ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดตัวแอปฯ ในชื่อ K-Mobile Banking PLUS ถือเป็นการปฏิวัติวงการธนาคารในสมัยนั้น ต่อมาในปี 2017 กสิกรไทยได้ปรับแบรนด์ดิ้งของโมบายแบงกิ้ง โดยเปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่ ให้เรียกง่ายๆ จำง่ายๆ ว่า K PLUS ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมและปูทางให้แอปอื่นๆ ของธนาคารในตระกูล K ที่กำลังตามมา ไม่ว่าจะเป็น K PLUS SME และ K PLUS SHOP และในปีนี้ K PLUS ได้พลิกโฉมแบบ All-new โดยเปลี่ยนแอปใหม่แบบยกเครื่อง ตั้งแต่โลโก้ UX/UI และฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อผลักดันให้ K PLUS เป็น Lifestyle App ที่ลูกค้าใช้ในชีวิตประจำวัน
คุณพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า แอป K PLUS ใหม่ ต้องประกอบไปด้วย 3 สิ่ง คือ
- แจ้งเตือนธุรกรรมการเงินที่สำคัญและที่ลูกค้าทำบ่อยๆ รวมถึงแนะนำโปรโมชัน ร้านค้าโปรด และโปรส่วนลดต่างๆ ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า - นอกเหนือนี้ K+ Today ยังแจ้งเตือนรายการอื่นๆ ที่สามารถทำผ่านทาง K PLUS เช่น Request to pay/ Pay PLUS/ การชำระค่าตั๋วหนัง และ รับส่วนลด BTS เป็นต้น
- ใช้สแกนเพื่อจ่ายเงินด้วย QR Code - ใช้สแกนเพื่อตรวจสอบ e-Slip แบบใหม่ - ใช้สำหรับการถอนเงินไม่ใช้บัตร ผ่านตู้ K-ATM
- ช้อปออนไลน์กับสินค้าหรือบริการที่คัดสรรพิเศษในราคาพิเศษ - นำคะแนนสะสมบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย มาแลกชำระเงินแทนเงินสดได้ โดยคะแนนสะสมบัตรเครดิต 1,000 คะแนน มีมูลค่า 100 บาท
1. เลือก “ธุรกรรม” และเลือก “ถอนเงิน” ผ่านแอป K PLUS 2. เลือก จำนวนเงินที่ต้องการถอนผ่าน K PLUS 3. ไปที่ตู้ K-ATM เลือก “ถอนเงินไม่ใช้บัตร” 4. เลือก “K PLUS” บน K-ATM 5. ใช้ K PLUS สแกน QR Code ที่ตู้ K-ATM 6. กดปุ่มยืนยัน รับเงิน พร้อม Slip จากตู้ K-ATM ซึ่งฟังก์ชันนี้สามารถถอนเงินได้สูงสุด 50,000 บาท/วัน
เพิ่มบัตรสมาชิกที่ใช้เป็นประจำ ไม่ต้องพกบัตร ไม่ต้องบอกเบอร์ โดยปัจจุบันมี 2 รูปแบบ คือ - เพิ่มบัตรสมาชิก และสะสมคะแนนได้ทันที เช่น บัตร PTT Blue Card - เพิ่มบัตรสมาชิกใช้แทนบัตรพลาสติก เช่น บัตร The 1 Card
คุณสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่พลิกโฉมแอป Mobile Banking ทั่วไปก็คือ AI ที่ชื่อว่า KADE ของ K PLUS ซึ่งจะเรียนรู้ และรู้จักผู้ใช้งาน ทั้งรู้จักหน้าผู้ใช้ รู้ข้อมูล รู้จักเสียง และเมื่อ KADE เรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ KADE จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจกับลูกค้าเป็นรายคนได้ เช่น
นอกจากนี้ K PLUS ยังมีโครงสร้างเทคโนโลยี Open Platform พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับช่องทางบริการและพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ต่อเนื่องและต่อยอดไปจนถึงการนำเสนอบริการใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีการเสนอสินค้าและบริการที่เชื่อมต่อกับ K PLUS SHOP โดยการดึงสินค้าละบริการจาก K PLUS SHOP มานำเสนอให้กับผู้ใช้อีกด้วย
การพลิกโฉม K PLUS ใหม่นี้ เป็นเพียงก้าวแรกของการปฏิวัติแอป Mobile Banking โดยในเร็วๆ นี้ ธนาคารจะมี 3 บริการล้ำๆ ที่ตั้งใจผลักดันต่อ ได้แก่
1. Verbal Adviser ผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถคุย ช่วยเหลือเราได้ 2. การสแกนใบหน้าในการซื้อสินค้ากับร้าน K PLUS SHOP สามารถจ่ายเงินได้ด้วยใบหน้าของเรา 3. การสั่งงานด้วยเสียงในการโอนเงิน เช่นการจ่ายค่าทางด่วน เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ กสิกรไทยได้วางกลยุทธ์และเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันการใช้งานฟังก์ชันไลฟ์สไตล์ของ K PLUS เพิ่มเป็น 5-10% ภายใน 1 ปี และเพิ่มจำนวนลูกค้าของธนาคารเป็น 20 ล้านบัญชีภายใน 3 ปี
“เป้าหมายการพัฒนา K PLUS คือ ทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องง่ายๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ ‘รู้จักจนรู้ใจ’ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกคนมากที่สุด ศักยภาพของ K PLUS ในอนาคต จะทำให้คนที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถทำธุรกรรมได้ เกิดธุรกรรมการเงินข้ามประเทศ ทำให้เราตั้งเป้าหมายว่า จะมีผู้ใช้ K PLUS ถึง 100 ล้านคนทั่วโลก ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียมกันและมีชีวิตที่ดีขึ้น” คุณสมคิดกล่าวปิดท้าย
อ่านละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ Kasikornbank.com
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด