ปฎิเสธไม่ได้ว่าการระดมทุน ICO นั้นกำลังร้อนแรงสุดๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีบริษัทลงทุนอยู่มาก แค่เฉพาะในปีนี้ มีการระดมทุนไปแล้วถึง 1.7 ล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่าด้วยตัวเลขที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มทำให้ผู้คนหันมาสนใจกับการลงทุนแบบนี้มากขึ้นด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญในวงการทั้งหลาย ต่างให้ความเห็นว่าจริงๆ แล้ว ICO เป็นมากกว่าแค่การขายเหรียญ token เท่านั้น
Eyal Hertzog ผู้ร่วมก่อตั้ง Bancor Network ที่เคยระดมทุนได้ถึง 150 ล้านดอลลาร์ผ่าน ICO เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ให้ความเห็นว่า การขาย token ถือเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างธุรกิจใหม่ๆ และเพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นตั้งอยู่ได้ด้วยตัวเองในระหว่างที่ยังไม่มีกำไร
เขากล่าวว่า “ มีคนมากมายที่สับสนระหว่างการระดมทุนธรรมดากับ ICO เพราะว่าทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับการลงทุนในบริษัทใหม่ๆเหมือนกัน แต่ว่าจริงๆ แล้วมันมีความแตกต่างกันอยู่ ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือ การระดมทุนแบบ ICO จะเหมือนกับเวลาที่เราไปประเทศๆหนึ่ง และเราก็ซื้อเงินของประเทศนั้นๆ เก็บไว้ เพื่อหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นจะเติบโตขึ้น และค่าเงินก็จะสูงขึ้น ”
มันไม่เหมือนกับการที่เราซื้อหุ้นของบริษัท เพราะมันคือการซื้อเหรียญ ผมอยากจะขอเรียก ICO ว่าระบบเศรษฐกิจออนไลน์ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมีมาก่อน และไม่เคยทำได้มาก่อน
Jun Hasegawa CEO ของ Omise บริษัท startup ที่เคยระดมเงินทุน 25 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างเครือข่ายระบบชำระเงินออนไลน์ที่เรียกว่า Omise GO (OMG) ที่ไม่เพียงแค่รองรับการโอนเงินเท่านั้นแต่รวมถึงการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ด้วย ซึ่ง ICO เหมาะสมกับธุรกิจแบบนี้เนื่องจาก token ที่ขาย ก็ถูกเอามาใช้ในการทำธุรกิจด้วย
จริงๆ แล้ว ICO เกิดมาเพื่อบริษัทแบบเรา ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรเท่านั้น” เขากล่าว “ เราต้องกระจาย token ไปให้ถึงคนเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะตรวจสอบพวกการซื้อขายต่างๆ และทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น เราจำกัดการระดมทุนเพราะเราไม่อยากระดมทุนเงินมามากกว่าที่จำเป็น เพราะที่จริงแล้วเราอาจระดมได้ถึง 200 ล้านดอลลาร์เลยก็ได้
Dan Morehead CEO ของ Pantera Capital ที่เคยร่วมลงทุนใน ICO ถึง 100 ล้านดอลลาร์ กล่าวในมุมมองของผู้ลงทุนว่า การใช้เหรียญหรือ token เป็นสัญญานที่บ่งบอกว่าการลงทุนอันไหนที่ดูน่าจะไปได้ดี ท่ามกลางการลงทุนที่มีมากมาย
เรากำลังมองหา startup ที่ใช้ token เป็นส่วนสำคัญของฟังก์ชันธุรกิจ
การหาธุรกิจโมเดลที่ใช้ token ให้เกิดคุณค่าจริงๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทั้ง Bancor และ Omise ต่างเคยทุ่มเวลามากมายในการศึกษาเทคโนโลยี ฺBlockchain และ Ethereum ก่อนที่จะพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์และขาย token
Hasegawa อธิบายว่า “พวกเราจ้างคนมากมายเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะมีการระดมทุนผ่าน ICO มานานแล้ว” แถมยังบอกว่า Omise เคยบริจาคเงินให้กับ Ethereum Foundation เมื่อเดือนมกราคมปี 2016
เช่นเดียวกันกับ Bancor ที่ Hertzog เชื่อว่าจะสามารถสร้างการบริการแบบใหม่และ ecosystem ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลก และได้ทำการศึกษาเรื่องนี้มามาก ก่อนที่จะมีการขาย token
ไอเดียทั้งหมดก็คือ การสร้างระบบนิเวศ ecosystem ที่ร่วมกันใช้ token ที่มีอิทธิพล เหมือนอย่าง ฺBitcoin และ Ethereum ซึ่งมันจะทำให้เกิดโมเดลใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ที่มาของภาพและเนื้อหา Techcrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด