จินตนาการถึงการที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเศรษฐีเพื่อจะมีส่วนเป็นเจ้าของโรงแรมหรู หรืองานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ ผ่านการลงทุนที่เป็นดูเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเข้าถึงยาก กลับสามารถเข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้วเหมือนการช้อปปิ้งออนไลน์ และโลกเศรษฐกิจที่ผู้ประกอบการรายเล็กๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นกว่าการกู้ยืมธนาคารหรือข้อจำกัดในการระดมทุนแบบปกติ จินตนาการเหล่านี้เกิดขึ้นจริงแล้วในบางพื้นที่ของโลก และกำลังจะเป็นอนาคตอันใกล้ของประเทศไทย ด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘Digital Asset Platform’ โดยความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ KBTG ซึ่งจะเป็นการเปิดโลกใบใหม่ของตลาดทุนด้วยเทคโนโลยี DLT ที่รองรับความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างนวัตกรรมในกิจกรรมเศรษฐกิจใหม่ๆ ได้อย่างไม่สิ้นสุด
ในหลายปีมานี้ความเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัลและโดยเฉพาะสถานการณ์ COVID-19 ล่าสุดทำให้ทั้ง Real Sector และ Financial Sector ต้องปรับตัวในทุกมิติ ความเปลี่ยนแปลงนี้จะนำตลาดทุนไทยไปสู่อนาคตที่มีหน้าตาแบบไหนอาจจะไม่มีใครฟันธงได้ชัดเจน โดยในมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 4 ปัจจัยเป็นโจทย์สำคัญของตลาดทุนไทยในอนาคต
จากปัจจัยข้างต้น นำมาสู่ความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ กับ KBTG ในการสร้าง Digital Asset Platform ที่สามารถครอบคลุม Ecosystem ทั้งหมดของตลาดทุนใหม่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการระดมทุน และทุกธุรกรรมที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง Platform ดังกล่าวจะเป็นรูปแบบของ Open Platform เปิดโอกาสให้ภาคส่วนอื่นๆ สามารถเข้ามาพัฒนาบริการด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรืออาจต่อยอดไปสู่การเกิดนวัตกรรม อีกหัวใจสำคัญคือการลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนของทั้ง Ecosystem โดยเปิดให้เข้ามาร่วมเชื่อมต่อและต่อยอดความร่วมมือกันบน Platform ที่มีเทคโนโลยี DLT (Distributed Ledger Technology) ทำงานขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลและเป็นระบบตรวจสอบความปลอดภัยอยู่เบื้องหลัง
"ความร่วมมือในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราหวังว่าจะมีผู้ประกอบการอีกหลายแห่งเข้ามาร่วมจับมือ และสร้างวิวัฒนาการของตลาดทุนไทยไปด้วยกัน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย"
ก่อนหน้านี้ Digital Disruption ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่แล้ว แต่ Disruption ที่เกิดจาก COVID-19 ได้เร่งให้สิ่งที่คาดการณ์กันว่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปี ให้เกิดขึ้นภายใน 2 เดือน ตัวอย่างเช่นการขายประกันซึ่งเป็นบริการที่มีความซับซ้อนสูงและเคยเชื่อกันว่าไม่สามารถทำการซื้อขายผ่านช่องทางดิจิทัลได้ง่ายนักก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมาผ่านการปรับมาซื้อขายบนโทรศัพท์มือถือ เป็นโอกาสที่ทาง KBTG เห็นว่าเป็นจังหวะเวลาเหมาะสมในการที่จะทำให้เกิดการ Democratize ด้านการลงทุน หรือการทำให้การลงทุนเป็นเรื่องที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน ผ่านทาง Digital Asset
ตัวอย่างเช่นโรงแรมหรูอย่าง St. Regis Aspen Resort ในสหรัฐฯ ที่ได้แปลงสินทรัพย์ให้เป็นดิจิทัล (Digital Asset) ออก Digital Token ให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปลงทุน มีส่วนเป็นเจ้าของเพื่อรับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ไม่เพียงแต่การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่ธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ต้องมีความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดแข็งด้านขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของ KBTG นี่เองที่เข้ามาตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เกิดขึ้นจริงได้
“Digital Asset จะลดความยากในการเข้าถึงการลงทุน ทำให้ทุกคนสามารถมีโอกาสมีส่วนร่วมใน Benefit และ Value Creation จากการลงทุนได้”
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
จากตัวอย่างขั้นต้นเราได้เห็นการแปลงสินทรัพย์เป็น Digital Token ในกรณีของโรงแรม St. Regis Aspen Resort ซึ่งเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในโลกตลาดทุนแบบ Digital Asset เท่านั้น กิจกรรมทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นบนโลก Digital Asset สามารถใส่ความเป็น Creativity หรือการสร้าง Innovation ได้อย่างไม่จำกัด นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติของ Digital Token ที่รวม 3 รูปแบบของ Token เข้าด้วยกัน นั่นคือ Investment Token, Utility Token และ Payment Token ซึ่งสามารถทำให้เกิดเป็น Hybrid Contract ที่จะทำให้เกิดธุรกรรมรูปแบบใหม่ๆ ได้ตามจินตนาการ
ตัวอย่างเช่นหากเราลงทุนในฟิตเนสแห่งหนึ่ง ผลตอบแทนที่ได้รับอาจไม่ได้เป็นเพียงผลตอบแทนทางตรงในรูปแบบเดิม แต่อาจได้ผลตอบแทนในรูปแบบสิทธิประโยชน์อย่างอื่น เช่นการสามารถเข้าไปใช้ฟิตเนสได้ หรือสิทธิในการจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบอื่นๆ ตามจินตนาการในการทำ Token
หากเราเป็นผู้ประกอบการตัวเล็กๆ ที่เกิดมีคู่ค้าขอเครดิตนาน 180 วัน แล้วเรามีสายป่านไม่ยาวพอ ในโลกเศรษฐกิจแบบเดิมอาจทำให้เราต้องเสียโอกาสทางธุรกิจหรือเสียสภาพคล่องทางการเงิน แต่ในระบบ Digital Token เราอาจจะนำใบเรียกเก็บเงินของเรามาขายต่อให้กับคนอื่นในราคาที่ถูกลง เช่น 95 บาท จาก 100 บาท เพื่อให้ได้รับเงินเสริมสภาพคล่องของธุรกิจที่เร็วขึ้น
หรือแม้แต่รูปศิลปะระดับโลกในพิพิธภัณฑ์ก็สามารถทำ Tokenization ให้คนทั่วไปสามารถมีส่วนเป็นเจ้าของและได้ผลตอบแทนจากมูลค่าที่เกิดขึ้นได้ ไปจนถึงการสามารถ Tokenize สิ่งที่มีความเป็นนามธรรมสูงอย่าตรายี่ห้อแบรนด์ต่างๆ
ตั้งแต่แรกเริ่มการสร้าง Platform แนวคิดเรื่องการทำ Digital Token จะเป็นในส่วนของ Asset-Backed Token คือมีสินทรัพย์จริงค้ำประกัน หรือจากโปรเจคระดมทุนที่มีความน่าเชื่อถือ (Raise Fund) เพื่อเป็นการทางเลือกในการเข้าถึงการลงทุนและสินทรัพย์ที่ก่อนหน้านี้เข้าถึงได้ยาก โดย Platform ไม่ได้รองรับ Cryptocurrency เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เพื่อตัดความเสี่ยงของการเป็นตลาดของการเก็งกำไรมากกว่าการลงทุนที่จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
“Digital Token จะรวม Token 3 รูปแบบเข้าด้วยกัน คือ Invesment Token, Utility Token และ Payment Token สามารถเอามารวมกันเป็น Hybrid Contract ได้ ซึ่งนี่ทำให้พวกเรากล้าจะจินตนาการ กล้าระดมทุน กล้าลงทุนใน Ecosystem ใหม่”
นายกิตติ สุทธิอรรถศิลป์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสำนักผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โครงสร้างพื้นฐานบน Platform จะครอบคลุมตั้งแต่ระบบเสนอขายในตลาดแรกหรือ ICO Portal การซื้อขายในตลาดรอง หรือ Digital Asset Exchange ไปจนถึง Digital Asset Wallet ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สามารถเข้ามาใช้และพัฒนาร่วมกันโดยไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อนอีก ลดต้นทุนของทั้งระบบให้ถูกลงทั้งในมุมของการลงทุนและการระดมทุน และช่วยเชื่อมโยงความร่วมมือเบื้องหลัง (Backend Collaboration) ให้มีมาตรฐานเดียวกัน
“DLT เหมือนวงดนตรีแจ๊ส ที่ให้ทุกคนในวงสามารถใส่ creativity และ improvise ให้สร้างความแปลกใหม่ได้ เหมือน Platform นี้ที่เรามีกฏเกณฑ์ร่วมกัน แต่เราสามารถใส่จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สร้างธุรกิจโมเดลใหม่ การลงทุนแบบใหม่ๆ”
นายญาณวิทย์ รักษ์ศรี Senior Principal Visionary Architect บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
โดย Ecosystem ที่เป็น Open Platform นี้ จะเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันพัฒนา ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี DLT ที่สามารถสร้างกฏเกณฑ์หลักเดียวกัน แต่ทุกคนสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เข้ามาได้ และตลาดหลักทรัพย์ฯ เองก็อยู่ในตำแหน่งที่เป็นตัวกลางที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคส่วนอื่นๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วหมุดหมายความสำเร็จของ Digital Asset Platform นี้ไม่ใช่ชัยชนะของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการเป็น Platform ที่เอื้อให้เกิด Ecosystem ของโลกตลาดทุนใหม่ที่สามารถรองรับจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ทำให้ Real Sector กับ Financial Sector ดำเนินไปด้วยกันและเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันได้
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด