ในช่วงที่ผ่านมานี้เราได้เห็นประเด็นมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯและจีน เรียกได้ว่าช่วงชิงตำแหน่งผู้นำของโลกกันอย่างดุเดือด เราอาจคุ้นเคยกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำจากสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน แต่ในวันนี้เองประเทศจีนก็กำลังวิ่งตามมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะคว้าตำแหน่งผู้นำของวงการไปได้ในหลายครั้ง Techsauce Global Summit 2019 พร้อมกับ Speaker ผู้เชี่ยวชาญ Willam Bao Bean General Partner แห่ง SOSV และกรรมการผู้จัดการ จาก China Accelerator จะมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัย จีนจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของโลกหรือไม่ ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งนี้
การขึ้นเป็นประเทศที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับสองของโลก ไล่หลังสหรัฐฯ มาแบบติดๆ ของจีนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เกิดจากการตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญแห่งการเติบโต เนื่องจากจีนมีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงกว่าสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
ย้อนกลับไปในปี 2004 หนึ่งในวิจัยของ William Bao Bean พบว่าตลาดของอุตสาหกรรมด้านอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 3 ล้านดอลลาร์ แต่ในทุกวันนี้กลับเติบโตสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ และไม่ใช่เพียงแค่จำนวนเม็ดเงินมหาศาลเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น จำนวนบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตระดับแนวหน้าของโลกกว่า 20 บริษัท ครึ่งหนึ่งนั้นล้วนมาจากจีน
ในส่วนของตลาดการลงทุนในปี 2018 ตลาดการลงทุนของสหรัฐอมเริกามีมูลค่าอยู่ที่ 80 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีนอยู่ที่ 60 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีนครองอันดับสองของตลาดการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เรียกได้ว่ามีความใกล้เคียงกับสหรัฐอเมริกาอย่างมาก อีกทั้งในช่วงสงครามการค้าที่ผ่านมาจีนได้ถอนหุ้นออกกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จาก Sillicon Valley ซึ่งเงินจำนวนนี้อาจนำไปต่อยอดพัฒนาโครงการอื่นๆ ภายในประเทศได้
จีนกำลังก้าวนำอยู่ในอุตสาหกรรมหลัก 3 ด้านคือ Social Media Platform FinTech และ Blockchain
Social Media Platform - ด้าน Social media ในจีนถือว่ามียอดผู้ใช้งานพุ่งสูงจากการที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้งาน Smartphone เป็นจำนวนมาก William Bao Bean ได้กล่าวว่า WeChat คือหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากการพัฒนาที่นำหน้า Facebook ในด้าน Feature และแผนงานผลิตภัณฑ์
“ถ้าคุณลองดูแผนการผลิตของ Facebook และ Feature ต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา 3 ปีนี้ จะรู้สึกได้ว่ามันคือการถอดแบบมาจาก WeChat”
FinTech - การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบธนาคารของจีนส่งผลให้อุตสาหกรรม FinTech เติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังวิ่งตามจีนในด้าน Wallet หรือ E-banking ด้วยมูลค่าของ Mobile Wallet ซึ่งอยู่ที่ 50 พันล้านดอลลาร์เทียบกับจีนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 12.5 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้สหรัฐฯ มีตลาดขนาดเล็กกว่าประมาณ 20 เท่า
Blockchain - ในขณะนี้จีนเริ่มมีการปรับเอาเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้งานมากยิ่งขึ้น โดย William Bao Bean ได้ยกตัวอย่างของศาลในปักกิ่งที่เริ่มใช้งาน Blockchain เพื่อติดตามและจัดการเอกสารคดีความต่างๆ
ในฐานะที่จีนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก เราได้เห็นภาพของการแข่งขันอันดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของ Tencent Alibaba และ Xiaomi Tencent เรียกได้ว่าแทบจะครองตลาดดิจิทัลในขณะนี้กับการเติบโตที่ 16% ต่อปีด้วยรายได้กว่า 400 ล้านดอลลาร์ จากการมีสามารถดึงลูกค้าเข้าใช้งานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ Tencent คือบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และต่อยอดด้วย “Super App” อย่าง WeChat ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่ที่ 1 ล้านคน และยังสามารถเพิ่มบริการออนไลน์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งานในแบบที่ยังไม่มีบริษัทไหนสามารถทำได้
ในส่วนของ Alibaba และบริษัทอื่นๆ อย่าง Xiaomi Huawei และ Vivo ก็หันมาให้ความสนใจบุกตลาดด้าน Software และ Hardware ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
William Bao Bean ยังกล่าวเสริมว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ครองตลาด Smartphone และ Software ท้องถิ่นอยู่ที่ 50% แต่ในขณะนี้ลดลงเหลือเพียงแค่ 4% จากการเจอผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง Xiaomi Huawei และ Vivo อีกทั้ง App Store ในอินเดียประจำปี 2019 หากเทียบกับปี 2016 44 แอปฯ ยอดนิยมในตอนนี้ตกเป็นของแอปฯ สัญชาติจีน ทำให้อินเดียและอินโดนีเซียจัดว่าเป็นตลาดท้าชนของสหรัฐฯ และจีนอย่างแท้จริง
การเข้ามาของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นได้นำพาหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามา ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เงินทุนแต่รวมถึงนวัตกรรมในหลายด้านทั้ง อุตสาหกรรม E-Commerce ระบบการขนส่ง เทคโนโลยีสุขภาพ วงการ Media ไปจนถึง Machine Learning
ดังนั้นการเข้ามาของจีนคือโอกาสสำหรับ Startup และผู้ประกอบการในการที่จะหา Partner ใหม่ๆ และเปิดรับนวัตกรรมเทคโนโลยีจากจีนเพื่อขยายตลาดของตนให้ใหญ่ขึ้น และเพื่ออยู่รอดในตลาดที่มีผู้เล่นรายใหญ่อย่างจีน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด