เรื่องต้องรู้ ภัยคุกคามจากการ Ransomware โจมตีคอมพิวเตอร์ทั่วโลก | Techsauce

เรื่องต้องรู้ ภัยคุกคามจากการ Ransomware โจมตีคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการระบาดไปทั่วโลกของมัลแวร์ที่เรียกค่าไถ่ในชื่อ Petya มัลแวร์สายพันธุ์ใหม่ที่ร้ายแรงเช่นเดียวกับ Wannacry โดยสร้างความเดือดร้อนให้กับหลายบริษัทใหญ่ทั่วโลกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows และไม่ได้อัพเดต Patch ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ใหญ่ครั้งที่ 2 แล้วที่เกิดเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์และได้รับผลกระทบในวงกว้าง ในเวลานี้ผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างและมีอะไรบ้างที่เราต้องรู้

  • Ransomware ได้จู่โจมธุรกิจไปทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทส่วนมากต้องทำการปิดระบบคอมพิวเตอร์
  • นักวิจัยยังคงตรวจสอบซอฟแวร์ที่อยู่เบื้องหลังการจู่โจมนี้ มีการเตือนว่ามันซับซ้อนมากกว่า WannaCry ซึ่งโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์นับร้อยนับพันเครื่องทั่วโลก
  • แบรนด์ระดับโลก อาทิเช่น Mondelez (MDLZ) ผู้ผลิต Oreos และ British advertising giant WPP (WPPGF) กล่าวว่า ระบบ IT ของพวกเขาก็ประสบปัญหานี้
  • Microsoft วิเคราะห์ว่า Petya เป็นมัลแวร์ที่ซับซ้อนมาก และถือว่าพัฒนาจาก WannaCry ไปอีกขั้นตรงที่มันกระจายตัวต่อผ่านช่องโหว่หลายตัว
  • เครื่องที่ติด Petya อยู่ในยูเครน โดยส่วนมากเป็น Windows 7 โดย Microsoft กล่าวว่า Windows 10 Creators Update มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยคุ้มครองจากมัลแวร์แบบ Petya ได้

มันทำงานอย่างไร?

  • Ransomware จะติดไปกับคอมพิวเตอร์และ lock down ระบบการปฏิบัติการ โดยต้องนำค่าไถ่จำนวน $300 บิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลมาเป็นค่าไถ่ (แต่อีเมลถูกบล็อคแล้ว) แต่ถึงแม้ว่าเหยื่อจะจ่ายเงินไปแล้ว แต่พวกเขากลับไม่ได้ไฟล์กลับคืนมา ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมาย และมีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์มีความเห็นว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่ควรจ่ายค่าไถ่ในการโจมตีดังกล่าว

มันแพร่กระจายอย่างไร?

  • นักวิจัยกล่าวว่าไวรัส ransomware เป็น worm ที่ส่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆโดยอาศัยการเจาะผ่านช่องโหว่ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า EternalBlue ซึ่งใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในไมโครซอฟท์วินโดว์ ไมโครซอฟท์ (MSFT, Tech30) ได้ออกตัวแก้ไขสำหรับการปิดข้อบกพร่องในเดือนมีนาคม แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบริษัทจะใช้ได้มัน โดย EternalBlue จัดอยู่ในกลุ่มของเครื่องมือแฮ็กที่รั่วไหลไปก่อนหน้านี้ โดยหน่วยงานรักษาความปลอดภัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา

ใครถูกโจมตีบ้าง?

  • ธุรกิจต่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็อยู่ภายใต้การโจมตีนี้ รวมไปถึง Rosneft ธุรกิจน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่เชื้อชาติรัสเซีย Maersk บริษัทขนส่งสินค้า บริษัทยาและบริษัทกฎหมาย ธุรกิจค้าปลีกของฝรั่งเศสของกลุ่ม Auchan และส่วนของอสังหาริมทรัพย์ของ BPN Paribas ก็ได้รับผลกระทบ
  • ในยูเครนนั้นได้รับผลกระทบในวงกว้าง ทั้งธนาคาร หน่วยงานของรัฐ ไปรษณีย์ ก็ประสบปัญหาดังกล่าว โดย Ransomware ยังส่งผลให้เกิดปัญหาของระบบตรวจสอบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
  • มันยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
  • Mondelez กล่าวว่า โรงงานผลิตอันดับห้าในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ทั้งหมดถูกโจมตี แต่บางส่วนก็ยังคงสามารถดำเนินการได้ และ Maersk ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าในเมืองมุมไบของอินเดียถูกปิดลง’
  • เห็นได้ชัดว่าบริษัทในเอเชียได้รับผลกระทบนี้ แต่ระดับความสำเร็จลดลง ทั้งๆที่เป็นการโจมตีเช่นเดียวกันกับ WannaCry

แล้วเราจะเป็นผู้เสียงภัยไหม?

  • ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า โดยปกติผู้บริโภคที่มีการอัพเดทวินโดว์คอมพิวเตอร์จะปลอดภัยจากการโจมตีนี้ อย่างไรก็ตามถ้ามีระบบปฏิบัติการหนึ่งของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยังไม่มีการอัพเดท มันสามารถติดเชื้อไปยังเครือข่ายคอมพิวเตอร์อื่นๆได้
  • ไม่มีทางที่กำจัดหรือหยุดการแพร่กระจายของ ransomware ได้อย่างอัตโนมัติ ในระหว่างที่ wannacry ได้โจมตีเมื่อเดือนที่แล้ว นักวิจัยได้มีการสร้าง a kill switch โดยการลงทะเบียนมัลแวร์ อย่างไรก็ตาม Amit Serper นักวิจัยด้าน cybereason กล่าวว่าเป็นทางแก้ชั่วคราว แต่สำหรับ petya ที่ยังเหลืออยู่ ธุรกิจสามารถเพิ่มไฟล์ที่จัดเก็บเอกสารในคอมพิวเตอร์แต่ละตัวเพื่อเป็นการหลอกล่อ ransomware ในการที่จะแพร่ไวรัสไปยังระบบปฏิบัติงาน

มันเริ่มมาจากไหน/ เกิดขึ้นได้อย่างไร?

นักวิจัยยังคงไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทาง Cisco Talos กล่าวว่ามีหนึ่งทางที่ ransomware สามารถเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ได้คือการผ่านทางซอฟแวร์ในยูเครน ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกโจมตีอย่างหนัก บริษัทยูเครนที่เรียกว่า MeDoc ส่งการอัพเดทไปยังซอฟแวร์ที่มีการบรรจุมัลแวร์อยู่ โดยคอมพิวเตอร์ที่มีการติดเชื้อจะยังคงทำงานอยู่ วิลเลี่ยมซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ Cisco Talos กล่าว ซึ่งพนักงานของยูเครนยืนยันความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ไปยัง MeDoc แต่บริษัทได้ระงับซอฟแวร์นี้ในการแพร่กระจายของไวรัส ซึ่งได้กล่าวใน Facebook Post ที่มีการอัพเดทถูกส่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?

  • มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าใครเป็นอยู่เบื้องหลังในการปล่อยไวรัสนี้
  • เมื่อเดือนที่แล้วหน่วยข่าวกรองและนักวิจัยด้านความปลอดภัย ได้เชื่อมโยงการโจมตีของ WannaCry เชื่อมโยงไปยังเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า ransoware ตัวใหม่มีการเชื่อมต่อ

มันแตกต่างจาก WannaCry อย่างไร?

มัลแวร์ตัวนี้มีลักษณะเหมือนกับ WannaCry เพียงแต่ ransomware จะมีการโจมตีโดยใช้เครื่องมือ EternalBlue ในการแพร่กระจาย แต่นักวิจัยกล่าวว่ายังมีการใช้ส่วนอื่นๆของวินโดว์ในการแพร่เชื้อไปยังคอมพวเตอร์ รวมไปถึงการเข้าควบคุมตัวตนของผู้ใช้ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ มันจะหยุดการทำงาน Hard Drive ทั้งหมดของคอมพิวเตอร์แทนที่จะเป็นไฟล์ และมันไม่พุ่งไปที่อินเตอร์เน็ตเหมือนที่ WannaCry ทำ ซึ่งมันแพร่ไปยังเครือข่ายของบริษัท

ที่มาของภาพและข่าว CNN

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

TikTok เตรียมจำกัดการใช้ฟิลเตอร์ปรับหน้าสวย ป้องกันค่านิยม Beauty Standard ในเด็กต่ำกว่า 18 ปีทั่วโลก

ฟิลเตอร์ไม่ตรงปกเด็กห้ามใช้ เมื่อ TikTok ประกาศจำกัดการใช้งานฟิลเตอร์ปรับหน้าสวยในเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีทั่วโลกเร็วๆนี้ หวังป้องกันค่านิยม Beauty Standard...

Responsive image

ทำไมตลาดรถยนต์ไทยถึงอาจซบเซาสุดในรอบ 15 ปีแม้ว่ารถ EV จะขายดีก็ตาม ?

ตลาดรถยนต์ไทยมองผิวเผินอาจจะดูเหมือนเติบโตจากการเข้ามาของแบรนด์ EV จีน ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันทั้งทางฝั่งรถ ICE รวมถึงการทำสงครามราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้วตลาดรถย...

Responsive image

AOT เปิดใช้ระบบ Biometric สแกนใบหน้า เริ่มต้น 1 ธันวาคม 2567 ผู้โดยสารระหว่างประเทศใช้งานได้

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดตัวระบบ Biometric ที่ใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อช่วยให้การเดินทางของผู้โดยสารสะดวกและรวดเร็วขึ้น...