Manhattan Project คือโครงการลับที่สหรัฐฯ ใช้ระดมทรัพยากรและสมองระดับโลกเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งได้เคยเปลี่ยนทิศทางโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง และวันนี้ ในสงครามเทคโนโลยีศตวรรษที่ 21 จีนกำลังเดินเกมเดียวกันด้วยการสร้าง Manhattan Project เวอร์ชันของตัวเอง

ภายในห้องปฏิบัติการที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในเมืองเซินเจิ้น นักวิทยาศาสตร์จีนกำลังทำในสิ่งที่รัฐบาลวอชิงตันพยายามขัดขวางมานานหลายปี นั่นคือการสร้างเครื่องต้นแบบของเครื่องพิมพ์วงจรเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยี Extreme Ultraviolet Lithography (EUV) หัวใจสำคัญของการผลิตชิปสำหรับ AI สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ และอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่
แหล่งข่าววงในระบุว่า เครื่องต้นแบบดังกล่าวแล้วเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2025 และกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบ โดยมีทีมอดีตวิศวกรจาก ASML ยักษ์ใหญ่เซมิคอนดักเตอร์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ครอบครองเทคโนโลยี EUV เชิงพาณิชย์ เป็นกำลังหลักในการเร่งถอดรหัสเทคโนโลยีนี้ผ่านกระบวนการ วิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) เพื่อทลายกำแพงเทคโนโลยีที่โลกตะวันตกผูกขาดมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสหรัฐฯ กดดันเนเธอร์แลนด์ไม่ให้ ASML ขายเครื่อง EUV ให้จีนตั้งแต่ปี 2018
ในโลกเทคโนโลยี เครื่อง EUV เปรียบเสมือนหัวใจของการผลิตชิป และอาจมองได้ว่าเป็น ‘อาวุธนิวเคลียร์ของยุคดิจิทัล’ เพราะประเทศที่ถือครองเทคโนโลยีนี้ได้ก่อน จะกุมความได้เปรียบเชิงอำนาจเหนือห่วงโซ่เทคโนโลยีโลกทั้งหมด เครื่อง EUV ใช้แสงอัลตราไวโอเลตความยาวคลื่นสั้นพิเศษในการวาดวงจรที่เล็กกว่าเส้นผมมนุษย์หลายพันเท่าลงบนแผ่นเวเฟอร์ (Semiconductor Wafer) ยิ่งลวดลายเล็กลง ชิปก็ยิ่งทรงพลังและประหยัดพลังงานมากขึ้น
แม้เครื่องต้นแบบของจีนจะสามารถกำเนิดแสง EUV ได้แล้ว แต่แหล่งข่าวระบุว่ายังไม่สามารถผลิตชิปที่ใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเครื่องต้นแบบนี้เพียงอย่างเดียว ก็พอที่จะสั่นคลอนคำกล่าวของ Christophe Fouquet ซีอีโอของ ASML ที่เคยประเมินไว้ว่า จีนอาจต้องใช้เวลา “หลายต่อหลายปีกว่าจะไล่ตามเทคโนโลยี EUV ได้” และสะท้อนว่าจีนอาจเข้าใกล้ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยีเร็วกว่าที่ตลาดและนักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้อย่างมาก
เบื้องหลังความคืบหน้านี้เกิดมาจากปฏิบัติการตามล่าหัวกะทิ จีนดึงตัววิศวกรและนักวิทยาศาสตร์เชื้อสายจีนที่เคยทำงานใน ASML กลับประเทศด้วยโบนัสแรกเข้าสูงถึง 3-5 ล้านหยวน (ประมาณ 15-25 ล้านบาท) พร้อมเงินอุดหนุนที่อยู่อาศัย
แต่ที่เข้มข้นกว่านั้นคือ มาตรการอำพรางตัวตน โดยแหล่งข่าวเผยว่า วิศวกรระดับหัวกะทิเหล่านี้จะได้รับบัตรประจำตัวเป็นชื่อปลอม และถูกสั่งให้เรียกกันด้วยชื่อสมมติ เพื่อไม่ให้หน่วยข่าวกรองต่างชาติตรวจจับได้ โครงการนี้ยกระดับเป็นภารกิจด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ ‘ตัดสหรัฐฯ ออกจากห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีให้ได้อย่างสมบูรณ์’
แม้โครงการนี้จะดำเนินการภายใต้การกำกับของรัฐบาลจีน โดยมี Ding Xuexiang มือขวาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นผู้ดูแลเชิงนโยบาย แต่รายงานระบุว่า Huawei เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยทำหน้าที่ประสานเครือข่ายบริษัทและสถาบันวิจัยทั่วประเทศ
สภาพการทำงานภายในเรียกว่าเข้มข้นถึงขีดสุด ทีมเซมิคอนดักเตอร์ต้องนอนในที่ทำงาน ถูกจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือ และห้ามกลับบ้านในวันธรรมดา โต๊ะทำงานของพนักงานใหม่ถูกติดตามด้วยกล้องวงจรปิดแบบรายบุคคล เพื่อบันทึกทุกขั้นตอนของการถอดและประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักร โดยผู้ที่สามารถประกอบชิ้นส่วนซับซ้อนได้สำเร็จจะได้รับเงินรางวัลพิเศษ เพราะทุกความคืบหน้า คืออีกหนึ่งก้าวที่จีนเข้าใกล้เส้นชัย
อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่จีนยังไม่อาจข้ามได้คือ ระบบเลนส์ความแม่นยำสูง (Optics) ที่ทำหน้าที่ควบคุมลำแสง EUV ให้คม ชัด และเสถียรพอจะวาดวงจรระดับนาโนเมตรลงบนแผ่นซิลิคอน ซึ่งในเครื่อง EUV ของ ASML ต้องใช้เลนส์จาก Carl Zeiss ประเทศเยอรมนี ซึ่งต้องการความละเอียดระดับโมเลกุล และแทบไม่มีใครในโลกผลิตได้
จีนจึงต้องแก้เกมด้วยการหาชิ้นส่วนจากตลาดมือสอง หรือใช้บริษัทบังหน้าในการกว้านซื้ออะไหล่จากซัพพลายเออร์ของ ASML รวมถึงการรื้อชิ้นส่วนจากเครื่อง DUV (Deep Ultraviolet) รุ่นเก่า ของ Nikon และ Canon มาดัดแปลง
รัฐบาลจีนตั้งเป้าผลิตชิปที่ใช้งานได้จริงภายในปี 2028 แต่แหล่งข่าววงในประเมินว่า ปี 2030 มีความเป็นไปได้มากกว่า ซึ่งถึงอย่างนั้นก็ยังเร็วกว่าเส้นเวลาที่โลกตะวันตกเคยประเมินว่าจีนต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษ
นี่คือบทพิสูจน์ความทะเยอทะยานเชิงยุทธศาสตร์ของจีน ที่พร้อมทุ่มทรัพยากรทุกอย่างเพื่อทลายกำแพงการปิดล้อมทางเทคโนโลยี สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การแข่งขันทางเทคโนโลยี แต่มันคือการวัดพลังเชิงยุทธศาสตร์ว่า ใครจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของโลก AI
และถ้า Manhattan Project เคยเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลกมาแล้วครั้งหนึ่ง เวอร์ชันศตวรรษที่ 21 ของจีน ก็อาจกำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่อย่างเงียบ ๆ แต่ทรงพลังไม่แพ้กัน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด