พลิกโฉมการจัดการโรคด้วย AI เปลี่ยนการรักษาสู่การป้องกันเชิงรุก

เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการโรค ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาอีกต่อไป แต่ยังครอบคลุมไปถึงการตรวจหาโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ ทำให้ระบบการดูแลผู้ป่วยมีความเป็นเชิงรุกมากขึ้น CB Insights Tech Trends 2025 ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มและโอกาสที่น่าสนใจในการนำ AI มาใช้เพื่อการจัดการโรคในยุคปัจจุบัน โดยเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสุขภาพจากแนวทางตั้งรับเป็นการดูแลเชิงรุกมากยิ่งขึ้น

การประเมินอาการด้วย AI

AI ได้เข้ามาช่วยในการประเมินอาการของผู้ป่วยอย่างแม่นยำมากขึ้น โดยใช้แชทบอทในการเก็บข้อมูลอาการของผู้ป่วยผ่านชุดคำถามที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบของโรคที่ทราบกันดี เพื่อคำนวณความเป็นไปได้ของโรคและแนะนำวิธีการดูแลที่เหมาะสม รวมถึงแนะนำผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งแนวทางนี้กำลังได้รับความสนใจและการลงทุนจากหลายบริษัทอย่างมาก โดยเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนและการควบรวมกิจการที่เกี่ยวข้องกับ AI ในด้านนี้

ตัวอย่างบริษัทที่โดดเด่นในด้านนี้ ได้แก่:

  • GYANT: พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการช่วยประเมินอาการของผู้ป่วย
  • Ubie: นำเสนอโซลูชัน AI เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและการดูแลผู้ป่วย
  • Sensely: สร้างระบบแชทบอทที่สามารถโต้ตอบกับผู้ป่วยเพื่อรวบรวมข้อมูลอาการของผู้ป่วย
  • Loyal: พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้ AI เพื่อช่วยในการค้นหาและเลือกผู้ให้บริการทางการแพทย์ให้เหมาะสม

ตรวจหาโรคในระยะเริ่มต้น

นอกจาก AI จะช่วยในการประเมินอาการแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการตรวจหาโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการแสดงให้เห็นเสียอีก การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจคัดกรองโรคช่วยให้สามารถจัดการโรคได้เชิงรุกมากขึ้น โดยมีบริษัทและเทคโนโลยีที่น่าสนใจดังนี้:

  • RetiSpec: ตรวจหาโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วย AI
  • Cyted Health: ตรวจหาความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารส่วนบนด้วย AI
  • Cardio Intelligence: ใช้ AI ในการวินิจฉัยโรคหัวใจ
  • LANGaware: ตรวจหาภาวะซึมเศร้าด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเสียงและภาษา
  • Harbinger Health: ตรวจหาโรคมะเร็งทั่วไปด้วย AI
  • Oncoustics: ใช้ AI ในการตรวจหาความผิดปกติของตับ
  • Mediwhale: ตรวจหาความผิดปกติทางตาด้วย AI
  • Coreline: ตรวจหาความผิดปกติในทรวงอกด้วย AI

การตรวจหาโรคในระยะเริ่มต้นนี้ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีและเพิ่มโอกาสในการหายจากโรคได้มากขึ้น

นอกจากนี้ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตรวจอาการหรือการตรวจคัดกรองเท่านั้น แต่ AI ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยที่มีอยู่ เพื่อระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องมีการตรวจเพิ่มเติม แนวทางนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถเข้าไปดูแลผู้ป่วยเชิงรุกและป้องกันการเกิดโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ตัวอย่างบริษัทที่ทำหน้าที่นี้ เช่น Lucem Health ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพเพื่อระบุผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงโดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันชั้นนำอย่าง Cedars-Sinai, Mayo Clinic, และ AWS ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่มีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน เช่น Predicta Med, ClosedLoop.ai, และ Care Nostics ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเทคโนโลยี AI ด้านนี้มากขึ้น

โอกาสทางการลงทุนและความร่วมมือทางการแพทย์

สตาร์ทอัพหลายแห่งเร่งพัฒนา AI เพื่อตรวจและพยากรณ์โรค พร้อมขยายเครือข่ายการให้บริการเชิงพาณิชย์เพื่อผลักดันการดูแลผู้ป่วยเชิงรุก บริษัทเหล่านี้เป็นที่จับตามองจากนักลงทุนและผู้ที่ต้องการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ

ตัวอย่างบริษัทสตาร์ทอัพที่โดดเด่น ได้แก่:

  • Ezra: ตรวจหามะเร็งด้วย AI
  • Eko: ตรวจโรคหัวใจและปอดด้วย AI
  • Qure.ai: ตรวจวัณโรค มะเร็งปอด และโรคหลอดเลือดสมองด้วย AI
  • Ikerian: ตรวจโรคทางตา โรคหลอดเลือด และโรคทางระบบประสาทด้วย AI
  • Caristo: วินิจฉัยโรคหัวใจด้วย AI
  • Mediwhale: ตรวจโรคหัวใจและหลอดเลือด ไต และตาด้วย AI

ตัวอย่างทั้งหมดล้วนมีคะแนน Commercial Maturity หรือระดับความพร้อมทางการตลาดในระดับสูง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตและโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ

AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของการจัดการโรคและการดูแลสุขภาพ ด้วยการช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก คาดการณ์ความเสี่ยงของผู้ป่วย และปรับปรุงระบบการดูแลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สตาร์ทอัพด้านนี้กำลังเป็นที่สนใจจากทั้งนักลงทุนและพันธมิตรในอุตสาหกรรม ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของเทคโนโลยี AI ในอนาคตของวงการสุขภาพ

ข้อมูลจากรายงาน CB Insights Tech Trends 2025 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะลึก Beyond DeepSeek เมื่อมังกรจีนไม่ได้มีแค่หัวเดียว เปิด map กองทัพ Open-Weight AI ที่กำลังเขย่าบัลลังก์เทคฯ โลก

เจาะลึกรายงาน Stanford: เบื้องหลัง AI จีนที่ไม่ได้มีแค่ DeepSeek แต่คือระบบนิเวศ Open-Weight ที่น่ากลัว เผยกลยุทธ์ทำเงินจาก "ของฟรี" และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่องค์กรต้องรู้ก่อ...

Responsive image

Gartner ชี้สัญญาณอันตราย 5 จุดบอดของ GenAI ที่ผู้บริหารไอทีต้องเร่งจัดการก่อนจะสาย

Gartner เตือน CIO ถึง 5 จุดบอดสำคัญในการใช้ GenAI ทั้ง Shadow AI, หนี้ทางเทคนิค และทักษะคนที่ถดถอย พร้อมทำนายปี 2030 คือจุดชี้ชะตาธุรกิจ...

Responsive image

สรุป Insight จาก ‘Turn ThAI to Tech Tide’ ชี้ไทยผลิต AI Talent ได้ไม่ถึง 500 คนต่อปี ถอดรหัส 4 กลยุทธ์จาก ดร.เอ้ และ ดร.อ้อ กู้วิกฤต Talent พลิกอนาคต AI ไทย

เจาะลึกกลยุทธ์กู้วิกฤตระบบเทคไทยจากการศึกษาจนถึงนโยบายรัฐ จากเวที AI Innovation Summit 2025 แก้ปัญหาไทยโตช้าในสนาม Data Economy ระดับโลก...