ไม่นานมานี้ เทคซอสได้ไปร่วมงาน SaaS Connect Thailand 2025 งานสัมมนาเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนวงการ SaaS : Software-as-a-Service ไทย ซึ่ง KATALYST (By Beacon VC) และ FlowAccount ร่วมกันจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
งานดังกล่าวเป็นงานแชร์ความรู้ เผยกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ SaaS เพื่อช่วยผลักดันให้ SaaS ไทยรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคที่ AI เข้ามาพลิกโฉมรอบด้าน ตลอดจนมุ่งเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ SaaS มาร่วมในระบบนิเวศผู้ประกอบการ SaaS ไทย
ภาพรวมที่ได้เห็นในงาน SaaS Connect Thailand 2025 คือ ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร นักพัฒนา SaaS มาอยู่ในพื้นที่เดียวกันราว 200 คน โดยมีทั้งกลุ่ม Tech Startup ที่ทำ SaaS, นักลงทุนทั้งที่เป็น Angel Investors และ Venture Capital (VC), ผู้บริหารระดับ CTO/CPO/VP กับทีม Digital Transformation จากองค์กร ที่ใช้งานหรือสนใจใช้งาน SaaS รวมถึงตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทและนโยบายในการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม SaaS ไทยหลายมิติ ช่วยให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจแยกย่อยได้อีกหลายด้านตามมา อาทิ B2B Collaboration, API integration, Co-marketing
SaaS Connect Thailand 2025: Learn together, grow together, build Thai SaaS together.
สำหรับกิจกรรมในวันงาน เริ่มต้นจาก ทีม Beacon VC มาฉายภาพการเติบโต เทรนด์การใช้งานซอฟต์แวร์ และโอกาสอีกมากของ SaaS ต่อด้วยการแชร์ประสบการณ์ตรงจากผู้ก่อตั้งและผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในวงการ SaaS รวมถึงวงเสวนาหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทในการสนับสนุนธุรกิจ SaaS ในไทย อาทิ LINEMAN Wongnai, BUILKONE GROUP, Wisesight, Readyplanet, DEPA, NIA และปิดท้ายด้วยกิจกรรม Networking ที่มีการพูดคุย ทำความรู้จักกันอย่างออกรส

คุณวรพจน์ กิ่งแก้วก้านทอง Partner – Investment, Beacon VC นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและตลาด SaaS ในระดับโลก ว่าเติบโตขึ้นด้วย 3 ปัจจัย หนึ่ง เพราะธุรกิจต้องเร่งทำ Digital Transformation สอง เพราะธุรกิจต้องการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ และ สาม เพราะองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs เปิดรับโซลูชัน SaaS มากขึ้น จากที่ไม่อยู่ในความสนใจมาก่อน ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานเป็นผู้ขับเคลื่อนการเติบโตของ SaaS และทำให้อุตสาหกรรม SaaS เติบโตในระดับโลกได้มากกว่า 20% โดยมีสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย เป็นผู้นำในตลาด
สำหรับตลาด SaaS ไทย คุณวรพจน์บอกว่า อัตราการเติบโตอยู่ที่ 15.12% และหลังจากนี้จะเติบโตขึ้นอีก จากเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรม SaaS 6 ด้าน ได้แก่
มีเทรนด์ในระดับโลกว่า ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็น Enterprise จะหันมาใช้ผู้ให้บริการโซลูชันหลายเจ้ามากขึ้น (Diversify) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ คล้ายกับการพิจารณาและเลือกใช้ Cloud หลายๆ เจ้าอย่างในปัจจุบัน
คุณวรพจน์ให้ข้อมูลเสริม นอกจากนี้ยังเผยสิ่งที่ SaaS ต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงเพราะอาจกระทบธุรกิจ 4 ด้าน ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ใช้เพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร และการอินทิเกรต ESG เข้ากับธุรกิจ
![]()
นอกจากนี้ คุณวรพจน์ยังเผยสิ่งลูกค้าองค์กรต้องการจาก SaaS เพื่อให้ผู้ประกอบการ SaaS นำไปปรับใช้หรือพัฒนาต่อได้ ดังนี้
มาที่ฝั่ง VC อีกฟันเฟืองสำคัญที่ให้เงินลงทุนเพื่อช่วยเร่งการเติบโตของ SaaS ซึ่งที่ผ่านมามีข้อมูลว่า VC ในอาเซียนให้เม็ดเงินลงทุนรวมแล้วสูงสุดในปี 2021 แต่แนวโน้มการลงทุนในปี 2025 นี้ คาดว่าดีลการลงทุน เม็ดเงินลงทุนก็จะลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2021 ด้วยหลายปัจจัย อาทิ เศรษฐกิจถดถอย - VC จึงไม่มั่นใจว่า SaaS จะเติบโตหรืออยู่รอดไหม, ความโปร่งใส - เนื่องจากมีการฉ้อโกง การตกแต่งบัญชีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง VC ให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความโปร่งใส จึงตรวจสอบรายละเอียดการดำเนินธุรกิจเข้มข้นขึ้นและนานขึ้น, ให้ความสำคัญกับธุรกิจในพอร์ตตัวเอง - VC หันไปผลักดันการเติบโตของธุรกิจที่อยู่ในพอร์ต อาจเพื่อนำไปสู่การขายกิจการ
และเนื่องจาก Beacon VC เป็นธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้ธนาคารกสิกรไทยที่เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพหลายเจ้า โดยรายแรกที่เข้าไปลงทุนในปี 2017 ก็คือ FlowAccount แพลตฟอร์มบัญชีออนไลน์ที่เป็น SaaS จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสองจะจับมือกันทำให้ระบบนิเวศ SaaS โต โดยเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมในปีนี้

คุณกฤษฎา ชุตินธร ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ FlowAccount เล่าว่า เริ่มต้นธุรกิจในปี 2015 จากระบบบัญชีออนไลน์ที่เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยมา และขยับมาเก็บค่าบริการซอฟต์แวร์ในภายหลัง ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 990 บาท
ด้านกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต คุณกฤษฎาบอกว่า FlowAccount เติบโตด้วยกลยุทธ์ Product-led Growth (PLG) หรือ การทำให้ธุรกิจโตจากผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ด้วยตัวเอง โดยออกแบบให้ใช้งานง่าย ลูกค้าสามารถกดซื้อได้เอง และสะดวกต่อการซื้อหรือใช้บริการซ้ำ ต่างจากหลายบริษัทที่ทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยกลยุทธ์ Sale-led Growth คือให้เซลล์เป็นเมนหลักในการขายของ หารายได้เข้าบริษัท ซึ่งเมื่อเกิดวิกฤตโควิด เซลล์ไปเจอลูกค้าไม่ได้ โอกาสขายลดหรือหายไป
เมื่อกลยุทธ์ PLG ได้ผล ผู้ใช้งานยินดีจ่ายเงินเพื่อใช้บริการอย่างต่อเนื่อง FlowAccount ก็ขยายฟีเจอร์สู่ระบบบัญชีเงินเดือน โดยเพิ่มโมดูลเข้าไปในแพลตฟอร์ม เช่น Payroll, AutoKey, MobilePOS เพื่อตอบโจทย์คนทำงานองค์กรมากยิ่งขึ้น จากนั้นเก็บค่าบริการสูงขึ้นตามความคุ้มค่าของฟีเจอร์ที่พัฒนาให้ใช้ นอกจากนี้ ยังขยายตลาดออกไปโดยเชื่อม FlowAccount กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada, Shopee, TikTok Shop เพื่อเข้าถึงแบรนด์ และ SMEs ที่ค้าขายอยู่ในระบบ

ที่ผ่านมา FlowAccount ได้รับเงินลงทุนจาก VC ไปแล้วหลายเจ้า และสามารถก้าวข้ามทุกความท้าทายได้อย่างแข็งแกร่ง มาวันนี้ FlowAccount เป็นธุรกิจที่เติบโตเข้าสู่ปีที่ 10 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน มีเครือข่ายบริษัทบัญชีและสำนักงานบัญชีซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนได้มากกว่า 5,000 ราย และมีลูกค้า SMEs ที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท มากกว่า 130,000 ราย
นอกเหนือจากกลยุทธ์ Product-led Growth คุณกฤษฎาให้แนวทางเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการ SaaS นำไปปรับใช้ต่อได้ ดังนี้
ผู้เข้าร่วมงานในงาน SaaS Connect Thailand 2025 ยังได้รับฟังความรู้ ประสบการณ์ และคำแนะนำจากผู้ก่อตั้งและผู้บริหารธุรกิจ SaaS อีกหลายราย ซึ่งต่างก็มีเส้นทางการเติบโต มีกลยุทธ์และการเดินตามเป้าหมายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น

คุณอภิเษก เทวินทรภักติ ซีอีโอ Beryl 8 (BE8) เล่าว่าเริ่มต้นธุรกิจหลังรู้จัก Salesforce แล้วเห็นโอกาสในการธุรกิจบริการ Digital Transformation จึงก่อตั้งบริษัทในช่วงปี 2008 - 2009 บริการลูกค้าแบบ SaaS ต่อมาประสบปัญหาเรื่องหาคนทำงานยาก หาลูกค้าก็ไม่ได้ คุณอภิเษกจึงใช้วิธีควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อเติมด้านที่ขาดหรือต้องการพัฒนาจากหลายบริษัท ทำให้บริษัทมีคนเพิ่ม มีความเชี่ยวชาญเพิ่ม เช่น บริษัทที่พัฒนา InsurTech, บริษัท Cybersecurity
“ความแตกต่างที่ต้องดูในการลงทุนซื้อหรือควบรวมกิจการ ธุรกิจ Synergy กันได้ไหม Passion ผู้ก่อตั้งเป็นอย่างไร บางบริษัทเราไม่ได้เข้าไปซื้อ 100% แต่ Swab หุ้นด้วยเงินสด 10-20% เข้ามาใน BE8 และเมื่อมีหลายบริษัทก็บริหารทีมด้วยหลัก ‘Unify but not Uniform’ คือ ทุกบริษัทรวมเป็นหนึ่งเดียวแต่ไม่ต้องเหมือนกันทั้งหมด
“อย่างไรก็ตาม M&A เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโต แต่ไม่ใช่กลยุทธ์หลัก และหลังทำ M&A จากที่มีลูกค้าองค์กร 100 รายก็เพิ่มขึ้นเป็น 300 ราย มีรายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ 2,500 ล้านบาท อัตราการเติบโตถึง 8 เท่า ในวลา 2 ปี” คุณอภิเษกกล่าว

คุณทรงยศ คันธมานนท์ ซีอีโอ Ready Planet เล่าถึงจุดเริ่มต้น ความเชี่ยวชาญ และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ SaaS ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา และวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) โดยแบ่ง IPO Journey ออกเป็น 3 ยุค คือ 1) ยุคบุกเบิก ปี 2000 - 2007 2) ยุคพาร์ตเนอร์ ปี 2008 - 2018 และ 3) ยุคพัฒนาแพลตฟอร์มเอง ปี 2019 - ปัจจุบัน การปรับตัวและแก้ปัญหาเมื่อเผชิญสถานการณ์และความท้าทาย และทำให้ปี 2024 มีรายได้ในปี 2024 จำนวน 195.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.5 ล้านบาท
“จุดแข็งของธุรกิจ SaaS คือ ถ้าสเกลใหญ่ รายได้จะดี เพราะเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) แต่ถ้าขายได้น้อย สเกลไม่ค่อยได้ รายได้ก็จะต่ำ บริษัทก็จะขาดทุน” คุณทรงยศกล่าวไว้
คุณเอกลักษณ์ วิริยะโกวิทยา Managing Director, Merchant Digital Solutions จาก LINE MAN Wongnai กล่าวถึง Wongnai ว่าแจ้งเกิดแพลตฟอร์มในปี 2010 จากการให้ผู้บริโภครีวิวร้านอาหาร รับเงินจากร้านค้าเป็นค่าโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มสื่อ แต่วันนี้เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ที่มี 1) On demand Services อย่างบริการ Food Delivery, Ride, Mart 2) Payment & Financial Products ผลิตภัณฑ์ด้านการชำระเงินทุกรูปแบบ ซึ่งก็คือ LINE Pay และ 3) Merchant Digital Solutions อย่างซอฟต์แวร์ POS FoodStory และ Merchant App
ก่อนมาเป็น LINE MAN Wongnai ในปัจจุบัน คุณเอกลักษณ์เปิดเผยว่าบริษัทมีจุดเปลี่ยนสำคัญจากการที่ Recruit Group ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสั่งอาหาร Hot Pepper ในญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและเป็น Good Master ให้ Wongnai กล่าวคือ เป็นเหมือนอาจารย์ที่คอยชี้แนะเรื่องโซลูชันร้านอาหารด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ทั้งยังเป็นผู้พัฒนา ‘AirREGI’ ซอฟต์แวร์ POS ที่ให้ร้านค้าใช้ฟรี เพื่อช่วยบริหารจัดการงานระบบหลังบ้าน กับสอง มีพาร์ตเนอร์ที่ไว้ใจได้และเชื่อในสิ่งที่ทำ อย่าง Food Story ที่ Wongnai เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์และร่วมพัฒนาแพลตฟอร์ม FoodStory ระบบ POS ซึ่งเร่งการขยายตัวและตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เป็นร้านค้าได้เป็นอย่างดี
“พอเป็นบริการ POS ร้านค้าที่ต้องการใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องรันธุรกิจ เขาย่อมต้องการระบบที่มัน Robust เราเลยต้องขายฮาร์ดแวร์เป็น Enabler ให้ใช้งานด้วย เป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ร้านสามารถซื้อได้ (Affordable) และอินทิเกรตได้ง่าย เพื่อให้เขาใช้ซอฟต์แวร์เรา” คุณเอกลักษณ์กล่าว
ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai มีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านราย มีร้านอาหารและผู้ใช้บริการซอฟต์แวร์ POS ที่หน้าร้านอยู่ในระบบมากกว่า 55,000 ราย มีผู้ใช้งาน LINE Pay ราว 9 ล้านราย และมี Rider ในระบบอีกมากกว่า 100,000 ราย
นอกจากนี้ยังมีผู้ก่อตั้งและซีอีโอ BUILK ONE Group, Wisesight มาเผยเส้นทางธุรกิจ การขยายตลาดและต่อยอด การนำ Data และ AI มาใช้ในธุรกิจ ฯลฯ
คุณไผท ผดุงถิ่น ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ BUILK ONE GROUP และคุณกล้า ตั้งสุวรรณ ผู้ก่อตั้ง Wisesight
ในงานนี้ยังมี Panel Discussion ในหัวข้อ ‘The SaaS Growth Blueprint: Backing Thai Startups from Seed to IPO’ หรือ Blueprint การเติบโตของ SaaS: การสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยตั้งแต่เริ่มต้นจน IPO โดย


จบจากการรับฟังประสบการณ์ตรงและ Panel Session พื้นที่จัดงานอีกโซนก็แน่นขนัดตา เพราะผู้บริหาร ผู้ประกอบการ SaaS นักลงทุน VC สตาร์ทอัพ พบปะพูดคุย เชื่อมคอนเน็กชันกันในแวดวงอย่างคึกคัก
กิจกรรม SaaS Connect Thailand 2025 ที่จัดขึ้นและได้รับความสนใจนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ‘Thai SaaS Playbook’ ที่ KATALYST (โดย Beacon VC) และ FlowAccount ตั้งใจปลุกปั้น เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ SaaS ไทยรุ่นต่อไป และทำให้ระบบนิเวศนี้มีศักยภาพสู่ในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ประเทศ
บทความนี้เป็น Advertorial
#SaaSConnect2025 #ThaiSaaS #KATALYSTxFlowAccount #BeaconVC #SaaSEcosystem #TechConferenceThailand
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด