หลายๆ คนในวงการสตาร์ทอัพคงรู้จักชื่อ Seedstars กันดี เพราะมีโปรเจคต์ที่เฟ้นหาสตาร์ทอัพที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เรียกได้ว่าเป็นเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีที่รอการบ่มเพาะ โดยมีการจัดการแข่งขันสตาร์ทอัพในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และยังมีเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่าง Seedstars World ซึ่งทีมสตาร์ทอัพของไทยเรา ทีม Washbox24 ก็เคยไปสร้างชื่อเสียงโดยผ่านเข้ารอบสุดท้ายบนเวทีนี้มาแล้วเมื่อปี 2014 และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Seedstars ได้จับมือกับ Digital Ventures Accelerator หรือ DVA ในกลุ่ม Digital Ventures จัดงาน Seedstars Asia Bootcamp ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก วันนี้เราจึงอยากหาคำตอบถึงที่มาที่ไปที่ทำให้ Seedstars ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนระดับองค์กรในไทยครั้งนี้ ซึ่งเราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ คุณ Kat Katarina Szulenyiova ผู้จัดการภูมิภาคเอเชียของ Seedstars World และคุณชาล เจริญพันธ์ Head of Accelerator ของ DVA ถึงในงาน
คุณ Kat - เราจัด Bootcamp ขึ้นเพื่อให้สตาร์ทอัพแต่ละทีมได้รับการติวเข้มหรือ Mentorship ให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเดินทางมาร่วมงานใหญ่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสถานที่ที่เราเลือกจัด Bootcamp เป็นสิ่งสำคัญมาก เรามองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งในแง่การเดินทางที่สะดวกต่อผู้เข้าร่วมงาน และในแง่ทิศทางของประเทศโทยตอนนี้ที่ตรงกับความต้องการของ Seedstars โดยเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเซียที่มีการสนับสนุนผู้ประกอบการทางด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพมากขึ้นโดยรวม นอกจากนี้เรายังเห็น Community ที่ที่เป็นมิตรและอบอุ่นซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักในประเทศอื่นๆ เราอยากให้สตาร์ทอัพในภูมิภาคนี้ได้มาเป็นและนำไปสร้างสังคมที่ดีแบบนี้ในประเทศอื่นๆ เช่นกัน
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ ตั้งแต่ Seedstars ก่อตั้งขึ้นมาที่เราตัดสินใจจัดงานระดับภูมิภาคแบบนี้เพื่อเป็นการรวมตัวสตาร์ทอัพจาก 17 ประเทศในเอเชีย โดยเราต้องการให้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อที่เราจะได้จับภาพรวมว่า Ecosystem ของสตาร์ทอัพแต่ละประเทศเป็นอย่างไร แล้วเทคโนโลยีที่คิดค้นโดยประเทศนั้นๆ มีอะไรบ้าง
คุณชาล - เรามองเห็นว่า Seedstars มีศักยภาพที่จะพาสตาร์ทอัพให้สำเร็จและไปเวทีระดับโลกได้ และงาน Pitching ในไทยปัจจุบันก็ถือว่ายังน้อย จึงตัดสินใจสนับสนุนงานแข่งขัน Pitching ครั้งนี้ในฐานะองค์กรที่เป็น Strategic Partner เพื่อเป็นเวทีให้สตาร์ทอัพไทยได้ฝึกฝน ซึ่งเราดูแล้วว่าแต่ละช่วงของงานครั้งนี้มีแต่หัวข้อที่น่าสนใจและเข้มข้นทั้งนั้น
นอกจากนี้ เรายังเห็นประโยชน์ที่ทีมสตาร์ทอัพของ DVA ทั้ง 10 ทีมของเราจะได้รับประสบการณ์จากการแข่งขันในเวทีระดับสากลแบบนี้ ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ของโครงการเราที่เน้นให้มี Mentor ชาวต่างชาติซึ่งหาโอกาสพบเจอได้ยาก อีกทั้งทุกทีมก็ต้อง Pitch กับนักลงทุนในโครงการเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการให้เป็นสากลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกทีมจะเรียนรู้ว่าภาษาเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวไปในระดับโลกได้
คุณ Kat - เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ DVA ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรงในไทยและเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในวงการสตาร์ทอัพอย่างมาก ซึ่งตรงกับสิ่งที่เรามองหา เราเชื่อว่า DVA จะสามารถช่วยเหลือในการเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพได้ นอกจากนี้ แผนกิจกรรมของ DVA และการสนับสนุนต่างๆ ยังแสดงให้เห็นความต้องการที่จะผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้ก้าวสู่การเป็นตัวแทนบนเวทีนานาชาติจริงๆ เราจึงมองว่านี่เป็นจุดร่วมซึ่งสอดคล้องกันระหว่างสองฝ่าย ที่จะทำให้สตาร์ทอัพได้เรียนรู้จากกันและกัน เรียนรู้โมเดลธุรกิจของทีมจากหลายชาติ และนำมาปรับใช้เพื่อขยายเข้าสู่ตลาดโลกในอนาคต
ความจริงแล้วมี 2 ทีมจากงาน Seedstars Bangkok เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่ได้เข้าร่วมใน DVA ด้วย นั่นก็คือ Seekster กับ Peer Power ซึ่งเราก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่เห็นทีมที่มี มีผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ได้แล้วรับการสนับสนุนเช่นนี้ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าด้วยการสนับสนุนของ DVA จะทำให้พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและขยายธุรกิจออกไปได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
คุณ Kat - รู้สึกประทับใจในความกระตือรือร้นของทุกทีมที่มีส่วนร่วมในโปรแกรมของเรา เพราะจากประสบการณ์สตาร์ทอัพโดยทั่วไปทีมมักจะไม่กล้าได้กล้าเสีย และอายที่จะพูดคุยสอบถาม ผิดกับสตาร์ตอัพของ DVA ครั้งนี้ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราได้มากจริงๆ
มีหลายทีมที่อยู่ในขั้นกำลังพัฒนาไปสู่การขยายธุรกิจแล้ว มีผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ปล่อยออกตลาดแล้ว ถือว่าอยู่ในช่วงกำลังเติบโต ไม่ใช่ขั้นไอเดียเท่านั้น บางทีมสามารถ Pitching ได้อย่างน่าประทับใจ เห็นแนวคิดที่ชัดเจนและดูรู้ว่าได้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี รวมถึงผลิตภัณฑ์ของบางทีม ทำให้ได้เห็นการพยายามนำธุรกิจออฟไลน์มาสู่โลกออนไลน์ การแก้ปัญหาต่างๆ ของธุรกิจแบบดั้งเดิม เป็นการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีปัจจุบันและวิถีชีวิตของคนยุคนี้
คุณชาล - ในส่วนของทาง DVA เอง เรารู้สึกยินดีที่มีทีมสตาร์ทอัพใน Seedstars บินมาร่วมงานครั้งนี้และได้ทำความรู้จักกันไว้ ถ้าพวกเขาสนใจก็สามารถมาร่วมใน Batch หน้าได้ ซึ่งใน Batch นี้เรามีสตาร์ทอัพต่างประเทศเข้ามาร่วมโครงการและมีการ Incorporate ในไทย ซึ่งในการลงทุน เราดูกันถึง 6 เดือนตามระยะเวลาโครงการ โดยไม่ได้ดูจากแค่ Due Diligence หรือวิเคราะห์สถานะของธุรกิจเท่านั้น แต่ดูถึงศักยภาพทีม วิธีการ และการเติบโตของเขาด้วย
เพราะยิ่งนาน ยิ่งทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น
และแน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งอีเว้นท์พิเศษสำหรับทีมสตาร์ทอัพ DVA Batch 0 ของเรา เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เปิดตัวทีม ได้เจอสตาร์ทอัพต่างประเทศ สร้าง Connection ใหม่ๆ และได้แชร์ความรู้ร่วมกันแล้ว แต่ละทีมยังได้รับความรู้จาก Mentor จากต่างประเทศ อย่างเช่นเรื่อง OKR (Objectives & Key Results) ถือเป็นเรื่องที่หาเรียนได้ยากมากในไทย ซึ่งใน Bootcamp จะมีการสอนให้ใช้ OKR ในการตั้งวิสัยทัศน์ ตั้งเป้าหมาย และสร้างความโปร่งใสให้องค์กรที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google นำไปใช้และมีโด่งดังไปทั่วโลก เป็นขั้นตอนที่ทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงได้เร็วที่สุด ซึ่งเหมาะกับการทำงานของสตาร์ทอัพอย่างมาก เราถือว่านี่เป็นคลาสพิเศษที่ทีม DVA ได้เรียนรู้จากงานนี้เลย
ทีม OneStockHome - รู้สึกประทับใจคลาสใน Bootcamp ที่สอนเรื่อง OKR จากที่ก่อนหน้านี้เราเคยใช้แค่ KPI เป็นการวัดผลที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี เพราะทำให้เราสามารถเปลี่ยนคุณค่าของบริษัทที่เราตั้งไว้ ออกมาเป็นผลลัพธ์จริง ช่วยเปลี่ยนเป้าหมายแบบนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นข้อมูลและวิสัยทัศน์ที่สำคัญต่อสตาร์ทอัพเพื่อต้องไปคุยกับนักลงทุนจริงๆ
ทีม Refinn - การเรียนใน Bootcamp ครั้งนี้ มีเรื่อง AARRR ที่ทำให้เรารู้ว่าต้องโฟกัสอะไร ต้องทำอะไร อย่างไหร่ เท่าไหร่ ได้ถูกจุดและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้ กับเรื่อง OKR คิดว่าเป็นเทคนิคที่เหมาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องโตให้ไว นำไปใช้ได้จริง และยังมีคลาสเกี่ยวกับการทดสอบด้านจิตวิทยาและ EQ ซึ่งมีประโยชน์กับเรื่องการจัดการทีมของสตาร์ทอัพ อีกอย่างที่ชอบคือ Mentor ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงสอนอย่างเดียว แต่กระตุ้นให้นักเรียนทำจริง ณ ตอนนั้นเลย รู้สึกว่าเข้มงวดดีและทำให้การเรียนเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น
จากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากความร่วมมือขององค์กรใหญ่ในไทยและพาร์ทเนอร์จากต่างประเทศที่จัดงานระดับนานาชาติ ก็คือความร่วมมือที่ดีเกิดขึ้นได้จากความตั้งใจจริงที่จะสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัพของไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ และวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ก็คือบรรดาทีมสตาร์ทอัพที่มีโอกาสได้เข้าร่วมในงานที่จัดขึ้นเป็นพิเศษแบบนี้ รวมถึงยังเป็นการช่วยสร้าง Ecosystem ของสตาร์ทอัพไทยให้แข็งแรงขึ้นด้วยการสนับสนุนเวที Pitching ให้เป็นเสมือนที่ฝึกฝนของสตาร์ทอัพไปในตัวด้วย ทีมงาน Techsauce ก็หวังว่าจะได้เห็นความร่วมมือดีๆ แบบนี้อีกเรื่อยๆ ในอนาคต
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด