ในปี 2024 โลกแห่งปัญญาประดิษฐ์กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนถึงการแข่งขันอันดุเดือดในตลาดโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทั่วโลก โมเดลเหล่านี้เข้ามามีบทบาทตั้งแต่แชตบอทถามตอบคำถาม การวิเคราะห์ข้อมูลในระดับองค์กร ไปจนถึงการผลักดันขีดจำกัดใหม่ของการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ซับซ้อน
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างทุ่มทรัพยากรเพื่อพัฒนาโมเดลที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาด โดยแบ่งออกเป็นสองสายหลัก คือ โมเดลปิดหรือ Closed-source LLMs ที่พัฒนาโดยบริษัทเพื่อรักษาความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และโมเดลเปิดหรือ Open-source LLMs ที่นักพัฒนาภายนอกสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ โดยทั้งสองสายต่างก็มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน
โมเดลปิดยังคงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น Google ได้เปิดตัวโมเดล Gemini 1.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งเป็นโมเดลที่เน้นความแม่นยำสูงและการสนับสนุนอย่างมากในระดับองค์กร ในขณะที่ Amazon ได้นำเสนอ Titan Foundation Model ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างไร้ที่ติบนแพลตฟอร์ม AWS
อย่างไรก็ตาม โมเดลเปิดก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อย Meta เปิดตัว Llama 3.1 ในเดือนกรกฎาคม 2024 ซึ่งเป็นโมเดลที่มีความสามารถสูงและเปิดให้ใช้งานฟรีแก่นักพัฒนา อีกทั้ง Alibaba จากจีนยังได้เปิดตัว Qwen2.5 ซึ่งครอบคลุมโมเดลกว่า 100 รูปแบบและเปิดให้ใช้งานผ่าน API
การพัฒนาโมเดลปิดมีเงินทุนสนับสนุนสูงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับเงินทุนรวมถึง 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าโมเดลเปิดที่ได้รับ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.5 แสนล้านบาท ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของโมเดลปิดในการสร้างรายได้และการสนับสนุนที่ตรงเป้าหมายสำหรับองค์กร
การลดต้นทุนการใช้งานของโมเดลปิดยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการแข่งขัน ตัวอย่างที่เด่นชัดคือ GPT-4 ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลปิดที่ได้รับความนิยม ค่าใช้จ่ายในการใช้งานลดลงจาก 36 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1226.7 บาท ต่อ 1 ล้านโทเคนในเดือนมีนาคม 2023 เหลือเพียง 0.25 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.75 บาท ต่อ 1 ล้านโทเคนในเดือนกันยายน 2024 ด้วยเวอร์ชันที่ปรับลดอย่าง GPT-4o mini การลดต้นทุนนี้ไม่เพียงช่วยให้องค์กรธุรกิจเข้าถึงโมเดลเหล่านี้ได้มากขึ้น แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโมเดลเปิดให้ต้องเร่งพัฒนาความสามารถเพื่อรักษาความน่าสนใจในตลาด
โมเดลปิดยังคงเป็นผู้นำในตลาด เช่น Claude 3.5 ที่มีคะแนน 76.1% บน MMLU-Pro ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลเชิงลึกและแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ขณะที่ Llama 3.1 ซึ่งเป็นโมเดลเปิด ทำคะแนนได้ 73.3% ช่องว่างเพียงเล็กน้อยนี้แสดงถึงความก้าวหน้าของโมเดลเปิดที่กำลังตามทันในแง่ของความแม่นยำและประสิทธิภาพ
แม้ว่าตลาดโมเดลปิดจะยังคงครองความได้เปรียบในด้านความแม่นยำและการสนับสนุนระดับองค์กร แต่โมเดลเปิดกำลังพัฒนาเพื่อลดช่องว่างในด้านประสิทธิภาพและต้นทุน ทำให้การแข่งขันในตลาดนี้มีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานองค์กรและนักพัฒนารายย่อย ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมในงานที่ต้องการการปรับแต่งเฉพาะตัว เช่น การพัฒนาเครื่องมือ AI ภายในองค์กร
แม้ว่าตลาด LLMs จะเผชิญกับความท้าทาย เช่น ต้นทุนการพัฒนาสูงและการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ความคืบหน้าในด้านการลดต้นทุนและการสร้างโมเดลที่ยืดหยุ่นมากขึ้นได้สร้างโอกาสใหม่ ๆ ที่จะนำ AI ไปใช้งานในระดับที่กว้างขวางกว่าเดิม
ในปีนี้ โลกของ AI กำลังเขียนบทใหม่ที่น่าติดตาม และการแข่งขันระหว่างโมเดลเปิดและปิดคือจุดศูนย์กลางของเรื่องราวที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมอนาคตของมนุษยชาติ อนาคตของ LLM จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายกลุ่ม การพัฒนาโมเดลที่แม่นยำ ยืดหยุ่น และมีค่าใช้จ่ายต่ำจะเป็นหัวใจสำคัญของการครองตลาดในทศวรรษหน้า
ข้อมูลจากรายงาน CB Insights Tech Trends 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด