Startup Funding แต่ละระดับมีอะไรบ้าง | Techsauce

Startup Funding แต่ละระดับมีอะไรบ้าง

how-startup-funding-works-infographic-copy

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของบรรดา Startup ก็คือการที่จะ Exit อาจจะด้วยวิธีการถูก Acquire จากบริษัทใหญ่ๆ หรือจะเป็นการออก IPO เข้าสู่ตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ แต่แน่นอนว่าการที่จะไปสู่ในระดับนั้นได้ บริษัทของคุณคงต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องมีการเติบโต และสิ่งที่ต้องการก็คงเป็นเงินลงทุนซึ่งก็มีอยู่หลายระดับ และเราก็จะไปรู้จักกับขั้นต่างๆ เหล่านั้นให้ดีขึ้น ถึงความหมาย จำนวนเงิน และจุดประสงค์ของการได้รับเงินทุนเหล่านั้น

ระดับ Seed Fund – ค้นหาจุดที่ลงตัวระหว่างตัวผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณกับผู้ใช้งาน

สำหรับทุนระดับ Seed Fund นั้น มักจะมีวัตถุประสงค์ไปสำหรับ บริษัท Startup ที่จะคิดออกผลิตภัณฑ์ หรือทำการสร้างตลาดเบื้องต้น โดยปกติรอบของ Seed Fund มักจะเหมาะกับบริษัทที่มีพนักงานไม่กี่คน และโดยมากจะเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท ที่เพิ่งเริ่มสร้างและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกออกมา ซึ่งหากผลิตภัณฑ์นั้นได้รับความนิยมเพิ่ม ก็เป็นสัญญาณที่จะต่อในระดับ Series A ต่อไป

ซึ่งตัวเงินสำหรับระดับของ Seed Fund นั้นจะอยู่ในช่วงระหว่าง 2.5 แสน ถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 8 ล้านถึง 66 ล้านบาท) แต่ส่วนมากเรามักมีโอกาสเห็นการสนับสนุนในระดับ Seed Fund อยู่ที่เม็ดเงินไม่เกินหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 33 ล้านบาท) และคนที่มักจะมาสนับสนุนเงินทุนเหล่านี้มักจะเป็นกลุ่ม Angel หรือกลุ่มที่เป็น Early Stage VC

ระดับ Series A – การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อรับกับรูปแบบของธุรกิจที่เหมาะสม (กับตลาดจริงๆ)

สำหรับระดับการสนับสนุนรอบที่เรียกว่า Series A นั้น จะเห็นได้ในกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการด้านเงินทุนที่สูงขึ้น เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ อย่างเช่น Startup ต้องการที่จะออกผลิตภัณฑ์หรือขยายการกระจายตัวเข้าสู่ฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น หรือจะขยายตัวไปสู่ตลาดใหม่ รวมไปถึงการปรับรูปแบบทางธุรกิจเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดที่จะใหญ่ หรือกว้างขึ้นเป็นต้น

แน่นอนว่า Series A นั้นอยู่เหนือกว่าระดับ Seed Fund นั่นหมายถึงเม็ดเงินในการสนับสนุนก็จะสูงตามไปด้วย โดยเม็ดเงินก็จะเกินกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 66 ล้านบาท) ขึ้นไป จนถึง 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 5 ร้อยล้านบาท) แต่ส่วนมากก็จะเฉลี่ยอยู่ที่ 3 – 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1-2.3 ร้อยล้านบาท) โดยมีตัวอย่างที่เราหลายๆ คนรู้จักเป็นอย่างดีที่เคยได้รับเงินสนับสนุนในรอบนี้อย่างครั้งที่ Benchmark ให้การสนับสนุนกับทาง Uber และ Instagram (ก่อนที่พวกเขาจะโดน Facebook ซื้อไปด้วยมูลค่าราวพันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.3 หมื่นล้านบาท)

และคนที่จะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนด้วยเม็ดเงินระดับนี้ คงมิใช่เพียงแค่ Angel ธรรมดา เพราะเม็ดเงินดูเหมือนจะต้องเป็นบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น กลุ่มบริษัท VC ใหญ่อย่าง Sequoia, A16Z, Benchmark, Accel, Greylock, Battery, CRV, Matrix และบริษัทอื่นๆ เป็นต้น แต่ใช่ว่ากลุ่ม Angel จะไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสนับสนุนนะครับ การที่พวกกลุ่ม Angel ร่วมกันลงเงินสนับสนุนก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน เพียงแต่อำนาจในการต่อรองของกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้มากเท่าบริษัทใหญ่เท่านั้น

ระดับ Series B – ถึงเวลาขยายบริษัทให้ใหญ่แล้ว

มาถึงระดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น อย่าง Series B ที่ด้วยเม็ดเงินมหาศาลขนาดเกินกว่าสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 330 ล้านบาท) ขึ้นไป จุดประสงค์หลักๆ ก็คงเป็นไปเพื่อการขยายขนาดของบริษัทเมื่อถึงเวลาอันสมควร หรือบ้างก็อาจจะเป็นไปเพื่อการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตในระดับที่ใหญ่กว่าประเทศหรือภูมิภาค รวมไปถึงการต้องการที่จะนำเงินไปเพื่อเข้าซื้อบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับธุรกิจของบริษัทนั้นๆ

ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เคยเห็น Ookbee ที่ได้เม็ดเงินกว่า 200 ล้านบาทจาก Trancosmos หรือจะเป็นทาง Rovio เองที่เป็นเจ้าของเกมฮิตอย่าง Angry Birds ก็เคยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท Accel ด้วยจำนวนเงินที่สูงถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.3 พันล้านบาท) โดยกลุ่มที่ให้เงินสนับสนุนในระดับนี้นั้นยังมีไม่มากนัก ซึ่งก็จะมีบริษัทในกลุ่มเดียวกับที่สนับสนุนในระดับ Series A รวมถึงบริษัทอย่าง IVP, GVVC, Meritech, DAG และอีกหลายๆ บริษัทที่เริ่มจะมีข่าวในการสนับสนุนในระดับนี้ด้วยเช่นกัน

ระดับ Series C – ด้วยเม็ดเงินที่มหาศาลเพื่อการขยายตัวที่ยิ่งใหญ่

ในระดับ Series C มักจะถูกได้รับการสนับสนุนเพื่อที่จะเน้นการลงทุนที่เหนือกว่าในระดับ Series B ไปอีกขั้น เช่นเร่งการเติบโตของบริษัทให้มากขึ้น การมุ่งหน้าสู่ตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงการไล่ซื้อบริษัทอื่นๆ คล้ายกับ Series B แต่จะมีความเข้มข้นมากยิ่งกว่า

และเม็ดเงินก็อาจจะมีสิทธิ์สูงถึงหลักร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3.3 พันล้านบาท) ขึ้นไปได้เลยทีเดียว และบริษัทที่จะมาสนับสนุนเม็ดเงินระดับนี้ได้นั้น มักเป็นกลุ่มทุนที่มักจะลงทุนโดยองค์กรที่เป็น private equity firm กลุ่มกองทุนป้องกันความเสี่ยง ชื่อบริษัทที่เรามักจะคุ้นๆ หูก็อย่างกลุ่ม Goldman Sachs, Morgan Stanley, DST, Tiger และกลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนต่างๆ

แม้ว่าตัวเลขอาจจะไม่ได้มีความแน่นอนถึงการสนับสนุนในระดับต่างๆ และในแต่ละภูมิภาคอาจมีการนิยามที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ทีมงานนำมาบอกเล่าให้บรรดา Startup ไทยได้มีข้อมูลไว้อ้างอิงเพิ่มเติม สุดท้ายทีมงาน thumbsup ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับ Startup ไทยทุกราย เราจะยังอยู่เคียงข้าง ขอเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่สนับสนุนเพื่อนำพาสู่ความสำเร็จร่วมกันต่อไปนะครับ

ที่มา: Elad Blog

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ thumbsup.in.th

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...