How to ดูแลกาย-ใจด้วย Virtual Healthcare ทำให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่าย | Techsauce

How to ดูแลกาย-ใจด้วย Virtual Healthcare ทำให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่าย

การแพร่ระบาดของโควิด-19 นำมาซึ่งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพกายรวมถึงสุขภาพจิต ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาด แน่นอนว่าการไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์นับว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเรามีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีเพื่อมาปิดช่องโหว่ดังกล่าว Virtual Healthcare หรือ Telemedicine เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อรักษาและวินิจฉัยผู้ป่วยทางไกลแบบ Real-time และทำให้ ‘การพบแพทย์เป็นเรื่องง่าย’

บทความนี้เป็นสรุปสาระสำคัญจากงาน "How to ดูแลกาย-ใจด้วย Virtual Healthcare ทำให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่าย" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Cigna และ Techsauce พาทุกท่านไปเจาะลึกที่มาที่ไปและอนาคตของ HealthTech Trend หรือ เทคโนโลยีสุขภาพที่จะมาดิสรัปวงการแพทย์ และการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตในยุคโควิด

HealthTech Trends 2022 เทคโนโลยีสุขภาพในปี 2022 

ใน session แรก นพ.คณพล ภูมิรัตนประพิณ CEO บริษัท Health at Home ได้มาเล่าถึงที่มาและวิวัฒนาการของ Telemedicine ในแต่ละยุคสมัยตามการพัฒนาของเทคโนโลยี รวมถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจนี้โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 และโอกาสในอนาคต

นพ.คณพลกล่าวว่า Virtual Care  คือการรักษาหรือการวินิจฉัยโรคที่เกิดขึ้นโดยที่คนไข้กับผู้รักษาอยู่ต่างสถานที่กัน และใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพื่อสื่อสารกันในระยะไกล  ซึ่งเราจะเห็นว่าทุกครั้งที่สื่อกลางในการสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไป ทำให้เกิดการพัฒนาการทำ Virtual Care ด้วย เพราะฉะนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นตัวแปรสำคัญในสมการนี้

จุดเริ่มต้นของ Telemedicine ในการแพทย์สมัยใหม่ เริ่มต้นเมื่อปี 1876 เมื่อ Alexander Graham Bell ประดิษฐ์โทรศัพท์เครื่องแรกของโลกขึ้นมา ในวารสารการแพทย์ Lancet ระบุว่าในปี 1879 เริ่มมีการใช้โทรศัพท์เพื่อการวินิจฉัยโรคทางไกล ซึ่งนับเป็นหมุดหมายแรกที่การรักษาทางไกลเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ 

จากนั้นเมื่อมีการค้นพบเทคโนโลยี Radio Wave หรือ คลื่นวิทยุขึ้นมา ในปี 1924 ก็เกิดแนวคิดที่จะใช้งาน Radio Doctor ขึ้น การใช้จริงครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1928 ในโครงการ Royal Flying Doctor ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะ ทำให้คนไข้ที่อยู่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ จึงใช้เครื่องบินบินไปหาคนไข้ และใช้วิทยุเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในการทำงาน

ในปี 1967 เริ่มมีการทำ First virtual clinic หรือ Telemed clinic ครั้งแรก ณ  Massachusetts General Hospital เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นยังมีการทำ Teleconsulting ในการให้คำปรึกษาด้านจิตเวช เพื่อแก้ปัญหาเรื่องบุคลากรด้านนี้ขาดแคลนในช่วงเวลาดังกล่าว

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1980 เมื่อมีการคิดค้น Personal Computer หรือ PC ขึ้นมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นการใช้งาน Telemedicine ครั้งใหญ่ เกิดขึ้นในปี 1985 จากเหตุการณ์ที่กรุงเม็กซิโกเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลมาช่วย

และเมื่ออินเทอร์เน็ตถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในช่วงปี 2000 ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ในปี 2002  ก็เกิดบริษัท Teladoc Health   บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ให้บริการพบแพทย์ทางไกลเจ้าแรกของโลกขึ้นมา

จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของ Telemedicine คือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นสถานการณ์บังคับที่ทำให้การใช้ Telemedicine สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่ามีการใช้ Virtual care เพียง 1% เท่านั้น แต่หลังจากนั้นอัตราการใช้งานสูงขึ้นถึง 80 เท่า  ซึ่งปัจจุบันมีสถิติที่น่าสนใจจาก Mckinsey พบว่าการใช้งานเทคโนโลยีพบแพทย์ทางไกลนี้เหลืออยู่เพียง 38 เท่าจากตอนแรก แม้จะลดต่ำลงไปมาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการใช้งาน Telemedicine ยังคงอยู่ในกระแสหลัก 

นอกจากนั้นปัจจุบันยังมีธุรกิจ Health care startup ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก มียูนิคอร์นมากถึง 91 เจ้า โดยสำหรับประเทศไทย มีการตั้งสมาคม Health Tech ขึ้นในปี 2017 และปัจจุบันก็มีบริษัทเกิดใหม่ในตลาดมากมาย รวมถึงเม็ดเงินการลงทุนที่สูงขึ้น จึงถือเป็นโอกาสสำคัญทั้งสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค

การดูแลสุขภาพกายใจในยุคโควิด

ในช่วงสถานการณ์โควิด นอกจากความกังวลและกลัวการติดเชื้อ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ Telemedicine จะเข้ามามีบทบาทอย่างไรได้บ้าง โดยเราได้เชิญ Speakers ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเสวนากับเรา ได้แก่ 

  • นพ.จตุภัทร คุณสงค์ จิตแพทย์ประจำศูนย์จิตรักษ์โรงพยาบาลกรุงเทพ และ CEO Joy of minds clinic

  • พญ.เรณุกา จรัสพงศ์พิสุทธิ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพญาไท 2

นพ.จตุภัทรกล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด จำนวนผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มมากขึ้น และต่างมาพบแพทย์ด้วยปัญหาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กลัวการติดเชื้อ, การต้องแยกตัวเองออกมาจากสังคม, พิษเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาด ที่กระตุ้นให้มีสภาวะความเครียดสูงขึ้น โดยสำหรับคำแนะนำการดูแลสุขภาพจิต นพ.จตุภัทรกล่าวว่าจะต้องมีสติ อยู่กับปัจจุบัน และหมั่นสำรวจตัวเองอยู่เสมอ เช่น สำรวจพฤติกรรมการนอน การทานอาหาร หรือสภาวะทางอารมณ์ของตัวเอง เป็นต้น หากรู้สึกว่ามีความผิดปกติและส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ต้องรีบมองหาความช่วยเหลือ โดยอาจจะเริ่มจากปรึกษาคนใกล้ชิด ไปจนถึงการปรึกษาจิตแพทย์ นอกจากนั้นจำเป็นต้องสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้เพียงพอ การไม่จมอยู่กับความเครียดเป็นเวลานาน หมั่นตรวจสอบสภาพจิตใจ สภาพอารมณ์ของตัวเรา

สำหรับการดูแลตัวเองในช่วงสถานการณ์โควิด พญ.เรณุกาแนะนำว่า แม้ปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมืองไทยจะถือว่าอยู่ในขาลง แต่ก็ไม่ควรประมาท ต้องหมั่นรักษาความสะอาด ล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอลล์ และแนะนำให้สวมหน้ากากสองชั้น (หน้ากากอนามัยทางการแพทย์และหน้ากากผ้า) เพื่อการป้องกันการแพร่และรับเชื้อทางละอองฝอยให้มากที่สุด

สำหรับบทบาทสำคัญของ Telemedicine กับการดูแลสุขภาพจิต นพ.จตุภัทรกล่าวว่า บริการและการรักษาโรคจิตเวชในประเทศไทยนับว่ามีช่องโหว่ สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการรักษา เพราะจำนวนจิตแพทย์มีน้อย และกระจุกอยู่ในเฉพาะกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่ง Telemedicine หรือการพบแพทย์ทางไกลบนระบบออนไลน์จะช่วยขยายการเข้าถึงการรักษามากขึ้น หากภาครัฐให้การส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบาย และการส่งเสริมผู้ประกอบการที่ทำ Virtual Care ด้านนี้  นอกจากนั้น Telemedicine จะเข้ามาช่วยปิดช่องว่าง ที่เกิดจากการที่ผู้ป่วยหลายรายไม่กล้ามาปรึกษาจิตแพทย์ ด้วยเหตุเพราะรู้สึกอับอาย การปรึกษาแพทย์ทางไกลก็จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ช่วยลดอุปสรรคดังกล่าวได้มากขึ้น 

และสำหรับมุมมองของพญ.เรณุกา  มองว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาวิธีการรักษา, การพัฒนายา, การพัฒนาวัคซีน ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างประสิทธิภาพการรักษามากขึ้น ส่วนบทบาทของ Telemedicine เชื่อว่าจะสามารถช่วยให้แพทย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเก่า ในแง่ของการวินิจฉัยหรือการช่วยเหลือผู้ป่วยที่จะทำได้เร็วขึ้น หรือการวินิจฉัยอากาารป่วยไม่รุนแรง เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากเป็นอาการป่วยที่ต้องตรวจวินิจฉัยโรคโดยละเอียด เช่น การตรวจเลือด การเอ็กซเรย์  พญ.เรณุกา มองว่าการมาโรงพยาบาลยังคงจำเป็นอยู่

ทำให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่ายด้วย ‘Cigna Anywhere’

แน่นอนสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน หลายท่านคงมีความกังวลที่จะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเนื่องจากกลัวการติดเชื้อ อุปสรรคดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว ที่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เป็นประจำ 

พบกับบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด “เจ็บป่วยเมื่อ
ไหร่ พบแพทย์ได้ทันที” ของ Cigna กับบริการพบแพทย์ออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Cigna Anywhere ที่ลูกค้าซิกน่าที่ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพส่วนบุคคล Cigna Signature Care และแผนประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่มีความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) สามารถเข้าถึงบริการ Telemedicine ได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว โดยไม่ต้องสํารองเงินจ่ายล่วงหน้า พร้อมทั้งรับบริการจัดส่งยาถึงบ้านได้แบบไร้กังวลอีกด้วย
 
นับว่าตอบโจทย์มากกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่หลายคนอาจจะกังวลเมื่อต้องออกจาก
บ้าน ตอนนี้ Cigna มีโซลูชันใหม่ ที่ทําให้เราไม่ต้องไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และ
ทําาให้การพบแพทย์เป็นเรื่องง่ายขึ้น   

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

นับถอยหลัง Bitcoin Halving Month พร้อมแนวคิดการลงทุนของคนรุ่นใหม่ ในงาน Bitkub Meetup 2024: The Halving Month

กลับมาอีกครั้งกับงาน Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ: The Halving Month ร่วมนับถอยหลังสู่เดือนแห่ง Bitcoin Halving บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์ของ Cryptocurrency แ...

Responsive image

6 เทรนด์ Gen AI ฉบับเข้าใจง่าย จาก Accenture พร้อมเคสการใช้งานจริงในภาคธุรกิจ

รวมประเด็นน่ารู้จาก Accenture ที่จะทำให้ผู้บริหารและพนักงานเข้าใจการนำ Generative AI ไปใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น 6 เทรนด์ Gen AI พร้อมเคสการใช้งานจริงในภาคธุรกิจ, ผู้บริหารระดับ C-su...

Responsive image

ทักษะ AI ไม่มีไม่ได้แล้ว สำรวจพบใครใช้ AI เป็น เงินเดือนเพิ่ม อนาคตสดใส

ทักษะ AI วันนี้ไม่มีไม่ได้แล้ว ใครเก่ง AI นายจ้างไทยยินดีจ่ายเงินเดือนเพิ่มให้ 41% ด้านคนทำงานเร่งพัฒนาทักษะ หวังสร้างงาน สร้างอาชีพให้ดีขึ้น...