จากงาน WWDC หรือ Worldwide Developers Conference ของ Apple ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมาในเมืองซานโฮเซอ Apple ได้เปิดตัว iOS 11 สำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPad โดยมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Do Not Disturb while Driving ที่จะปิด Notification แจ้งเตือนตลอดการขับขี่ของเรา โดยผู้พัฒนาหวังว่าจะทำให้ผู้ใช้ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น หรือ Tom Hook จะบอกว่าพวกเรากำลังติดมือถือเกินไป จนต้องออกตัวช่วยไม่ให้เราเล่นมือถือขนาดขับรถ!
ฟีเจอร์ Do Not Disturb while Driving หรือ ห้ามรบกวนขณะขับรถ ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับมีสมาธิกับการขับขี่ จารจร และเหตุการณ์รอบตัวมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้จะไม่แสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างที่ iPhone หรือ iPad อยู่ในโหมดนี้ โดยเราสามารถตั้งค่าข้อความตอบกลับ (Auto Reply SMS) ให้กับรายชื่อโปรดเราตอบกลับว่าเรากำลังขับรถอยู่ด้วย
Do Not Disturb while Driving จะเริ่มทำงานเมื่อ iPhone หรือ iPad ที่ใช้ระแบบ iOS11 เชื่อมต่อกับ Bluetooth ของรถยนต์ หรือว่าต่อสายเชื่อมกับรถยนต์ มือถือก็จะเข้าสู่โหมด Do Not Disturb while Driving โดยอัตโนมัติ หน้าจอก็จะดับไปและถ้าผู้โดยสารจะใช้มือถือก็ต้องกดยืนยันก่อนว่า ฉันไม่ได้ขับรถ เพื่อเข้าสู่แอพต่างๆ อย่างปกติ ส่วนผู้ขับที่ใช้ Google Map หรือแอพลิเคชั่นนำทางต่างๆ ก็ยังสามารถดูเส้นทางได้อย่างปกติ เพียงแค่คุณจะไม่สามารถไปจิ้มๆ หรือป้อนที่หมายใหม่ได้เท่านั้นเอง
สรุปคือ Do Not Disturb while Driving นี้เพียงแค่ปิดหน้าจอ ไม่แสดงการแจ้งเตือน เพื่อไม่ให้เราตอบแชท เล่นมือถือหรือเหลือบตาไปมองมือถือระหว่างขับรถ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าฟีเจอร์นี้จำเป็นจริงๆ หรือเปล่า เพราะเพียงแค่ไม่จับมือถือ ไม่มองมือถือ ไม่ใช้มือถือระหว่างขับรถ ทั้งหมดนี้ผู้ขับก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
การขับรถแบบปลอดภัยสมาธิจดจ่อกับเส้นทางจารจร เป็นสิ่งที่เราควรทำด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ทำไมผู้พัฒนายังต้องพัฒนาฟีเจอร์นี้มาให้เราด้วย?
ในขณะเดียวกันเราก็เห็นคลิป หลายคดีที่ผู้คนติดแชท ก้มหน้ากดมือถือจนลืมตัว ไม่ดูสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นคลิปสาวกดมือถือระหว่างข้ามถนน หรือที่รัฐบาลออกกฎหมายห้ามจับมือถือระหว่างขับรถ ติดกล้องราคาแพงบนถนนเพื่อส่องหาคนที่ขับรถไปเล่นมือถือไป ไม่ว่าจะพยายามกันเท่าไหร่ ก็ยังมีผลวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า เราติดมือถือ!
Pew Research ของสหรัฐอเมริกา ก็ได้ทำการศึกษาออกมาแล้วว่า ในปี 2009 และ 2010 มีจำนวนประชากรชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่ร้อยละ 58 วัยรุ่นร้อยละ 66 ใช้โทรศัพท์มือถือในการแชท ซึ่งด้วยอัตราร้อยละที่สูงเหล่านี้ ก็หมายความว่าพวกเขาเสพติดการแชทอยู่ตลอดเวลา การเล่นโทรศัพท์ ในการแชทดังกล่าวแล้ว Pew Research ยังพบอีกว่า มีวัยรุ่นถึงร้อยละ 34 และร้อยละ 47 ในผู้ใหญ่ แชทในขณะขับรถค่ะ อีกทั้ง ในปี 2008 การจราจรทางหลวงเพื่อความปลอดภัยแห่งชาติ (NHTSA) ยังได้รายงานด้วยว่า กว่า 6,000 คนเสียชีวิต และอีกกว่า 5 แสนคนบาดเจ็บ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการแชทแล้วขับ
จากงานวิจัย คลิปต่างๆ และความพยายามต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน อาจจะทำให้เราสรุปได้ว่าจริงๆ แล้วคนยุคเราติดมือถือ ติดจนบริษัทผลิตมือถือต้องสร้างฟังก์ชั่นให้มือถือออกห่างจากเราเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเราเอง!
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด