ถอดบทเรียนและแนวโน้มหุ่นยนต์การแพทย์กับงาน Mahidol Imperial College London Medical Robotics Seminar | Techsauce

ถอดบทเรียนและแนวโน้มหุ่นยนต์การแพทย์กับงาน Mahidol Imperial College London Medical Robotics Seminar

บทบาทของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้เข้ามามีส่วนพัฒนาความก้าวหน้าด้านสุขภาพและการแพทย์อย่างมากในปัจจุบันและอนาคต  มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน และสมาคม IEEE Robotics Automation Society Thailand Chapter ถอดบทเรียนและแนวโน้มของหุ่นยนต์การแพทย์ จัดสัมมนาหุ่นยนต์การแพทย์ Reinventing University : Mahidol Medical Robotics Program เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์ทางการแพทย์ให้สอดคล้องกับทิศทางการผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ และเป็นไปตามนโยบายกระทรวง อ.ว. ภายใต้โครงการพลิกโฉมระบบการอุดมศึกษา รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของไทย 

 

รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า งานครั้งนี้เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่กำลังมุ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก และ อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและหุ่นยนต์การแพทย์ ความโดดเด่นของมหิดลคือเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในโลกที่มีโรงเรียนแพทย์ถึง 3 แห่ง ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดศูนย์เครือข่ายวิจัย BART LAB เราได้สร้างบุคคลากรและวิจัยพัฒนาวิทยาการหุ่นยนต์การแพทย์ต่อเนื่องมา เพื่อพัฒนาศักยภาพขีดความสามารถของประเทศไทย ทั้งนวัตกรสร้างหุ่นยนต์ เครื่องมือฝึกผ่าตัดสำหรับแพทย์   การร่วมวิจัยพัฒนานวัตกรรมโดยวิศวกรและบุคคลากรแพทย์ที่ตอบสนองการใช้งานได้จริงและทำงานร่วมกับแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาความก้าวหน้าของหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด หุ่นยนต์ฟื้นฟูสุขภาพ หุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะในโรงพยาบาลและTelemedicine ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์  วิศวกรรมชีวการแพทย์ยุคใหม่ต้องไม่หยุดนิ่งที่จะเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตไปกับ Deep Tech  และเทคโนโลยีใหม่ๆอย่าง 5G Metaverse นำมาใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพและการแพทย์ 

ศาสตราจารย์ เฟอร์ดินานโด โรดริเกซ เบนา ผู้อำนวยการศูนย์หุ่นยนต์การแพทย์แฮมลีน (Hamlyn) และหัวหน้าห้องปฏิบัติการเมคคาทรอนิคในการแพทย์ มหาวิทยาลัย อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ถอดบทเรียนและแนวโน้มของหุ่นยนต์การแพทย์ ว่า เรากำลังก้าวสู่โลกใหม่ของหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก 1. หุ่นยนต์ผ่าตัด 2. หุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพ และ 3. หุ่นยนต์บริการทางการแพทย์ ทั้งนี้ การดำเนินงานของศูนย์หุ่นยนต์การแพทย์ Hamlyn เป็นศูนย์กลางการวิจัยแบบบูรณาการ การสอนข้ามคณะ และการวิเคราะห์แปลผลการทดสอบทางคลินิก

แนวโน้มการพัฒนาหุ่นยนต์ในการผ่าตัด ในคอนเซ็ปต์ Hands-On Robotics ก้าวผ่านอุปสรรคความท้าทายสู่การใช้งานที่ง่ายมีประสิทธิภาพสูง เช่น การผ่าตัดหัวเข่าด้วยหุ่นยนต์ ช่วยเพิ่มความแม่นยำ โดยผสานระบบผ่าตัดได้อย่างราบรื่นด้วยระบบอัตโนมัติอย่างไร้รอยต่อ และการใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ  นอกจากนี้ Augmented Reality (AR) เทคโนโลยีโลกเสมือนในการผ่าตัดจะมีบทบาทสำคัญในการแพทย์ ซึ่งมีระบบคอมพิวเตอร์สนับสนุนและเชื่อมต่อโดยแพทย์ใช้ AR Headsets เข้าไปยังขั้นตอนการทำงานของหุ่นยนต์ผ่าตัดโดย Headset จะสื่อสารโดยตรงกับหุ่นยนต์ผ่าตัด การปรับ Calibrated ระบบประสานงานของหุ่นยนต์ รวมทั้งสามารถทำภาพฮอโลแกรม 3 มิติ (Holograms) ของสรีระเป้าหมายที่จะผ่าตัดได้

หุ่นยนต์ผ่าตัด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ในการผ่าตัด (New Surgical Assistants) ขณะที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงมากขึ้น อาทิ  Machine Learning สามารถจับภาพอวัยวะมนุษย์ได้แม่นยำ ส่วนอุปกรณ์อัจฉริยะ หรือ Smart Devices จะมีขนาดเล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับมัลติสเกล Self Steering Cochlear Implants ทำให้สามารถวิเคราะห์การออกแบบ งานประดิษฐ์ (Fabrication) และกลไกควบคุมจุดผ่าตัด ระบบเชื่อมต่อหุ่นยนต์และ AR สนับสนุน ตลอดจนหุ่นยนต์ Endovascular Robotics หรือ CathBot สำหรับผ่าตัดหลอดเลือด และการบังคับทิศทางด้วยเข็ม Biomimetic Needle Steering เป็นต้น 

ในอนาคตการพัฒนาพลังของซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์จะยิ่งมีศักยภาพพุ่งสูง เทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจจะมาถึงด้วยคุณสมบัติที่ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ราคาถูกลงและมีขนาดเล็กลง เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเสริมสร้างพลานุภาพของคอมพิวเตอร์ อย่างคลาวด์คอมพิวติ้ง เอไอ เทคโนโลยี AR ที่จะเสริมสร้างการมองเห็นและเข้าไปได้ แต่ก็ต้องการทักษะความเชี่ยวชาญระดับสูงภายใต้มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติอันเข้มงวด

รศ.ดร. นพ. สิทธิพร ศรีนวลนัด Chief of Urology คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึง เทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ่าตัดในประเทศไทย เข้ามาในปี 2550 ใช้รักษาโรคต่างๆ เช่น ผ่าตัดมะเร็ง ภาวะอุดตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งได้ผ่าตัดแล้วรวม 2,300 ราย นับว่ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งข้อดีของระบบหุ่นยนต์ผ่าตัด คือ ทำให้แพทย์สามารถทำงานในพื้นที่จำกัดและขั้นตอนที่ซับซ้อนอ่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น แม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ประหยัดเวลา และควบคุมการผ่าตัดได้ดีกว่า  แผลเล็ก ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว หุ่นยนต์ของศิริราชฯ มีหลายประเภท หนึ่งในนั้นเป็นระบบหุ่นยนต์ดาวินชี่ (Davincii System) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ตัวเลขทั่วโลกมีระบบดาวินชี่ ณ 31 มี.ค. 2564 จำนวนรวม 5,989 ยูนิต แบ่งเป็นสหรัฐ 3,640 ยูนิต ยุโรป 1,093 ยูนิต เอเชีย 961 ยูนิต และภูมิภาคอื่นๆ 295 ยูนิต

ในช่วง 10 ปี การผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยระบบหุ่นยนต์ในประเทศไทยมีราว 1,000 เคส โดย รพ.ศิริราชพยาบาลมากเป็นอันดับหนึ่ง และรพ.รามาธิบดี เป็นอันดับสอง อาจกล่าวได้ว่าความก้าวหน้าและความสำเร็จของการพัฒนาการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์มาจาก 3 ปัจจัย คือ 1.การศึกษาวิจัยและพัฒนา 2.การเรียนการสอน ผลิตบุคคลากร 3.การบริการทางการแพทย์

ปัญหาคือ ประเทศไทยเป็นผู้ซื้อและผู้ใช้เทคโนโลยี เราไม่มีเทคโนโลยีที่เป็นของเราเอง ทั้งนี้แนวโน้มในอนาคตจะเป็นระบบผ่าตัดครบทุกขั้นตอนที่ควบคุมและจบในกระบวนการเดียวกันอย่างอัตโนมัติ (Single-Port Surgery) ซึ่งหลายเทคโนโลยี เช่น IoT, AR ช่วยให้เกิดประสบการณ์เรียนรู้เพื่อปฏิบัติการได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ อนาคตเราต้องเชื่อมต่อระบบสื่อสารไร้สายกับ AR ผสานกับอีกหลายศาสตร์ ซึ่งหลายประเทศได้ดำเนินการกันแล้วโดยรัฐบาลสนับสนุนเงินทุน เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน

รศ.นพ. รัฐพล ตวงทอง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง ความร่วมมือพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ปลูกถ่ายเส้นผม (Mahidol Hair Robotics Transplantation) ว่าปัจจุบันคนไทยราว 20% มีปัญหาผมบาง โดยเฉพาะผู้ชายจะมีมากถึง 50 % จึงได้คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีปลูกถ่ายเส้นผมด้วยหุ่นยนต์ที่ก้าวล้ำ ร่วมกับ รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณะวิศวะมหิดล โดยเป็นกระบวนการบูรณาการทุกขั้นตอนตั้งแต่การเจาะกอผมที่มีคุณภาพ การนำรากผมย้ายมาปลูกในบริเวณที่กำหนดเสร็จในกระบวนการเดียว โดยใช้สเต็มเซลล์มาปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย สามารถย่นเวลาจากวิธีเดิมได้ถึง 4 เท่า และมีอัตราการเจริญเติบโตของรากผมที่ปลูกใหม่กว่า 90 % นอกจากใช้ในการเรียนการสอนเพื่อผลิตบุคคลากรแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางแล้ว ทางโรงพยาบาลยังเปิดบริการแก่ประชาชนด้วย

รศ.นาวาโท ดร.สรยุทธ ชำนาญเวช คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัดกระดูกสันหลัง โครงการ The Assistive Cobot for Spinal Surgery (ACoSS) ในขั้นตอนการผ่าตัด โดยสแกนพื้นผิวที่จะผ่าตัด ทำแผนที่ผ่าตัด เฟสที่ 1 เป็นการทดสอบผ่าตัดกระดูก และเฟสที่ 2 เป็นการทดสอบผ่าตัดกับครูใหญ่ นอกจากนี้ยังพัฒนาหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดมะเร็งต่อมใต้สมองผ่านช่องรูจมูก นับเป็นผู้บุกเบิกครั้งแรกของประเทศไทยและอาเซียน เมื่อมองไปในอนาคต เรากำลังศึกษาเทคโนโลยี AR/VR ที่จะพัฒนาการผ่าตัดในอนาคต รวมทั้งสาร Polymer ซึ่งจะมีบทบาทในการปลดปล่อยยาในปริมาณและเวลาได้แม่นยำตามที่กำหนด

ในด้านหุ่นยนต์ฟื้นฟูสมรรถภาพ อ. แพทย์หญิงพีรยา รุธิรพงษ์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู เผยว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทพัฒนาการฟื้นฟูสุขภาพในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น  หุ่นยนต์ Sensible TAB ใช้ฝึกการใช้มือ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และหุ่นยนต์ Sensible Step สำหรับฝึกเดินในผู้ป่วยทางสมอง (Robotics Gait Training) ทั้งสองหุ่นยนต์พัฒนาโดย อาจารย์พิเศษของ รพ. รามาธิบดี ภายใต้การสนับสนุนของหลายหน่วยงาน นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรม Wearable Sensor อุปกรณ์สวมข้อเท้าเดินสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โดย อ. แพทย์หญิงพีรยา รุธิรพงษ์ ร่วมกับทีมวิจัยจากสหสาขาวิชาชีพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเดินได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนรู้มาก่อนโดยปล่อยแสงเลเซอร์นำทาง การรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพได้เร็วจะช่วยให้ผู้ป่วยห่างไกลจากความพิการ นวัตกรรมจากประเทศไทยนี้ชนะรางวัล World Federation for Neuro Habilitation : WFNR Franz Gersten Award 2021 อีกด้วย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...