จากความก้าวหน้าของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ทำให้ทุกวันนี้สิ่งต่างๆเหล่านี้กลับเป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นดีของธุรกิจสมัยใหม่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหลายองค์กรต่างพยายามที่จะลงทุนในแผนกของการวิจัยและพัฒนา (Research and development หรือ R&D) อย่างหนัก เพื่อที่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง และสร้างความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริษัทในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีการแข่งขันกันในด้านนี้สูงมาก
เมื่อมีการคิดค้นขึ้นมาสำเร็จ ก็จะนำไปจดสิทธิบัตร เพื่อคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลหรือองค์กรนั้น ๆ โดยตามความคุ้มครองของกฎหมายแล้วสิ่งประดิษฐ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่นำไปจดสิทธิบัตรได้นั้น ล้วนแล้วแต่จะต้องเป็นสิ่งใหม่ ที่ต้องไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่แล้ว การประดิษฐ์ที่มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น รวมถึงเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้
หนึ่งในปัญหาสำคัญที่มีการพูดถึงกันบ่อยครั้งสำหรับการมีไอเดีย หรือคิดค้นสิ่งใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา คือ ความซ้ำซ้อน ซึ่งนำไปสู่การลงทุนที่ไม่คุ้มค่าขององค์กร เพราะในบางกรณีกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ทำขึ้นมานั้นมีอยู่แล้ว หรือไม่ก็มีคนจดสิทธิบัตรในสิ่งประดิษฐ์นั้นไปแล้ว หรือบางกรณีอาจจะถึงขั้น พัฒนาเสร็จก่อน แต่กลับกลายเป็นคู่แข่งที่พัฒนาด้วย นำสิ่งนั้นไปจดสิทธิบัตรก่อน ส่งผลให้องค์กรเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างมหาศาล
สิทธิบัตร (Patent) จึงกลายเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และองค์กรต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะใช้เป็นสิ่งป้องกัน และสร้างความได้เปรียบจากคู่แข่ง ซึ่งองค์กรจะต้องมีการใช้เครื่องมือเพื่อวิเคราะห์สิทธิบัตร (Patent Analytics) ที่จะนำไปสู่การวางกลยุทธ์ที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจ
ในยุคเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนความเป็นไปของโลกเช่นนี้ หากความไวในการพัฒนา คือ พระเจ้า การวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตร ก็คือ ทหารองครักษ์ชั้นเอก ที่ป้องกันการโจมตีของข้าศึกหรือคู่แข่ง
องค์กรส่วนใหญ่มักจะมีแผนกวิจัยและพัฒนา หรือหน่วยงานนวัตกรรมในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ หาธุรกิจใหม่หรือ New S-curve ให้กับบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าการวิเคราะห์สิทธิบัตรจะเป็นตัวช่วยในการวางกลยุทธ์ที่จะทำให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยง และทุ่มเทเงินลงทุนได้อย่างถูกทิศทาง โดยภายในองค์กรจะเป็นเรื่องของการที่จะให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีขั้นสูงที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ รวมถึงยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลภายนอกองค์กรเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคู่แข่ง และเทคโนโลยีในท้องตลาดที่ใช้กันอยู่ได้
สำหรับการวิเคราะห์ภายในจะทำให้องค์กรเข้าใจใน Portfolio ของบริษัท ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจในจุดอ่อนและจุดแข็งมากขึ้น อีกทั้งยังมีเรื่องของการจัดสรรงบประมาณในการลงทุน เพราะถือเป็นต้นทุนที่องค์กรต้องใช้ และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลตรงนี้จะทำให้องค์กรสามารถประเมินค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่การวิเคราะห์ภายนอกองค์กรนั้น คือ การวิเคราะห์คู่แข่ง โดยสามารถเปรียบเทียบสิทธิบัตรของตนเองและคู่แข่งได้ จะทำให้รู้ได้ว่าอะไรที่คู่แข่งทำแล้ว หรือใช้งานแล้วได้ผล องค์กรควรที่จะพัฒนาขึ้นใหม่ เข้าไปเป็นพันธมิตร หรือควรที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งใด นอกจากนี้ในยุคที่เทคโนยีมีการพัฒนาขึ้นตลอดเวลา การวิเคราะห์สิทธิบัตร จะทำให้องค์กรรู้ตำแหน่งของสิ่งที่กำลังพัฒนาว่าอยู่จุดไหนของภูมิทัศน์ของสิทธิบัตร (Patent Landscape) สามารถที่จะมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อที่จะนำข้อมูลดังกล่าวมาสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของบริษัท รวมไปถึงสามารถที่จะช่วยนักวิจัยหรือนักประดิษฐ์ในองค์กรเข้าใจความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้นด้วย
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันหลายองค์กรได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัย และพัฒนา ในการค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งเครื่องมือที่องค์กรจะสามารถใช้เป็นตัวช่วยได้นั้น คือ PatSnap แพลตฟอร์มสืบค้นและวิเคราะห์สิทธิบัตรที่มีการรวบรวมข้อมูลมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็น Startup สัญชาติสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นโดย เจฟฟรี่ย์ เที่ยง ในปี 2550 และล่าสุดได้เพิ่งกลายเป็น Unicorn โดยได้รับเงินระดมทุนในรอบ Series E กว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก Venture Capital ชื่อดังระดับโลกหลายรายด้วยกัน เพื่อที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น
PatSnap เริ่มต้นจากการเป็น Directory สำหรับทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) ที่เป็นตัวช่วยให้บริษัทต่างๆเข้ามาดึงข้อมูลสำหรับการวิจัยและพัฒนาได้ ต่อมาได้มีการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเข้ามาช่วยประมวลผลภาษาธรรมชาติ สามารถวิเคราะห์เอกสารได้มากกว่า 500 ล้านฉบับและแหล่งข้อมูล 200 แหล่ง เชื่อมโยงที่มาของแหล่งข้อมูลของทรัพย์สินทางปัญญาที่แตกต่างกันออกไป ตลอดจนครอบคลุมการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถเป็นแนวทางในการตัดสินใจด้านวิจัยและพัฒนาให้กับองค์กร เพื่อช่วยลดระยะเวลาในกรนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆออกสู่ตลาดได้ โดยปัจจุบัน PatSnap มีลูกค้าทั่วโลกที่ใช้บริการมากกว่า 10,000 รายและผู้ใช้มากกว่า 100,000 รายทั่วโลก รวมถึงแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกมากมายไว้วางใจใช้บริการ เช่น NASA, Tesla, Dyson, Spotify, Oxford University Innovation, The Dow Chemical Company และ Disney เป็นต้น
การใช้งานและการสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตรของ PatSnap มีตัวเลือกในการสืบค้นที่หลากหลายตามความเหมาะสมของผู้ใช้ที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน ได้แก่ Simple Search การใช้งานโดยทั่วไป และ Advanced Search เหมาะกับผู้ใช้ที่มีความชำนาญด้านการสืบค้นสิทธิบัตร ที่สามารถเลือกสืบค้นเฉพาะเนื้อหาบางส่วนของสิทธิบัตรได้
หลังจากที่ได้สืบค้นแล้ว ก็นำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูล โดยจะมีเครื่องมือสำหรับช่วยในการตีความข้อมูลสิทธิบัตรในรูปแบบของกราฟและแผนภูมิในเชิงสถิติ เพื่อให้เข้าใจถึงแนวโน้มของเทคโนโลยี เครื่องมือสำหรับช่วยในการประเมินมูลค่าสิทธิบัตร เพื่อให้สามารถระบุแนวทางการพัฒนาที่อาจก่อให้เกิดมูลค่าสูงได้ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ผ่านการวิเคราะห์อักขระ (Text Analysis) เพื่อการจำแนกและวิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจจากผู้ประดิษฐ์ทั่วโลก
นอกจากนี้ PatSnap จะสามารถช่วยเหลือองค์กรได้จากการวิเคราะห์สิทธิบัตรในฐานข้อมูลจำนวนมหาศาล ผ่านฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนของแผนที่ทางสิทธิบัตร (Patent Mapping) ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยแผนที่ดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงกลุ่มของเทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยให้เห็นได้ว่าบริเวณของเทคโนโลยีใดที่มีผู้เล่นสูง และ บริเวณใดที่ยังไม่ค่อยมีผู้เล่น เพื่อที่จะให้องค์กรสามารถตัดสินใจในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ ที่เป็นกลุ่มชั้นนำของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนา รวมถึงการวางกลยุทธ์ในการพัฒนา นวัตกรรมเพื่อกลายเป็นผู้นำเทคโนโลยีต่อไปได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า PatSnap จะเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยเหลือองค์กรในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรได้นั้น แต่ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่จะต้องคอยให้คำแนะนำและให้การปรึกษาในการนำข้อมูลมาเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ เพราะสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวางกลยุทธ์ผ่านการใช้เทคโนโลยีเช่นนี้นั้น คือ ข้อมูลที่มีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้สามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ต้องอย่าลืมว่า... แม้จะมีเทคโนโลยีที่คุณสมบัติดีขนาดไหน แต่ถ้าหากไม่มีข้อมูลที่ใช่ และมีคุณภาพมากพอ เทคโนโลยีก็ไม่ได้สามารถช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเหลือ ในการดึงศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านั้นออกมา เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรได้เช่นกัน
สำหรับองค์กรที่ต้องการที่จะศึกษาการใช้เครื่องมือ PatSnap เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์สิทธิบัตร และวางกลยุทธ์ด้านการวิจัยและพัฒนา ในประเทศไทยสามารถปรึกษากับทาง Intellectual Design Group หรือ IDG ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำที่พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา และทีมงานคุณภาพในการช่วยเหลือองค์กรที่ต้องการมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา ตั้งแต่ขั้นตอนของการสำรวจ วิเคราะห์ วางแผน และออกแบบระบบเพื่อที่สามารถทำให้การลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ขององค์กร สามารถดำเนินไปได้อย่างถูกทิศทางและมีความคุ้มค่ามากที่สุด
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด