การทำสตาร์ทอัพที่มีโมเดลธุรกิจแบบ Marketplace กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมักจะสามารถนำมาแก้ปัญหาที่ผู้ใช้มีในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่ง Drivemate (ไดร์ฟเมท) ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะนี่คือแพลตฟอร์มเช่ารถออนไลน์รูปแบบใหม่ ทำหน้าที่ให้ผู้ปล่อยเช่ารถและผู้ที่ต้องการเช่ารถมาพบกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังจัดหาประกันภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มารองรับทุกการเดินทาง เรียกง่ายๆ ก็คือเป็นบริการค้นหารถ-เช่ารถ จากตำแหน่งที่เราอยู่นั่นเอง
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้ว Drivemate จะมาสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างให้กับวงการเช่ารถได้อย่างไร และจะมาแก้ปัญหาในการใช้ชีวิตของเราอย่างไรบ้าง รวมถึงจะสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยทั้งในแง่ของผู้ให้เช่ารถและผู้ที่ต้องการเช่ารถได้มากแค่ไหน วันนี้เราจะมาฟังที่มาที่ไปและรูปแบบธุรกิจที่น่าสนใจของ Drivemate จาก คุณอ๋อง ศิลป์รัฐ สุขวัฒนศิริ CEO & Founder และ คุณเกด ธัญญธร ฐิติเศรณี Co-Founder สาวของ Drivemate กัน
คุณอ๋อง - จากข้อมูลวิจัยหรือการสอบถามจากคนส่วนใหญ่ เราพบว่าปัจจุบันคนที่มีรถจะใช้รถเฉลี่ยประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อีก 19 ชั่วโมงถูกจอดทิ้งไว้ไม่ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ เราเลยเกิดความคิดที่ว่าทำไมไม่นำเวลาเหล่านั้นมาเพิ่มมูลค่า โดยหลักการของเราคล้ายๆ AirBnB ที่นำบ้านมาปล่อยเช่าเลยครับ ปัญหาอีกข้อที่เราพบเจอคือ เรื่องของราคาค่าเช่ารถที่ทุกวันค่อนข้างสูง บวกกับที่รถเดิมๆไม่มียี่ห้อที่หลากหลาย ปัญหาสุดท้ายก็คือ ไม่มีแพลตฟอร์มที่รองรับในประเทศไทย คนมีรถแต่ผ่อนไม่ไหว ถ้าอยากหารายได้เสริมจากรถก็ไม่รู้จะปล่อยที่ไหน ส่วนคนที่จะเช่าออนไลน์บางคนอาจจะไม่อยากใช้บัตรเครดิตแต่อยากโอนเงินมากกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่รถเช่าจะใช้บัตรเครดิต แต่ของเรามีทั้งโอนเงินและบัตรเครดิต ซึ่งเป็นทางเลือกให้เขามากขึ้นครับ เราคิดว่านี่เป็นปัญหาที่เราสามารถช่วยแก้ไขได้ และยังเป็น Business Model ที่มีในหลายประเทศและได้รับ Feedback ที่ดี
คุณอ๋อง - ก็จะมีหลายประเภทครับ ส่วนใหญ่อายุประมาณ 30 ปี เป็นคนที่มีรถหลายคันหรือมีรถหรู แต่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้บ้าง หรือบางคนไม่ได้ทำงานแต่อยากนำรถมาปล่อยเช่าก็มี
คุณอ๋อง - ตลาดเมืองไทย มูลค่าทั้งหมดอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ถ้าเป็นภูมิภาค South East Asia อยู่ที่ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเรามองว่าโมเดลนี้สามารถทำซ้ำได้ สามารถเติบโตที่ไหนก็ได้ เรามองว่าตลาดค่อนข้างใหญ่ครับ
