ข้อความ ‘คว่ำบาตรจีน’ อาจจะปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ ใน WhatsApp ของอินเดีย แต่ในโลกของธุรกิจ Startup ความสัมพันธ์ของจีนกับอินเดียกลับแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
คว่ำบาตรจีนจริงหรือ? หรือมังกรจะกลายเป็นนางฟ้าสำหรับวงการ Startup อินเดีย
บริษัทและกองทุนจากจีนกลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในวงการ Startup ของอินเดีย และนั่นถือเป็นประโยชน์มากเป็นพิเศษในตอนนี้ที่การลงทุนจากสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว
บริษัท Beijing Miteno Communication Technology กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีจากจีนลงเงินมากที่สุดในวงการ Startup สายเทคโนโลยีโดยทุ่มเงินถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการซื้อหุ้น Media.net บริษัทโฆษณาสายเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดยนาย Divyank Turakhia
ยักษ์ใหญ่แห่งโลกการค้าออนไลน์ Alibaba ทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากให้กับ Paytm และ Snapdeal Didi Chuxing ซึ่งเปรียบได้กับ Uber ของจีนร่วมลงทุนกับแท็กซี่ออนไลน์ Ola ส่วนยักษ์ใหญ่แห่งวงการอินเตอร์เน็ตอย่าง Tencent เพิ่งจะลงทุน 175 ล้านเหรียญกับแอพลิเคชั่นส่งข้อความอย่าง Hike โดยที่ก่อนหน้านั้นก็ได้มีการลงทุนราว 90 ล้านเหรียญกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ Practo รวมไปถึงการลงทุนกับธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ของ Ibibo Group ผ่านทางบริษัทร่วมทุน South Africa’s Naspers
บริษัทและสถาบันการลงทุนจากจีนกลายมาเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในธุรกิจ Startup ของอินเดีย Cheetah Mobile ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่าง Clean Master ก็ได้ร่วมลงทุนในแอพลิเคชั่นฟิตเนส GOQii เมือช่วงปลายปีก่อน
Ctrip หนึ่งในบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนลงเงินทุน 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับ MakeMyTrip ในเดือนมกราคม ส่วนบริษัทลงทุนที่มีฐานใหญ่ในจีนอย่าง Hillhouse Capital ก็ร่วมลงทุนกับ CarDekho ขณะที่บริษัทผลิตสมาร์ทโฟน Xiaomi ทุ่มเงินราว 25 ล้านเหรียญให้กับบริษัทจัดหาคอนเทนท์ Hungama Digital Media Entertainment ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
บริษัทให้บริการเว็บไซต์ Baidu เองก็กล่าวว่ากำลังมองหาช่องทางการลงทุนกับ Startup ในอินเดียอยู่เช่นกัน
“สภาวะทางประชากรมีความคล้ายคลึงและทั้งสองประเทศต่างเล็งเห็นการเติบโตของผู้บริโภคในธุรกิจดิจิทัลเหมือนกัน แถมผู้เล่นจากฝั่งจีนยังมีประสบการณ์ในการสร้างตลาดและบริษัทดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้ามารับบทบาทที่ใหญ่กว่าแค่การเป็นผู้สนับสนุนเงินลงทุนได้” นาย Ashish Kashyap ผู้ก่อตั้ง Ibibo ซึ่งเมื่อเดือนก่อนเพิ่งรวมตัวกับบริษัทคู่แข่งอย่าง MakeMyTrip กล่าว ยกตัวอย่าง Alibaba ที่ดูจะมีบทบาทในการช่วยเหลือ Paytm ในหลายแง่มุมมาก
นาย Bhavin Turakhia กล่าวว่าจีนเข้าใจตลาดอินเดียมากกว่าบริษัทจากสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดของอินเดียกำลังเติบโตไปในทิศทางเดียวกับจีน เพียงแต่ตามหลังอยู่ราว 5-10 ปี
ถึงแม้บริษัทสัญชาติอื่นในเอเชียจะเทียบจีนไม่ติดฝุ่นเมื่อกล่าวถึงการลงทุนในวงการ Startup ของอินเดีย แต่ Softbank ของญี่ปุ่นและ Temasek ของสิงคโปร์ก็นับเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทสัญชาติอื่นนอกเหนือจากจีน ที่เข้ามาร่วมลงทุน Foxconn ของไต้หวันเองก็ร่วมลงทุนในหลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น Qikpod Hike หรือว่า Snapdeal แต่คนบางส่วนกลับมองว่าในทางปฏิบัติแล้ว Foxconn เองก็ถือเป็นบริษัทจากจีน เนื่องจากมีการดำเนินงานส่วนมากในจีนแผ่นดินใหญ่
เหตุผลที่ผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีจากจีนเข้าไปขยายการลงทุนในอินเดียเป็นจำนวนมากมีอยู่ 2 ข้อ: หนึ่งคือหลายบริษัทสามารถทำกำไรมหาศาลได้จากตลาดบ้านเกิด ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณความเข้มงวดของกฎหมายที่มีต่อคู่แข่งต่างชาติ และสอง...เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงอยากเห็นกำไรที่สร้างได้ขยายตัวเข้าไปสู่สิ่งที่มีศักยภาพพอจะกลายเป็นตลาดดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
“มีตลาดเติบโตเร็วเพียงสองแห่งที่พวกเขาสามารถลงทุนได้คืออินเดียและสหรัฐอเมริกา Silicon Valley ไม่ให้ความนับถือเงินลงทุนจากจีน ตลาดเทคโนโลยีอินเดียก็เลยดึงดูดสำหรับพวกเขา” นาย Mohan Kumar กรรมการบริหาร Norwest Ventures บริษัทร่วมลงทุนจากสหรัฐฯ ที่ดำเนินงานในอินเดียกล่าว นาย Kumar ยังทิ้งท้ายอีกว่าบ่อยครั้งนักลงทุนจากจีนตีมูลค่า Startup สัญชาติอินเดียสูงกว่าที่นักลงทุนขาจรอื่นๆ ให้ถึง 3-5 เท่า “ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่เจ้าของกิจการจะชอบพวกเขามากกว่า” เขากล่าว
การประเมินราคาสูงยังหมายถึงนักลงทุนจากจีนรับความเสี่ยงต่ำลงในจำนวนเงินลงทุนที่เท่าเดิม แถมผู้ก่อตั้งธุรกิจเองก็ยังสามารถคาดหวังการประเมินราคาที่สูงยิ่งขึ้นในการระดมทุนครั้งต่อไปด้วย
ภาษาและการเมืองนับเป็นความท้าทาย และอาจเพราะเหตุผลนั้นเอง ตอนนี้จีนจึงยังพอใจกับการเป็นหุ้นส่วนมากกว่าการซื้อกิจการแบบเบ็ดเสร็จ แม้แต่สถาบันการลงทุนเองก็ยังมีการร่วมหุ้น บริษัทลงทุนสัญชาติจีน Incapital จับมือกับบริษัทลงทุน IvyCap Ventures จากอินเดียเพื่อร่วมกันสอดส่องหาโอกาสลงทุนใน Startup อินเดียที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
นอกจากนี้จีนยังแสดงความสนใจในธุรกิจแบบดั้งเดิมด้วย ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาบริษัทยาสัญชาติจีน Shanghai Fosun Pharmaceutical Co ร่วมลงทุนกับบริษัทผู้ผลิตยาฉีด Gland Pharma เป็นเงิน 1.27 พันล้านเหรียญ และในเดือนสิงหาคม กลุ่มธุรกิจเครือ Jiangsu Longzhe Technology and Trade Development Co ก็ร่วมลงทุนกับ Diamond Power Infrastructure บริษัทผู้ผลิตสายเคเบิล ตัวนำไฟฟ้า หม้อแปลง และอุปกรณ์ทางไฟฟ้าอื่นๆ เป็นจำนวนเงิน 125 ล้านเหรียญ แต่อย่างไรก็ตามตลาดเทคโนโลยีดิจิตัลดูจะยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด
แปลและเรียบเรียงจาก indiatimes.com
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด