สัมภาษณ์พิเศษ "กรวัฒน์ เจียรวนนท์" CEO แห่ง Eko กับก้าวต่อไปหลังจากได้ Series A | Techsauce

สัมภาษณ์พิเศษ "กรวัฒน์ เจียรวนนท์" CEO แห่ง Eko กับก้าวต่อไปหลังจากได้ Series A

วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของคุณกรวัฒน์ เจียรวนนท์ CEO และ founder Eko ซึ่งเป็น Startups สายเลือดไทยที่เพิ่งจะระดมทุนได้กว่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐใน Series A คุณกรวัฒน์ เจียรวนนท์ เป็นทายาทตระกูลดังในเครือเจริญโภคภัณฑ์และเป็นลูกชายของคุณศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณกรวัฒน์ หรือ ภู ไม่ได้มีแค่ดีกรีตระกูลดังแต่ยังพกเอาความสามารถมากมายที่จะมาแบ่งปันให้พวกเราได้ฟังกัน

12082951_1024817440886066_1178995535_o

ช่วยแนะนำเกี่ยวกับตัวบริษัทหน่อยครับ

ตอนแแรกเราเริ่มเป็น mobile messaging app เริ่มทำจริงๆปลายปี 2010 ตอนนั้นผมก็อายุประมาน 15-16 เราพยายามที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะด้วยตลาดที่แข่งขันกันสูงมาก ในปี 2012 ตอนที่ผมเรียนอยู่นิวเจอร์ซี่ ผมได้ไปสมัครเข้าโครงการ Accelerate Incubator ที่ Princeton ซึ่งเงินทุนก้อนแรกที่ได้รับก็ไม่ได้เยอะมากราวๆ 20,000 เหรียญสหรัฐ แต่สิ่งสำคัญคือผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Startups และแนวคิดของซิลิคอนวัลเลย์มากยิ่งขึ้น

มีหลายคนบอกว่าแอปของเรามีโอกาสที่จะเติบโตและเป็นที่ต้องการอย่างสูงสำหรับบริษัทใหญ่ๆ เพราะบริษัทใหญ่ๆอย่าง Microsoft และ IBM ก็ไม่ได้มีโปรแกรมที่ให้พนักงานได้คุยกัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงานหรือส่วนตัวก็ดี พนักงานเหล่านี้จึงหันไปใช้ Line และ Whatsapp กัน  นี้จึงเป็นโอกาสที่เรามองเห็นว่าแอปของเราสามารถที่จะตอบสนองความต้องการด้านนี้ เพราะเราสามารถให้ความปลอดภัยและรวดเร็วในการส่งข้อความ Line และ Whatsapp ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อไว้ใช้งานในบริษัท

การใช้แพลตฟอร์มที่เป็นทางการอย่างเช่นบัญชีอีเมลที่บริษัทให้มาติดต่องาน จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ หลายๆบริษัทเริ่มเล็งเห็นแล้วว่าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะมีบทบาทอย่างมากในอนาคต โดยพิสูจน์จากตัวเลขผู้ใช้งาน LINE และ WhatsApp ที่มีอยู่หลายล้านบัญชีทั่วโลก

ปลายปี 2013 เราก็ปล่อยตัวเบต้าออกมา แต่ก็ยังไม่มีบริษัทมาใช้งานแอปของเรามาก เพราะบริษัทเหล่านี้ย่อมมีความคาดหวังที่สูงและแตกต่างกันออกไป เราจึงต้องศึกษาไปเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ก็คือบริษัทใหญ่ๆไม่ต้องการเครื่องมือที่ทำได้อย่างสองอย่าง พวกเขาต้องการเครื่องมือที่ครอบจักรวาลนั้นเอง จนมาต้นปี 2015 เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาดส่วนใหญ่ สุดท้ายแล้วเรามองผลิตภัณฑ์ของเราว่าเป็น Digital Headquarter ซึ่งเราหลายๆอย่างเข้าด้วยกันไม่ใช่แค่การสื่อสาร ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ของเราก็คือ

ข้อดีของ Eko มีอะไรบ้าง

  1. เราให้ลูกค้าได้สามารถปรับแต่งตัวแอปอย่างมีอิสระเช่น โลโก้ ไอคอนหรือแม้กระทั้งชื่อของ เปรียบเสมือนเป็นแอปของบริษัทตัวเอง
  2. ในแง่ของหลังบ้านเราสามารถให้การควบคุมได้อย่างเต็มที่เช่น admin control panel บริษัทสามารถควบคุมข้อมูลที่ผ่านทางผู้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหรือตัวบุคคล
  3. เราให้ความปลอดภัยที่แน่นหนาสำหรับธนาคารใหญ่ๆที่ต้องการส่งข้อมูลสำคัญของลูกค้า ร่วมไปถึงการดึงกลับข้อมูลที่เราส่งออกไปและไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เราสามารถลบข้อความดังกล่าวและข้อความนั้นจะถูกลบออกไปจากมือถือของทุกคนที่เราส่งออกไปอีกด้วย

กลุ่มเป้าหมายคือใคร

เราตั้งเป้าหมายไว้ที่บริษัทใหญ่ๆ แม้ว่าการเข้าถึงบริษัทพวกจะเป็นไปได้ยากก็ตาม ในตอนแรกๆ มีบริษัทในอเมริกาที่เชื่อมโยงกับบริษัทเงินทุนอย่าง TigerLabs ที่ใช้ Eko อยู่แล้ว เราเลยลองไปเสนอให้ทางบริษัททรู ทางบริษัทจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบป้องกันที่ดี พอทรูเริ่มใช้งาน Eko ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้นเพราะบริษัทต่างประเทศเห็นว่า Eko ประสบความสำเร็จในการร่วมงานกับบริษัทใหญ่ในประเทศไทย พวกเขาจึงเริ่มให้ความสนใจกับเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำ partnership กับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีแบรนด์อยู่แล้ว

วางแผนอนาคตข้างหน้าไว้อย่างไร

ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เราต้องการที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่เพียงแค่ mobile communication แต่เป็น mobile platform สำหรับบริษัทใหญ่ๆ

มองตลาดในประเทศไหนเอาไว้บ้าง

ยุโรปก็เป็นตลาดที่สำคัญกับเราเหมือนกัน ตอนนี้เรายังไม่มองสหรัฐเพราะว่ามีการแข่งขันที่สูงมาก เหนือสิ่งอื่นใด เรามองไปที่ตลาดในจีนเป็นหลัก เพราะถ้าเราเจาะตลาดในจีนได้เราจะไปไหนในโลกก็ย่อมได้ จีนจะเป็นฐานที่ใหญ่พอให้เราต่อกรกับบริษัทใหญ่ๆ

มอง Startups ไทยเป็นอย่างไร

ผมไม่ได้วิจารณ์ใครเป็นเฉพาะนะครับ แต่สิ่งที่ผมเห็นของ Startups ไทยก็คือพวกเขาจะใช้คำว่า We are the "x" of Thailand เรียกแทนตัวเอง ยกตัวอย่าง We are the Uber/Airbnb of Thailand สำหรับผมก็เราไปวางกรอบเอาไว้แค่นี้ เราก็จะอยู่แค่ตรงนี้ ถ้าเราไม่ตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ เราก็จะเป็นเหมือนซิลิคอนวัลเลย์ไม่ได้

สำหรับ Eko ความฝันของผมก็คือ เราจะเป็น technology provider กับ innovators ในระดับโลก ในวันนี้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถจะต่อกรกับซิลิคอนวัลเลย์ในทุกตลาดได้เลย ผมอยากให้ทั่วโลกมองว่า Eko คือบริษัทของคนไทยที่เป็น technology innovators

ผมคิดว่าคนไทยมีศักยภาพสูงที่จะไปรุกตลาดต่างประเทศได้ มีหลายปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้ไกลเพราะเราเป็นประเทศที่มี mobile centric ที่สุด อย่างเช่น Line Whatsapp Instagram ก็มาฮิตที่เมืองไทยก่อนจะขยายไปทั่วโลก

คำแนะนำถึงการเติบโตในระดับโลก

การที่เราจะเติบโตในระดับโลก เราต้องมีทักษะและความสามารถที่สูง ณ ตอนนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่มีคนนอกซิลิคอนวัลเลย์ ที่มีความสามารถพอจะต่อกรกับพวกเขาได้ เพราะซิลิคอนวัลเลย์ดึงเอาคนเก่งๆ ไปหมดแล้ว เราจึงต้องทำแบบพวกเขาบ้าง เราได้ CTO จากอเมริกาที่มีความสามารถสูง เคยไปทำงานกับ NASA หลังจากนั้นเราก็หาคนไทยที่มีทักษะสูงๆและค่อยสอนพวกเขาเหล่านั้นให้คิดเหมือนซิลิคอนวัลเลย์

จำเป็นไหมที่ Startups ต้องออกไปโตเมืองนอก

ไม่จำเป็นครับ จริงๆ แล้วเราควรเกิดในเมืองไทยก่อนและเราจึงจะสามารถมองทิศทางในอนาคตได้

ทำอย่างไรให้คนหันมารู้จัก Eko

ทางที่ดีเราควรจะต้องไปร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงแล้ว บริษัทของเราก็จะดูน่าเชื่อถือ อีกอย่างก็คือการเลือก VC และ Angel เพราะพวกเขาเนี้ยแหละจะค่อยช่วยเหลือเราในการเติบโตก็ดีหรือไม่ว่าจะค่อยให้คำแนะนำในการเข้าไปตีตลาดไปประเทศอื่นๆ

ในเมื่อเราเป็นลูกหลานของตระกูลดัง มีความกดดันไหม

มักจะมีคำพูดสำหรับคนจีนบอกว่า คนรุ่น 1 ริเริ่มธุรกิจ คนรุ่น 2 สร้างมันขึ้นมาส่วนคนรุ่น 3 ไม่ทำงานเอาแต่ใช่เงิน คุณพ่อผมบอกว่าเพื่อที่บริษัทจะอยู่รอด เราต้องปลูกฝัง spirit of entrepreneurship ไว้ในทุกๆ รุ่น ครอบครัวผมจึงมีนโยบายให้ออกไปทำเอง เรียนรู้เอง ทุกๆคนในตระกูลต้องออกไปลำบากเรียนรู้ที่จะสร้างทุกอย่างขึ้นจากไม่มีอะไร ผมได้แรงบันดาลใจจากการเห็นคุณพ่อและคุณปู่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก ถ้าผมไม่มีคำแนะนำจากคุณพ่อ ไม่มีทางที่ Eko จะมาถึงทุกวันนี้ได้ พ่อแม่ผมสอนว่าเงินทุกอย่างที่เรามี ทุกอย่างสามารถหายไปได้ในพริบตา แต่ที่ยังมีอยู่คือความรู้และประสบการณ์


สิ่งที่เราได้หลังจากพูดคุยจะเห็นได้ว่า มุมมองของ CEO แห่ง Eko นั้นไม่ธรรมดาเลย ทั้งทางเรื่องธุรกิจและการพัฒนา และมองว่าไม่ใช่แค่การทำแอปให้สามารถใช้งานได้เท่านั้น การหา partner ที่จะเอามาช่วยให้ธุรกิจของเขาและของเราสามารถดำเนินต่อไปได้ partner ดีก็มีชัยไปด้วยกันครับ

สำหรับใครที่อยากเรียนรู้ประสบการณ์ตรงของ Startup ไทยในสหรัฐฯ คุณกรวัฒน์ จะมาแบ่งปันรายละเอียดให้เรากันในงาน Start it Up Conf. 2015 ด้วย ใครสนใจรีบสมัครด่วน!

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สองวิธีเรียกคืนอำนาจบริหารจากบริษัทตัวเอง ถกประเด็นน่ารู้จากซีรีส์ Queen of tears

เจาะลึกประเด็นซีรีส์ Queen of tears การต่อสู้แย่งชิงอำนาจบริหาร Queens Group กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลฮงจะกลับมายึดคืนอำนาจบริหาร ...

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...