คุณอ๋อง - ก่อนที่เราจะทำธุรกิจนี้ก็ได้ศึกษาและคุยกับหลายคนครับ พอดีว่าหนึ่งใน Co-Founder ของเราเป็นหุ้นส่วนของบริษัท LMG Insurance บริษัทประกันภัยระดับมหาชน ซึ่งถ้ารถเสีย รถชน ทุกอย่างเคลมประกันได้หมด ทั้งฝั่งผู้เช่าและฝั่งเจ้าของรถเองก็ได้รับความคุ้มครอง เจ้าของรถไม่ต้องกังวลเรื่องรถชนหรืออะไรเลย รวมถึงเราจะมีการสกรีนประวัติของผู้เช่าว่ามีประวัติอาชญากรรมมาอะไรบ้าง ถ้ารถหายเช่นนาย A เช่าไป ถูกนาย B ขโมยไป ก็จะได้รับการคุ้มครองเช่นกัน แล้วเราก็ยังมีระบบ GPS ที่สามารถ Track ได้ว่ารถของเขาอยู่ที่ไหน ความจริงก่อนหน้าที่เราจะ Launch เราก็กังวลเหมือนกัน แต่พอผ่านไป 50 Transactions แล้ว ก็คลายกังวลได้บ้าง
คุณอ๋อง - เราได้ commision 20% ครับ
คุณอ๋อง - ตอนนี้เน้นที่คนไทย 100% ครับ เนื่องจากอยากทดสอบ Behaviour คนที่มาใช้ อย่างตอนนี้เว็บไซต์ก็ต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง เพราะเรานำ Feedback มาพัฒนาให้เข้ากับผู้ใช้มากขึ้น
อย่างตอนนี้เรามี 15 จังหวัด จากที่เปิดตัวมา 2 เดือน ถ้าสมมติว่าลงเครื่องแล้วต้องการเช่าแบบ Last minute เราคงไม่สามารถสู้ได้ เราอยากได้คนที่วางแผนการเดินทาง จริงๆ Last minute ค่อนข้างเสี่ยงกับเรื่องรถหายซึ่งคนที่ไม่วางแผนอะไรเลยค่อนข้างเสี่ยงอยู่แล้ว คนที่เร่งรีบเอกสารก็จะไม่ค่อยครบ ซึ่งถ้าเอกสารไม่ครบเราจะไม่ปล่อยเลย นอกจากนี้เรายังดึงคนขับรถตู้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเราเช่นกัน ซึ่งไม่ได้มีแค่รถเช่า แต่รถจะมีทั้งหมด 4 ประเภทครับ คือ เช่ารถขับเอง, เช่ารถพร้อมคนขับ, เช่ารถออกงานอีเวนท์ และเช่ารถหรู ส่วนมากคนจะเช่ารถไปออกงานหรือถ่ายละคร โดยสิ่งที่เราต่างจากรถเช่าทั่วไปคือเรามี คนขับรถไปส่ง คุณแค่รออยู่ที่บ้าน เราอยากให้ผู้เช่าสะดวกสบายที่สุดครับ
คุณเกด - มีค่ะ จริงๆแล้วเรามีประเภทรถ Eco Car / Luxury Car ไปจนถึง Super Car ของเราก็จะหลากหลายกว่ารถเช่าในท้องตลาด มีลูกค้าประเภทที่ไม่อยากซื้อรถเอง เช่น เดือนนี้อยากเช่า BENZ เดือนต่อไปเช่า BMW ก็จะเป็นไลฟ์สไตล์แบบที่ไม่ต้องการซื้อรถ
คุณอ๋อง - มีครับ ก็จะเน้นพวก Corporate บริษัทที่อยากเช่ารถแต่จะระยะยาวถึง 6 เดือน และมีคนที่ปล่อยรถที่อยากเน้น Corporate ไปเลยก็มีครับ
คุณอ๋อง - มีรถประมาณ 300 คันใน 15 จังหวัด ผ่าน Transaction ประมาณ 50 Transactions แล้วครับ
ส่วนใหญ่เป็นกรุงเทพฯ เพราะจริงๆ เดือนแรกแล้วเราโปรโมทแค่ฝั่งเจ้าของรถ เดือนที่สองเราเริ่มโปรโมทผู้เช่า และเดือนนี้เราเริ่มโปรโมทต่างจังหวัด เราอยากทดสอบระบบที่กรุงเทพฯ ก่อนเผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขได้
คุณอ๋อง - ตอนนี้คงโฟกัสที่ประเทศไทยก่อนครับ ขอทำ Service ให้ดี สร้าง Brand Awareness ทุกอย่างให้ดีก่อนแล้วค่อยขยายครับ สิ้นปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะมีรถ 500 คัน อยากให้เติบโตแบบ 100% ทุกปี เอาแค่ในกรุงเทพฯมีรถกว่า 9 ล้านคัน แต่ถนนรองรับได้แค่ 1 ล้าน 6 แสนคัน คือมากเกินความจำเป็นถึงได้มีรถติดเป็นปัญหาระดับชาติ จริงๆผลการวิจัยบอกว่าการแชร์รถ 1 คันสามารถช่วยลดปริมาณรถบนท้องถนนได้ถึง 10 คัน ถ้าทุกคนช่วยกันแชร์ เกดว่าปัญหานี้จะค่อยๆแก้ไปในทางที่ดีขึ้น
คุณอ๋อง - ตัวผมเอง ไม่เกี่ยวกับธุรกิจรถเช่ามาก่อน ผมทำธุรกิจรองเท้า แต่หุ้นส่วนผม คุณกวงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 15 ปี รวมถึงเขาเองยังเป็นหุ้นส่วนของ LMG ด้วย ซึ่งเขามองเห็นว่ามีโอกาส อย่างที่ผมเรียนไปข้างต้นว่า รถในไทยมีอยู่มากกว่า Demand อยู่แล้ว ทำไมเราไม่นำรถมาแบ่งปันให้คนใช้กัน ทั้งๆที่ Business Model นี้ ที่เมืองนอกก็มีและประสบความสำเร็จด้วย ไทยก็น่าจะทำได้เช่นกัน
คุณเกด - ของเกด ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก็ไม่เกี่ยวเลยเหมือนกัน แต่พอไปเห็นโมเดลนี้ที่ต่างประเทศและคิดว่าสามารถทำซ้ำได้ในหลายๆ ประเทศ และก็ Scale ได้ อีกทั้งหนึ่งใน Co-Founder คุณวสวัส วสุธา วสุธากรุ๊ป เขาทำเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์และเป็นอู่ซ่อมรถมากว่า 30 ปี ก็สามารถช่วย Inspect รถได้เลย รถที่เข้ามาร่วมกับเรา เราจะทำการ Inspect ก่อนเพื่อที่ผู้เช่าจะได้มั่นใจว่าไม่เสียหาย สุดท้ายก็คือเรื่อง Onsite Assistant 24 ชั่วโมง ซึ่งทาง LMG สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่ไหนในประเทศไทย เรา Cover หมด
คุณอ๋อง - จริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือสตาร์ทอัพ เราก็ทำ SMEs มา เห็นว่ามีโมเดลนี้ที่ต่างประเทศเลยศึกษาดูและอยากให้มีในเมืองไทย เท่านั้นเองจริงๆ ครับ แต่พอเข้ามาสัมผัสสตาร์ทอัพก็ได้รู้ว่าต่างจาก SMEs มากโดยสามารถโตแบบก้าวกระโดดเป็น 1000% ต่อปี เรามองว่าสตาร์ทอัพก็เหมือน SMEs แหละ คนส่วนใหญ่จะพูดว่า สตาร์ทอัพ Fail 95% จะบอกว่า SMEs ก็ไม่ต่างกัน มันคือชีวิตการเป็นผู้ประกอบการเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะลงสนามไม่ว่าจะเป็น SMEs หรือสตาร์ทอัพ ใจต้องสู้ ต้องเชื่อในสิ่งที่คิดว่าสักวันหนึ่งต้องสำเร็จ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของการลงทุน ซึ่งถ้าวันหนึ่งมันหมดเราอาจจะท้อ จริงๆไอเดียที่เราคิดอาจเป็นไปได้ก็ได้ แต่อาจจะไม่ถูกจังหวะ ไม่ถูกปัญหามากกว่า
คุณเกด - จริงๆเดี๋ยวนี้ผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกันแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา สิทธิต่างๆ เราไปเห็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ เราก็อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง ซึ่งเราเชื่อว่าผู้หญิงสามารถทำได้เช่นกัน
จากโมเดลธุรกิจและแนวคิดของ CEO และ Co-founder ที่เราได้เห็นในบทสัมภาษณ์ ทำให้เราได้มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจที่คนลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง เห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจังในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ไฟแรง และมั่นใจว่าไดร์ฟเมทน่าจะกลายมาเป็นเพื่อนใหม่ที่จะเข้ามาช่วยดูแลเรื่องการเช่ารถให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้อย่างดี
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด