ขึ้นชื่อว่าของสะสม นอกจากจะสร้างคุณค่าทางจิตใจแล้ว ยังเป็นการลงทุนที่สร้างกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตลาดของสะสมได้เติบโตมหาศาล มูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 370,000 ล้านดอลลาร์ เป็นผลจากการเพิ่ม ช่องทางซื้อ-ขายของสะสมทางออนไลน์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีผู้ใช้งานที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่า 300 ล้านราย
แม้ว่า community ของสะสมจะผุดขึ้นมากมายตามโซเชียลมีเดีย แต่ปัญหาที่นักสะสมเจอระหว่างซื้อขายย่อมไม่พ้นเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อ-ผู้ขาย ลิขสิทธิ์สินค้า และความสมเหตุสมผลของราคา หลายคนก็เลือกที่จะเสี่ยงดวง ไม่คุ้มเสีย SASOM (สะสม) จึงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว และพัฒนาแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายที่ใช้งานง่าย และพูดเลยว่า เป็นโซลูชันที่เกิดมาเพื่อนักสะสมรุ่นใหม่จริง ๆ
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคของสะสมส่วนใหญ่มักจะเป็น Generation Z (25 - 34 ปี) ซึ่งมีนิยามของสะสมและนิยมของสะสมแตกต่าง ไปจาก Generation รุ่นก่อนหน้า เนื่องจากเติบโตมาพร้อมกับยุคดิจิทัลที่เพลิดเพลินกับงานศิลปะหลายรูปแบบ คนรุ่นใหม่จึงเน้นสะสมของที่มีความสวยงามเฉพาะ เพิ่มคุณค่า และสร้างอัตลักษณ์ให้พวกเขาได้ ของสะสมส่วนใหญ่จึงเป็นของสะสมแนวแฟชั่น แบรนด์เนมที่หายาก และสินค้าที่ได้แรงบันดาลใจจากเซเลบริตี้ที่ชื่นชอบ
ด้วยเหตุนี้ สินค้าของสะสมส่วนใหญ่ในแพลตฟอร์ม SASOM จึงตอบโจทย์ Generation Z อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นของหายาก ยอดนิยม อาทิ รองเท้าผ้าใบ NIKE, ตุ๊กตา BE@RBRICK, แฟชั่นสตรีทแวร์ (เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ) และนอกจากนี้ มีแผนจะขยายพอร์ตกลุ่มสินค้า เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและครอบคลุมความสนใจเฉพาะอื่น ๆ โดยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดซื้อขายสนีกเกอร์ในไทยจาก 20% เป็นกว่า 80% และเพิ่มสินค้าประเภทอื่น ๆ อาทิ เทรดดิ้งการ์ด (การ์ดสะสม) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ กล้องถ่ายรูป และงานศิลปะ ฯลฯ
นอกจากหมวดหมู่สินค้าจะเป็นที่ดึงดูดจากนักสะสมหลากหลายกลุ่มแล้ว SASOM ยังอำนวยความสะดวกให้การซื้อขาย เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อจนไปถึงขั้นตอนการส่งมอบของ อาทิ
ในอนาคต SASOM จะมีฟีเจอร์เพื่อลดความซับซ้อนและปัญหาที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายเพิ่มเติม โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เข้าชมแพลตฟอร์มได้แม่นยำ นอกเหนือจากนี้ จะยกระดับประสบการณ์การซื้อขายให้ประทับใจมากที่สุด เช่น การเปิดประมูลสินค้า เปิดออเดอร์รับสินค้า และอาจใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) รองรับการทำธุรกรรมการเงินเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ต่อยอดการชำระเงินแบบเดิมที่ต้องโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารหรือผ่านบัตรเครดิต
เส้นทางการเติบโตของสตาร์ทอัพ SASOM นั้นเริ่มเป็นรูปร่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากผู้ประกอบการธุรกิจที่เข้าใจนักสะสม ในระดับ Community ตอนนี้ SASOM ได้กลายเป็นสตาร์ทอัพรายแรกของไทยที่ได้รับการระดมทุนระดับ Pre-Series A จากบริษัทลงทุนเกาหลีใต้ Kream Corporation และอยู่ระหว่างการวางแผนระดมทุนระดับ Series A อย่างต่อเนื่องในปี 2565
โดยเป้าหมายจากการระดมทุน Series A SASOM ตั้งใจจะเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมให้รองรับได้จากเดิม 300-500 รายการ สู่ 1,000-1,500 รายการ และ 3,000-5,000 รายการ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ SASOM วางแผนขยายกิจการรับฐานผู้ซื้อและผู้ขายในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ตลาดแพลตฟอร์มของสะสมยังมีผู้เล่นน้อยราย ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อก้าวสู่การเป็น จุดหมายของผู้ซื้อขายของสะสม (Destination of Secondary Market) และเป็นผู้นำแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและหายากอันเป็นสวรรค์สำหรับนักสะสมระดับเอเชีย (The Collectors Paradise of Asia) โดย SASOM ได้เตรียมความพร้อมในด้านเทคโนโลยีรวมทั้งการเสริมศักยภาพบุคคลากรเพื่อช่วยผลักดันระบบและเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ SASOM ยังมีแผนโปรโมตแพลตฟอร์มผ่านการตลาดแบบประยุกต์ รวมทั้งการใช้อินฟลูเอนเซอร์ทั้งไทยและเทศ เพื่อเข้าถึงลูกค้าหลากหลายประเทศมากขึ้น
ดาวน์โหลดแอป SASOM: http://onelink.to/xvvfhj
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด