Founder ต้องรู้อะไร ก่อนตัดสินใจขายธุรกิจ Startup | Techsauce

Founder ต้องรู้อะไร ก่อนตัดสินใจขายธุรกิจ Startup

การเข้าซื้อกิจการมีหลากหลายรูปแบบ  อย่างเช่น เข้าซื้อหุ้นจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีสิทธิบริหารกิจการ หรือซื้อเฉพาะสินทรัพย์ หรือหน่วยธุรกิจบางหน่วยที่เห็นว่าทำกำไรได้ดี มีอนาคตสดใส หรือส่งเสริมกับธุรกิจของตัวเองก็เป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการควบรวมที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละดีลธุรกิจก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป เพราะหลังจากปิดดีลได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการปรับปรุงการบริหาร Operation ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงและเป้าหมายใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะเห็นผลกระทบต่อพนักงานในธุรกิจที่มีการควบรวมอย่างชัดเจน จึงทำให้เจ้าของกิจการจำเป็นต้องรู้เสียก่อนว่า ก่อนตัดสินใจขายธุรกิจ Startup ต้องรู้อะไรบ้าง โดยบทความนี้จะพาไปดูแต่ละข้อที่จะบอกว่าต้องรู้อะไรก่อนตัดสินใจขายธุรกิจ

1.รู้จักผู้ซื้อกิจการเสียก่อน (Know your Acquirer)

สิ่งที่เจ้าของกิจการควรรู้เป็นอันดับแรกคือการประเมินผู้เข้าซื้อกิจการเสียก่อน เพราะจะทำให้เกิดการเตรียมพร้อมทั้งตัวเองและพนักงานในบริษัท เพราะบางครั้งการเข้าซื้อกิจการอาจทำให้เกิดความบาดหมางทางความคิดและมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือต้องทำให้พนักงานเข้าใจและเข้าสู่วัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่จากผู้ซื้อกิจการ มีการพูดคุยและตกลงกับผู้ซื้อกิจการว่าจะสร้างค่านิยมแบบใดเพื่อสะท้อนองค์กรออกมาโดยไม่เสียผลประโยชน์

2.ต้องรู้ก่อนว่าทำไมถึงถูกซื้อกิจการ (Know Why You’re Being Acquired)

การเข้าซื้อกิจการมี 5 ประเภทด้วยกัน ที่เจ้าของต้องรู้ก่อนว่าทำไมและแบบใด

  • ผลิตภัณฑ์ใหม่และฐานลูกค้าใหม่ เจ้าของกิจการต้องรู้จักก่อนว่าผลิตภัณฑ์ใหม่และฐานลูกค้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นต้องมั่นคง และควรมีการต่อรองกับผู้ซื้อกิจการเสียก่อน ไม่งั้นอาจเป็นดีลที่ล้มเหลวได้ ตัวอย่างเช่น Goldman Sachs และ GreenSky, Facebook และ Oculus, Amazon และ One Medical และ Mastercard และ RiskRecon
  • ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ แต่มีฐานลูกค้าเดิม ในประเภทนี้ เจ้าของกิจการจะได้รับการปิดดีลที่เร็วขึ้นและนำไปสู่ความสำเร็จทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ดีลประเภทนี้อาจทำให้รายได้ซับซ้อนมากขึ้น ต้องระวังและหลีกเลี่ยงให้ดี ตัวอย่างการเข้าซื้อกิจการประเภทนี้ได้แก่ Adobe และ Figma, Google และ YouTube และ Salesforce และ Slack
  • ฐานลูกค้าใหม่แต่สินค้าประเภทเดียวกัน จะเป็นการบูรณาการที่ทำให้ความสำเร็จของการเข้าซื้อกิจการสูงขึ้น มีการแชร์ความรู้ร่วมกันระหว่างผู้เข้าซื้อกับกิจการตัวอย่างเช่น PayPal และ iZettle, JPMorgan และ InstaMed และ Marriott และ Starwood
  • ผลิตภัณฑ์เดียวกันและฐานลูกค้าเดียวกัน ผู้ซื้อกิจการจะต้องการฐานลูกค้าและอาจจะกำจัดเราในฐานะคู่แข่ง ถึงแม้ว่าการเข้าซื้อกิจการแบบนี้จะถูกผสานเข้าด้วยกัน แต่ก็อาจทำให้กิจการสูญเสียความเป็นตัวตนไปได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่าง Plaid และ Quovo, Vantiv และ Worldpay และ ICE/Ellie Mae และ BlackKnight
  • ได้รับว่าจ้าง เมื่อกิจการดำเนินไปได้ด้วยดีจนบริษัทอื่นยอมเข้าซื้อกิจการอาจจะมีการว่าจ้างกิจการ ให้ดำเนินธุรกิจแทน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นลักษณะดีลที่ไม่จำเป็นสำหรับผู้ซื้อเช่นกัน

3.รู้ว่าสิ่งที่จะขอคืออะไร (What to ask for)

ในระหว่างการเข้าซื้อกิจการที่มักจะมุ่งไปที่เรื่องของธุรกรรมทางการเงิน เช่น การประเมินมูลค่า การปรับเงินทุนหมุนเวียน การชดเชยค่าเสียหาย แต่ลิสต์ข้างล่างต่อไปนี้คือสิ่งที่เจ้าของกิจการควรทำก่อนที่จะตกลงพิจารณาการเข้าซื้อกิจการ

ค่าตอบแทนพนักงาน:  องค์กรควรปรับค่าตอบแทนพนักงานก่อนการเข้าซื้อกิจการ ไม่เช่นนั้นพนักงานของคุณจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้น ทั้งที่ควรจะสูงขึ้นเมื่อส่วนของผู้ถือหุ้นถูกลบออกไป  ดังนั้นให้ทำการเปรียบเทียบค่าตอบแทนแล้วรอดำเนินการจนกว่าจะแน่ใจอย่างยิ่งว่าการทำธุรกรรมจะเสร็จสิ้น

ตำแหน่งพนักงาน: องค์กรจะต้องจับคู่พนักงานกับตำแหน่งและค่าตอบแทนของผู้ซื้อกิจการให้เหมาะสม แม้ในช่วงแรกผู้ซื้อจะเน้นไปที่การชดเชยเงินสดและผลประโยชน์อื่นๆ แต่ให้ดูความแตกต่างระหว่างเรื่องต่างๆ ก่อนทำแผน เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่มักจะอิงทุกอย่างตั้งแต่โบนัสและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ขององค์กร ดังนั้นควรสนับสนุนพนักงานของคุณอย่างเต็มที่

การเก็บรักษา: ต้องใช้อำนาจตัดสินใจว่าจะเก็บใครไว้ในองค์กร เพราะมันเป็นดาบสองคมที่ให้พนักงานอยู่เฉยๆและรับค่าตอบแทนไป พยายามอย่าให้เกิน 2 ปี ไม่เช่นนั้นอาจนานเกิน ซึ่งเจ้าของกิจการสามารถขอเจรจารักษากลุ่มพนักงานตามดุลยพินิจกับผู้เข้าซื้อกิจการได้ เพื่อรักษาพนักงานหลักที่อาจจะต้องการลาออกในไม่ช้าหลังการเข้าซื้อกิจการ

งบประมาณและแผนการจ้างงานที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า: การระดมเงินจากนักลงทุนเป็นเรื่องยาก แต่สามารถรอการจัดทำงบประมาณขององค์กรได้ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ใช้งบประมาณและจำนวนพนักงานเป็นกลไกในการควบคุม ดังนั้นควรเจรจาทั้งสองอย่าง และไม่จำเป็นที่จะต้องจ้างงานใหม่ทุกครั้ง เพราะส่วนใหญ่มักมาจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายใหม่

การกำกับดูแล: ไม่ว่าจะรายงานใครก็ตาม ความอาวุโสและอำนาจของผู้จัดการคนใหม่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ให้เจรจาขอคณะกรรมการผู้นำระดับสูงจากผู้ซื้อกิจการ ให้เข้ามาเป็นโครงสร้างใหม่จะเป็นวิธีที่ชาญฉลาดสำหรับองค์กรในการจับคู่รูปแบบกับฟังก์ชันด้วย 

Earnouts: ผู้ซื้อกิจการเข้าซื้อด้วยราคาที่เหมาะสมกับประสิทธิภาพ แต่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร ให้ทำงานร่วมกับทนายความด้านการควบรวมกิจการที่มีประสบการณ์ เพื่อรับเงินล่วงหน้าสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ อีกทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อตกลงระบุเป้าหมายการสร้างรายได้ที่จำเป็นทั้งหมดโดยละเอียด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีสัญญาจ้างงานของคุณเอง เพื่อไม่ให้เจ้าของใหม่ไล่คุณออกหรือลดระดับ

4. มีส่วนร่วมกับบอร์ดของคุณ (Engaging Your Board)

การเข้าซื้อกิจการส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ความสนใจในธุรกิจ ทำให้เจ้าของกิจการต้องแบ่งปันข้อมูลกับคณะกรรมการ ซึ่งทำให้คุณได้เห็นบุคลิกที่แท้จริงของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่แท้จริงคือการหาผลลัพธ์ที่ปรับตามความเสี่ยงที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท โดยพิจารณาจากผู้ก่อตั้ง พนักงาน และผู้ถือหุ้นร่วมกัน นี่คือที่ที่คุณจะสามารถเลือกพันธมิตรที่แท้จริงเป็นนักลงทุนในห้องประชุมคณะกรรมการของคุณ และสมาชิกคณะกรรมการอิสระสามารถให้เสียงที่มีคุณค่าเป็นพิเศษได้

หากคุณตัดสินใจที่จะมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อสามารถทำได้ หากไม่ใช่ให้ขอความช่วยเหลือ โดยไม่จำเป็นต้องให้คณะกรรมการเข้ามาเกี่ยวข้อง และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จนเมื่อมีสมาชิกคณะกรรมอย่างน้อยสองคนที่คุณเชื่อมั่นแล้วให้แสดงความต้องการต่อคณะกรรมการ

การขายบริษัทเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น และยิ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตหลังการซื้อกิจการก่อนที่จะเริ่มเจรจา เจ้าของกิจการและพนักงานก็จะมีความสุขมากขึ้นไปอีก ถึงแม้ข้างหน้าจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่รออยู่ แต่ก็สามารถโน้มน้าวการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างได้โดยใช้แบบจำลองนี้เพื่อให้รู้ว่าควรเจรจาเมื่อใดและที่ไหนและอย่างไร


อ้างอิง

Harvard Business Review


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...