การเติบโตของกิจการในรูปแบบธุรกิจ Web3 ที่มีการใช้ NFTs หรือ Nonfungible Tokens ทำให้แพลตฟอร์มมากมายนำเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency มาใช้เพื่อแก้ปัญที่เกิดขึ้นกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน
หลังจากมีการคาดเดาแนวโน้มที่จะเกิดฟองสบู่แตกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มาจากการขาดแคลนที่อยู่ของชาวอเมริกัน
ข้อมูลจาก Federal National Mortgage Association หรือ Fannie Mace พบว่าเจ้าของบ้าน 92% มีความคิดที่ว่าบ้านในปัจจุบันของพวกเขาไม่ได้มีมูลค่าสูง ในขณะเดียวกันผลการวิจัยเพิ่มเติมแสดงให้เห็นว่า 69% จากกลุ่มตัวอย่างที่ประกอบด้วยเจ้าของบ้านและผู้เช่า เชื่อว่าเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะมองหาบ้านที่มีราคาไม่แพงได้
ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า หลายบริษัทได้เริ่มที่เปิดให้มีการลงทุนและการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านเทคโนโลยี Blockchain กันมากขึ้น และมีการใช้ NFTs ในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น
Lofty AI แพลตฟอร์มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถรับรางวัลและทำรายได้อย่างต่อเนื่องจากการเป็นนิติบุคคลเมื่อซื้อ Token ของอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเอื้อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ
LoanSnap บริษัทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ได้ใช้ประโยชน์จาก bHome Token เพื่อให้เจ้าของบ้านและผู้ซื้อสามารถที่จะมองเห็นบันทึกของทรัพย์สิน ขนาดสิทธิ และมูลค่าของทรัพย์สิน รวมถึงสถานะของการกู้สินเชื่อภายใน 24 ชั่วโมง โดยมี NFTs ที่ผูกติดอยู่กับการจำนองส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิ์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเงินกู้จำนองร่วมกับเทคโนโลยีบล็อกเชน
Propy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์บน Blockchain ที่ได้ใช้คุณสมบัติ Tokenized LLC เพื่อบันทึกการซื้อสำหรับทรัพย์สินแต่ละแห่งอยู่ที่บน Ethereum blockchain เมื่อทรัพย์สินขายได้ สิทธิ์ความเป็นเจ้าของจะถูกโอนเป็น NFT ไปยังกระเป๋าเงินของผู้ซื้อบ้าน และโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีผลให้กระบวนการซื้อบ้านนั้นง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม
Torii Homes ที่ใช้ NFT เป็นตัวแทนของเจ้าของบ้านในโครงการ Blockchain Home Registry (BHR) เพื่อเจ้าของบ้านสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลของบ้านและอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างถาวร
อย่างไรก็ตามแม้ว่า Web3 จะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ก็ยังมีความท้าทายอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหากับนวัตกรรมเหล่านี้อยู่มาก เช่น ข้อเสนอต่าง ๆ ของการซื้อขายอสังหาฯยังคงต้องใช้เงินสดในการดำเนินการ ซึ่งทำให้กระทบต่อผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้าน NFT และการกู้เงินสื่อเชื่อดิจิทัลต่าง ๆ ทั้งยังมีเรื่องความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากมัลแวร์และการแฮ็กกระเป๋าเงินดิจิทัลที่อาจจะเกิดขึ้น หากบล็อกเชนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นอีกด้วย
รวมถึงเมื่อ NFT และ DeFi ถูกนำมาใช้ในธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์แล้วอาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลักประกัน ข้อบังคับของสินเชื่อ และเรื่องค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการซื้อขาย โดยโซลูชัน Web3 ส่วนใหญ่มักจะใช้ Ethereum blockchain ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าบล็อกเชนอื่น ๆ ทำให้ต้องมีการซ่อนค่าธรรมเนียมจากผู้บริโภค และทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงขึ้นตามมา
ถึงแม้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้จะมีความเสี่ยงและมีอุปสรรคมากมาย แต่ในอนาคตหากมีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจในเทคโนโลยีต่าง ๆ ใน Web3 อย่างถ่องแท้ แต่รู้เพียงการทำงานของ Blockchain และ NFTs เท่านั้นเกิดขึ้น Web3 ก็อาจสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์แบบดั้งเดิมได้ในที่สุด
อ้างอิง Cointelegraph
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด