่ยนหลังคาเป็นแบบ Solar cell สามารถนำพลังงานที่ผลิตไปขายได้ ผู้ใช้สามารถซื้อได้ในราคาแบบ wholesales
"ปัจจุบันถ้าคุณมี Solar Cell และผลิตกระแสไฟฟ้าส่งกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้า คุณซื้อมันกลับมาจากโครงข่ายไฟฟ้าในราคาที่สูงกว่า แต่สำหรับ Power Ledger คุณสามารถที่จะขายเพื่อนบ้านในราคาที่ถูกกว่าปกติ" Green ผู้ร่วมก่อตั้ง Power Ledger กล่าว โดยการทดสอบจะมีขึ้นในปี 2017 ที่เพิร์ธ
Green ยังกล่าวอีกว่า "ถ้าคุณมองว่าโครงข่ายไฟฟ้าทุกวันนี้เป็นเสมือน Trading Platform แทนที่จะเป็นเพียงแค่แหล่งผลิตและลากสายไฟฟ้า จะทำให้คุณคิดได้ว่าทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโครงข่ายระบบนี้ได้ด้วย"
ในอีกซีกโลกหนึ่ง Transactivegrid ก็กำลังดำเนินธุรกิจคล้ายๆ กันใน Brooklyn โดยจะมีอุปกรณ์อย่าง Smart Meters เป็นฮาร์ดแวร์และในส่วนซอฟแวร์ใช้เทคโนโลยี Blockchain โดยเปิดให้คนสามารถซื้อขายไฟฟ้ากันเองได้ โดยยังคงใช้โครงข่ายไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่ แถมยังให้คนเลือกได้ว่าจะซื้อจากแหล่งไหนผ่านทาง iPhone
ในฟากของยุโรปที่เนเธอแลนด์ PowerPeer ก็เปิดตัว Marketplace ที่เปิดให้คนมาแชร์พลังงานบนแพลตฟอร์มได้และเลือกได้ตามต้องการ มีวีดีโอเข้าใจง่ายให้ดูกันอีกด้วย
Blockchain กับโลกธุรกิจพลังงานไม่ใช่มีเพียงแค่นี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น
แม้ทุกโครงการในบทความนี้ถือเป็นเรื่องใหม่มากๆ และยังต้องใช้เวลาในการทดสอบอีกเป็นปี อีกทั้งเป็นภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและสัปทาน (ซึ่งบ้านเราน่าจะเกิดได้ยาก) อย่างไรก็ตามในอนาคตประเทศโลกตะวันตกมีโอกาสที่จะถูกปฎิวัติได้ ที่ตัวกลางหลายๆ ธุรกิจจะเริ่มถูกลดบทบาท และบุคคลทั่วไปติดต่อกันตรง เนื่องด้วยเทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้ทุกธุรกรรมที่สื่อสารกันนั้นเชื่อถือได้ โปร่งใสโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง
ปิดท้ายกันด้วยข้อความน่าคิดของผู้เชี่ยวชาญในวงการอีก 2 ราย
Axel von Perfall แห่ง PWC "Blockchain ไม่ได้เป็นจุดจบของบรรดาผู้ให้บริการสาธารณูปโภค แต่พวกเขาจะเปลี่ยนหน้าที่ไปต่างหาก พวกเขามีโอกาสในการพัฒนาและบริหารระบบแพลตฟอร์มแบบศูนย์กลางสำหรับตลาดพลังงานในอนาคต"
"สำหรับโลกของพลังงานแล้ว จะกลายเป็นภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดที่ใช้ Blockchain และใหญ่กว่าสายธุรกิจการเงิน ....โลกถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงาน ไม่ใช่ด้วยเงิน" Lawrence Orsini แห่ง Lo3energy บริษัทที่ร่วมก่อตั้ง Transactivegrid กล่าวไว้
อ้างอิงจาก CleanTechnica, Bloomberg,TransactiveGrid
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด