
ในยุคที่ Generative AI พัฒนาอย่างก้าวกระโดด คำถามที่หลายคนสงสัยที่สุดคือ "อาชีพของฉันจะถูกแทนที่หรือไม่?" ล่าสุด Microsoft Research ได้เผยแพร่งานวิจัยชิ้นสำคัญที่วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน AI จริงนับแสนครั้ง เพื่อจัดอันดับอาชีพที่ AI สามารถเข้ามามีบทบาทได้มากที่สุดและน้อยที่สุด
อาชีพในกลุ่มนี้มีกิจกรรมหลักของงาน (Work Activities) ที่ทับซ้อนกับความสามารถของ Generative AI ในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ โดยอิงจากตารางที่ 3 ในงานวิจัย "Working with AI"
ในทางกลับกัน อาชีพเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานฝีมือ การทำงานกับเครื่องจักร หรือการดูแลมนุษย์ทางกายภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ในรูปแบบ LLM ยังไม่สามารถทำได้
หลายคนอาจสงสัยว่ารายชื่อข้างต้นมาจากการคาดการณ์หรือมีหลักเกณฑ์อะไรในการวัดผล คำตอบคือ ทีมวิจัย Microsoft ได้วิเคราะห์บทสนทนาระหว่างผู้ใช้กับ AI (Microsoft Copilot) ที่ไม่ระบุตัวตนกว่า 200,000 บทสนทนา เพื่อสร้างตัวชี้วัดที่เรียกว่า
"AI Applicability Score" คะแนนนี้ไม่ได้หมายถึง "ความเสี่ยง" โดยตรง แต่หมายถึง "ระดับที่ AI สามารถเข้ามาประยุกต์ใช้กับกิจกรรมในอาชีพนั้นๆ ได้" โดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักจากการใช้งานจริง:
จุดที่น่าสนใจที่สุดของงานวิจัยนี้ คือการค้นพบว่าบทบาทของ AI แบ่งได้เป็น 2 ส่วนที่แตกต่างกัน:
และที่น่าทึ่งคือใน 40% ของบทสนทนาทั้งหมด พบว่าเป้าหมายของผู้ใช้และสิ่งที่ AI ทำนั้นเป็นคนละกิจกรรมกันโดยสิ้นเชิง ชี้ให้เห็นว่า AI มักเข้ามาในบทบาท "ผู้ช่วย" หรือ "โค้ช" มากกว่าที่จะเป็น "ผู้ทำแทน" ทั้งหมด
แม้ข้อมูลจาก Microsoft จะน่าสนใจ แต่ก็มีบริบทที่ต้องพิจารณาเช่นกัน Victor Tangermann จาก Futurism ตั้งข้อสังเกตว่า Microsoft ในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่อาจมีแรงจูงใจที่จะนำเสนอภาพของ AI ในแง่บวก ขณะเดียวกัน ปัญหาเรื่อง AI สร้างข้อมูลเท็จ (Hallucination) ก็ยังเป็นความท้าทายสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในวงการหลายคนมองไปในทิศทางเดียวกัน Jensen Huang, CEO ของ Nvidia กล่าวว่า "คุณจะไม่เสียงานให้ AI แต่คุณจะเสียงานให้กับคนที่ใช้ AI เป็น" ในทางกลับกัน Sam Altman, CEO ของ OpenAI ก็เคยเตือนว่าบางตำแหน่งงาน เช่น งานบริการลูกค้า อาจจะ "หายไปทั้งหมด" ได้
ตัวงานวิจัยเองก็ยอมรับว่านี่เป็นเพียง "ภาพ ณ จุดหนึ่งของเวลา" (snapshot in time) และเป็นข้อมูลที่เน้นเฉพาะ LLMs เท่านั้น
Kiran Tomlinson นักวิจัยอาวุโสของ Microsoft ผู้ร่วมทำวิจัยนี้ ได้สรุปอย่างชัดเจนว่า "งานวิจัยของเราสำรวจว่าหมวดหมู่งานใดสามารถใช้ AI Chatbot ได้อย่างมีประสิทธิภาพ... เพื่อชี้ให้เห็นว่า AI อาจเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน ไม่ใช่การแย่งงานหรือแทนที่"
ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคของการปรับตัวครั้งใหญ่ อาชีพที่เน้นงานความรู้ (Knowledge Work) จะต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI ให้เป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพ ขณะที่อาชีพที่ต้องใช้ทักษะทางกายภาพยังคงมีความมั่นคงสูงในปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถอ่านบทความวิจัยฉบับเต็มได้ที่นี่
ที่มา: Windowscentral, Fortune, CNBC, Futurism
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด