Hack Bitcoin นั้น มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ ไหมนะ? แล้วถ้าจะทำ มันยากแค่ไหนกันนะ แล้ว 51% Attack คืออะไร? ส่งผลยังไง กับธุรกรรมบน Blockchain? พบกับคำตอบจาก Token Talk โดย Techsauce ร่วมกับ Token X
Token X เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ซึ่งทุกคนก็รู้ดีว่าโลกของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลนี้มันหมุนเร็วมากๆ โดยในระยะเวลาเพียงสองสามเดือน ความรู้ต่างๆ ที่เราเคยรู้อาจกลายเป็นสิ่งที่ Obsolete ไปแล้วก็ได้
ที่ Token X เองจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ Team Member ทุกคน ต้อง Update ความรู้ใหม่ๆ ให้ตัวเอง และคนรอบข้างอยู่เสมอๆ (ผ่าน Knowledge Sharing Session และ Udemy แบบไม่อั้นที่เป็น Benefit แบบฟรีๆ)
โดยในฐานะที่ผู้เขียนเป็นหนึ่งในทีม Technology และมีความสนใจในเรื่องของ “ความปลอดภัย” ในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นพิเศษ (โดยเฉพาะกับ Bitcoin 😊) จึงได้ไปทำ research เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า “เอ๊ะ การ Hack Bitcoin นั้น มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ ไหมนะ? แล้วถ้าจะทำ มันยากแค่ไหนกันนะ?” โดยเนื้อหาที่ได้รับรู้มานั้นถือว่าน่าสนใจมากๆ เลยอยากแชร์ความรู้นี้ให้แพร่หลายออกไปในวงกว้าง
ด้วยความที่ Bitcoin นั้นไม่มีตัวกลาง จึงต้องมีการทำฉันทามติ (การหาเสียงส่วนใหญ่ในระบบ Consensus) โดยวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ Proof of Work (PoW)
การทำ PoW ก็เพื่อตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมใน Block ที่เกิดขึ้นใหม่ โดย Miner (นักขุด) จะต้องทำการถอด Hash (โดยกระบวนการ Hash Function) โดยทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยที่นักขุดคนแรกที่ถอดรหัสได้ถูกต้องและมีคำตอบที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ ก็จะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin
ซึ่งการที่จะได้มาในคำตอบที่ถูกต้องนั้น ต้องใช้พลังงานในการหาคำตอบค่อนข้างมาก (CPU ต้องใช้ไฟฟ้า 😊) และด้วยความที่คำตอบที่ได้ต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ หรือก็คือต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 51% ซึ่งถ้านักขุดคนใดมี Hash Power มากกว่า 51% (ของกำลังขุดทั้งหมด) ก็จะมีอำนาจในการควบคุมเหมือง และทำให้สามารถเกิดการโจมตี “51% Attack” ขึ้นได้นั่นเอง!
51% Attack คือการโจมตีเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกรรมใน Blockchain โดยกระทำโดยนักขุดที่มีพลังควบคุมเหมือง (Hash Power)
ของ Bitcoin Network นั้น ๆ มากกว่า หรือเท่ากับ 51% ซึ่งการมี Hash Power เยอะนั้นหมายความว่า นักขุดคนนั้นมีกำลังในการขุดเร็วและมากกว่าคนอื่น ๆ ในเครือข่าย
โดยการปรับเปลี่ยนธุรกรรม หมายถึงการที่ธุรกรรมถูกเขียนทับหรือถูกย้อนกลับ ทำให้ธุรกรรมที่ควรจะเกิดขึ้นไม่เกิดขึ้นในระบบ Blockchain
นาย A นำ Bitcoin ไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม โดยที่นาย A มีพลังในการขุดมากกว่า 51%
นาย A จึงได้ทำการขุด ไว้ตั้งแต่ block ที่มีการทำธุรกรรม โดยไม่ใส่ข้อมูลการทำธุรกรรม (Empty) และทำการขุดต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อให้มี block มากกว่าในเครือข่าย (โดยที่ไม่ทำการประกาศ (Broadcast) Blockchain ของตัวเอง ไปยัง Node อื่น ๆ ในเครือข่าย)
และเมื่อนาย A ได้รับกระเป๋าแบรนด์เนมเรียบร้อย จึงทำการ “Broadcast Block” ที่ตัวเองมี ไปยัง Node อื่น ๆ
Fundamental: ถ้า Blockchain มีการขัดแย้งกันระหว่าง 2 Blockchain ขึ้นไป เครือข่ายจะเชื่อ Blockchain ที่ยาวที่สุด
ด้วยความที่ Blockchain จะเชื่อถือ Blockchain ที่ยาวกว่า จึงทำให้ Blockchain ของนาย A ถูกยืนยันในเครือข่าย นาย A จึงได้กระเป๋าแบรนเนมไป โดยที่ไม่เสีย Bitcoin และร้านค้าไม่ได้รับ Bitcoin นั่นเอง!
กรณีการเกิด 51% Attack ของ Bitcoin จะเกิดขึ้น “ค่อนข้างยาก” กว่า Altcoin มาก เพราะว่าการที่ Bitcoin เป็นที่นิยม มีนักขุดจำนวนมาก จึงมี การกระจายตัวของ Node มาก และมี Hash Rate สูง ทำให้เกิด 51 % Attack ได้ยากมากๆ และมี Attack Cost ที่สูงมากนั่นเอง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ เพราะฉะนั้นแล้วผู้เขียนแนะนำให้ทุกคน DYOR หรือ Do Your Own Research นะคะ 😊
เขียนโดย คุณกนกวรรณ ทัศนนิพันธ์ Technology Team ,Token X
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด