สิ่งที่แพลตฟอร์ม Metaverse มักจะนำเสนอคือ โลกเสมือนที่มีความแปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ และเข้าใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเพื่อรับชมความบันเทิง เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน หรือเพื่อเข้าถึงประสบการณ์และสังคมใหม่ ๆ และโดยทั่วไป 

อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่แพลตฟอร์มที่เน้นด้านสุขภาพโดยตรง Metaverse ส่วนใหญ่มักไม่ได้กล่าวถึงเรื่อง Mental Health อย่างเด่นชัดหรือเป็นจุดขายหลัก แต่ Translucia (บริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด) ได้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำพันธกิจในการส่งเสริม Mental Wellness (สุขภาพจิตที่ดี) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเติมเต็มความสุขให้กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง

Translucia โลกเสมือนที่มี Empathetic AI เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์

Translucia แพลตฟอร์มของไทยที่เดินหน้าทำธุรกิจผ่าน Metaverse ให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงสิ่งที่ตนสนใจผ่านโลกเสมือน ได้ดื่มด่ำกับกิจกรรมที่เลือกสรร รวมถึงแบรนด์ได้ใช้สเปซนี้ในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภค พร้อมกันนี้ Translucia ก็บุกเบิกการใช้เทคโนโลยี AI มาพัฒนาเพิ่มความสามารถเป็น AI Agent เรียกว่า ‘Empathetic AI’ ที่เข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของผู้ใช้ สนับสนุนผู้ใช้ผ่านการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ 

ตัวอย่างการใช้ประโยชน์ Empathetic AI เช่น แบรนด์ A ต้องการให้บริการลูกค้าในลักษณะของ Customer Service หรือแบรนด์ B ใช้ Gen AI สร้างคอนเทนต์ 3D เพื่อทำให้เกิด Experience ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเพิ่มข้อมูลด้าน Empathy เข้าไป ระบบก็จะรับรู้ความต้องการและอารมณ์ของลูกค้าหรือผู้ใช้งานได้ลึกซึ้งกว่าปกติ ทั้งจากการพิมพ์ข้อความ (พิมพ์ช้า/พิมพ์เร็ว) จากน้ำเสียงที่ลูกค้าพูด (ประทับใจ/ไม่ประทับใจ/ไม่พอใจ) และทำให้ Interface ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

คุณพิมสาย ชี้เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Translucia (บริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด)

“AI Agent ที่เราพัฒนาขึ้น ถูกออกแบบให้สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่นกับหลากหลายอุตสาหกรรม จุดเด่นของการพัฒนา Empathetic AI นี้คือการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เพียงแค่สนุกและน่าสนใจ แต่ยังแฝงความใส่ใจและมุมมองทางจิตวิทยา ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกดีขึ้นเมื่อเข้ามาใช้งานบนแพลตฟอร์ม

“เราต้องการให้แพลตฟอร์มเสมือนนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับคอมมูนิตี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้โต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบที่มีความหมายมากขึ้น” คุณพิมสาย ชี้เจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Translucia (บริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด) อธิบายถึงส่วนประกอบ (Component) Empathetic AI ที่พัฒนาเป็นโมดูลหนึ่งใน Translucia

ข้อดีของการใช้ Gen AI ในการสร้างชิ้นงานใหม่ ๆ คือ สร้างได้รวดเร็ว ไม่ต้องใช้คนจำนวนมาก หรือหากเป็นผู้ที่ไม่มีทักษะการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง หรือแบรนด์ที่ไม่ได้มีทีมใหญ่ ก็สามารถ Deliver คอนเทนต์ สร้าง Experience ออกมาให้น่าสนใจ และเพิ่ม Engagement ได้ 

อย่างการที่ Translucia ให้ความสำคัญกับ End Result (ผลลัพธ์สุดท้าย) ว่าผู้ใช้งานที่เป็น End User จะได้อะไร เมื่อ Engage กับแพลตฟอร์มแล้ว คุณพิมสายอธิบายว่า

เรามุ่งเน้นให้ End User มีความสุขมากขึ้นและใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ผ่านประสบการณ์ที่ช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับ Business Clients (ลูกค้าองค์กร) ที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าของตนเอง Translucia สามารถช่วยสื่อสาร Core Value ของแบรนด์ออกมาได้อย่างลึกซึ้งและมีความหมาย เช่น แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังที่สนับสนุนนักกีฬาผาดโผนหรือ E-Sport ซึ่งมักถูกมองว่ามีภาพลักษณ์เกี่ยวกับความสนุก ความตื่นเต้น และการแข่งขัน

แต่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาเหล่านั้นยังมีเรื่องราวของ วินัย, เป้าหมาย (Mission) และ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดนี้เองสามารถนำมาต่อยอดผ่านการออกแบบ Quest Progression System บนแพลตฟอร์ม Translucia ได้

ในเรื่องของการทำ Quest Progression System ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมกับกิจกรรมหรือภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ออกแบบมาให้ทำได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อทำสำเร็จในระดับหนึ่ง ระบบจะปลดล็อก Reward เพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสำเร็จและพึงพอใจ

ชีวิตในโลกเสมือน ส่งผลลัพธ์ด้านพฤติกรรมและสุขภาพในระยะยาว

เมื่อผู้ใช้งานทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในโลกเสมือน สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ หล่อหลอมให้กลายเป็น พฤติกรรม (Habit) ที่ดีต่อชีวิต ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้งานมีความสุข แต่ยังเชื่อมโยงคุณค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับ การพัฒนาและเติบโตของบุคคลได้อย่างยั่งยืน

“ปัจจุบัน ในเรื่องของ Holistic Wellness การดูแลทั้งร่างกายจิตใจมันสําคัญมาก ๆ โดยเฉพาะภาวการณ์หลังโควิดที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของ Physical อย่างเดียว แต่มีปัญหาต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นกับ Emotional ในระดับ Extreme Case (เคสรุนแรง) จนถึง Underlying Case (เคสแฝง) ที่บางทีเราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ว่ามันสะสม พอรู้ตัวอีกทีเราก็รู้สึกอึดอัด แสดงออกไม่ถูก 

"ปัญหานี้อาจจะยังไม่ได้เป็นอาการเจ็บป่วยแต่ว่ากระทบ Well Being ของเรา บางทีเรารู้สึกเหงา ขาดกําลังใจ หรือไม่มีอะไรที่สามารถมาตอบโจทย์ตรงนี้ได้ บางทีเราก็จะใช้เวลากับการดูคอนเทนต์แบบไม่ได้มีจุดหมาย รู้ตัวอีกทีผ่านไป 2 - 3 ชั่วโมงแล้ว และจําไม่ได้ว่าเราดูอะไรไปบ้าง อันนี้คิดว่าเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน”

หากสังเกตตัวเอง คุณหรือคนยุคนี้อาจพบว่า การใช้เวลากับคอนเทนต์ส่วนใหญ่ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหรือทําให้รู้สึกดีขึ้นได้จริง ๆ Translucia จึงเข้ามาเป็น Virtual World ที่สร้าง Experience ผ่านอินเตอร์เฟซที่ชวนให้สบายตา สบายใจ และเข้าถึงได้ง่าย

“เราออกแบบให้ประสบการณ์ดูโล่งและสบายตา ด้วยแสงไฟที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และใช้เสียงหรือเพลงประกอบเพื่อเสริมความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้ใช้ พอเข้าไปในพื้นที่นั้น กิจกรรมในขั้นแรกจะเป็นที่ที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เช่น การมี AI Companion น่ารัก ๆ ที่คอยพูดคุย ไม่ใช่การบำบัด แต่เป็นการถามคำถามที่ช่วยให้เราคิดว่า วันนี้เรารู้สึกยังไง ถ้าเราไม่สบายใจ หรือรู้สึกดี ก็จะมี AI แนะนำให้เราทำกิจกรรม เช่น เขียน Journal เพื่อช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นในวันต่อไป

“เราสามารถใช้ Metaverse เพื่อพัฒนาสุขภาพกายและใจ เช่น การใช้ Metaverse ในการออกกำลังกาย หรือการทำสมาธิในโลกเสมือน ที่สามารถเลือกทำในพื้นที่ที่เราอยากมี หรือทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้เรารู้สึกว่า นี่คือพื้นที่ของตัวเอง และสามารถทำกิจกรรมซ้ำเพื่อผ่อนคลายได้"

นอกจากนี้ คุณพิมสายยังบอกเพิ่มว่า การที่ผู้ใช้ได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ใน Virtual World อาจช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจตัวเองมากขึ้น และสามารถนำสิ่งเหล่านั้นไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ เช่น การย้อนดูสิ่งที่ผ่านมาหรือได้รับคำแนะนำจาก AI Agent ที่อาจบอกให้ลองโทรหาคนสนิท หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อปรับอารมณ์ ซึ่งสามารถสร้างผลกระทบที่ดีในชีวิตประจำวันได้

ดีไซน์ Virtual World อย่างไรให้ทุกคนเข้าถึงได้

เนื่องจาก Translucia ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานมี Mental Wellness ดังนั้น การให้คำแนะนำหรือโต้ตอบสื่อสารจะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยเทรน AI ในมุมฮีลใจไปด้วย และแน่นอนว่า ยิ่งเทรนมาก AI ก็จะยิ่งฉลาดขึ้น และเข้าใจ Sense หรือความรู้สึกของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

“เรากำลังพัฒนา Multimodal AI Model คือ ไม่ได้มองแค่ Text ที่ผู้ใช้งานพิมพ์เข้ามาอย่างเดียว แต่จะมองเรื่องของความเร็วในการพิมพ์ เรื่องของคําที่ใช้ หรือแม้กระทั่งคําพูด เช่น พูดรัว ๆ เพราะกําลังเหนื่อยหรือหงุดหงิด ค่อย ๆ พูดด้วยน้ําเสียงอึดอัด อัดอั้น หรือผู้พูดกำลังรีเฟล็กซ์อะไรบางอย่าง ซึ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่เราจะพัฒนาไปให้ถึง และร่วมกับพาร์ตเนอร์สร้างเป็น Engine for Positive Change (เครื่องยนต์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านบวก) เพื่อสร้างอิมแพ็กและมี Meaningful”

เพื่อให้เทคโนโลยีด้านการทำความเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ใช้งานได้เร็วขึ้น คุณพิมสายบอกว่า Translucia ได้เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับ MIT Media Lab ในปี 2566 ซึ่งช่วยให้ทีมงานได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกบางด้าน และสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้ 

ในด้านการวัดผลกระทบด้านบวกจาก Metaverse และความสำเร็จของ Translucia คุณพิมสายอธิบายเชิงสรุปว่า

1. Translucia มี Manifesto ที่จะทำชัดเจน ว่าจะต้องเปิดโอกาสและพัฒนาให้คนทุกเพศทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วมใน Metaverse ได้ ไม่ว่าจะเป็น Tech Savvy, ผู้สูงวัย และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกร่วมกัน 
   
   

2. ในปี 2024 มีมากกว่า 30 แบรนด์ที่เข้ามา Engage กับ Translucia แต่ยังไม่พร้อมที่นำ Experience ออกสู่ตลาดทั้งหมด แต่จะเริ่มเห็นได้ในไตรมาสแรกของปี 2025

3. แม้ Translucia ชูจุดเด่นด้านการใช้เทคโนโลยีและมุ่งพัฒนา Empathetic AI แต่แพลตฟอร์มนี้ก็ยังพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อทำให้เกิดการใช้งานจริง สร้าง Meaningful และ Impactful ได้ด้วยความเข้าใจและการออกแบบที่ถูกต้อง สวยงาม และเหมาะสม

4. ปัจจุบันครีเอเตอร์ที่ได้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ บน Translucia เป็นทีมงานของบริษัท (In house) และทีมนักพัฒนาของแบรนด์ที่ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ 

5. สำหรับครีเอเตอร์ทั่วไปคาดว่าจะได้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ บน Translucia ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025

#Translucia #ทรานส์ลูเซีย #EmpatheticAI #VirtualWorld

บทความนี้เป็น Advertorial