สำหรับสตาร์ทอัปที่เพิ่งก่อตั้ง การควบคุมค่าใช้จ่ายคือสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตาย เพราะมันจะบอกได้ว่าบริษัทของคุณจะไปรอดหรือไม่ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรจ่าย เพราะจ่ายแล้วคุ้มค่า และอะไรที่ไม่ควรจ่าย เพราะจ่ายแล้วไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร
อย่าลงทุนกับออฟฟิศโดยไม่จำเป็น
Navid Zolfaghari ที่ปรึกษาจาก 500 Startups แนะนำว่าไม่ควรลงทุนตกแต่งออฟฟิศให้มันดูอลังการเกินเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเริ่มต้น เพราะมันจะกลายเป็นต้นทุนจมไปซะหมด ทางที่ดีคือไปใช้บริการเช่าพื้นที่ร่วมกับคนอื่นๆ หรือเช่าพื้นที่เล็กๆ ในบริษัทอื่นที่ยังพอมีที่ว่างจะดีกว่า
อีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่นิยมในกรุงเทพฯ บ้านเราก็คือ Co-working space ที่คิดค่าบริการหลายๆ แบบ ทั้งเหมาเป็นรายเดือน รายวัน รายชั่วโมงก็ยังมี
อย่าแจกของสมนาคุณ
สติ๊กเกอร์โลโก้บริษัท เสื้อทีเชิร์ต หรืออะไรทำนองนี้ที่บริษัทใหญ่ๆ มักจะทำเป็นของที่ระลึกแจกลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ จริงๆ แล้วมันก็เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท แต่ไม่น่าจะเหมาะกับสตาร์ทอัปที่เพิ่งก่อร้างสร้างตัวสักเท่าไร ลองนึกๆ ดูแล้วก็อาจจะจริง เพราะเสื้อยืดที่แจกมาอาจจะกลายเป็นชุดนอน สุดท้ายแล้วคนที่รู้จักโลโก้ของบริษัทคุณก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้นมาอยู่ดี นี่คือคำแนะนำจากที่ปรึกษาของ 500 Startups
คุณต้องการนักกฏหมาย ไม่ใช่บริษัทประชาสัมพันธ์
อย่าเพิ่มเรื่องปวดหัวให้ตัวเองด้วยการมีประเด็นทางกฏหมายกับบริษัทอื่นที่คุณต้องทำงานด้วย นั่นเป็นคำแนะนำจาก Jared Kim ผู้ก่อตั้ง WeGame ที่ถูกขายให้กับ Tagged ในปี 2011 “มันคือเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเริ่มจ้างพนักงานคนแรกและเริ่มระดมทุน
ถึงแม้สตาร์ทอัปจะต้องประหยัดค่าใช้จ่าย แต่การจ้างที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นสิ่งที่ควรลงทุน การทำพลาดในเรื่องนี้อาจทำให้ชวดเงินจำนวนมากจากนักลงทุนที่สนใจในธุรกิจของคุณ
สองหน้าจอและเก้าอี้ที่นั่งสบายๆ
ถ้ามันเป็นเรื่องความสะดวกสบายในการทำงานของลูกทีม จำไว้ว่าอย่าขี้งก เพราะมันมีผลกับประสิทธิภาพของงานที่ออกมาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ร่วมกันหลายๆ หน้าจอ คอมพิวเตอร์แรงๆ และเก้าอี้ที่นั่งสบาย “นอกจากจะได้งานที่ดีแล้ว พนักงานของคุณก็จะรู้สึกขอบคุณด้วย” Jared Kim กล่าว
ใช้โซเชียลมีเดียอย่างฉลาด
บริษัทหลายๆ แห่งคิดว่าโซเชียลมีเดียเป็นของฟรี แต่มันไม่ใช่หรอก ซึ่งคุณอาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ของมันในทันที แต่ถ้าจะพูดถึงในระยะยาวแล้ว มันจะเป็นการคืนทุนที่ดีแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การพูดว่าอยากให้มีแฟนเพจ 2,000 คน จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าคุณไม่รู้ว่าการมีแฟนเพจ 2,000 คนนั้นจะให้ประโยชน์กับแบรนด์ของคุณได้อย่างไร
การสัมมนาที่ไร้ประโยชน์
ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาบางงานไม่ใช่ถูกๆ วิธีที่ดีพอๆ กันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายคือการสร้างคอนเนคชั่นกับผู้คนที่อยู่ในแวดวงนั้น แล้วลองนัดเขาไปนั่งจิบกาแฟพร้อมพูดคุยเรื่องที่สนใจ ก็อาจจะได้ผลที่ดีเช่นกัน
Jared Kim บอกว่า ตัวเขาเองจะไปงานสัมมนาก็ต่อเมื่อ 1). เขาเป็นผู้บรรยาย 2). เขามีนัดกับคนที่จะนำไปสู่ดีลในทางธุรกิจได้จริง และ 3). การสัมมนานั้นมีเรื่องที่เขาสนใจจะเรียนรู้
นอกจากนี้ เขายังบอกอีกว่า ส่วนมากแล้วคนจะมีข้ออ้างในการเข้าร่วมสัมมนาว่าเป็นการหาเน็ตเวิร์ก แต่สุดท้ายแล้ว เขาเชื่อว่ามันเป็นการเสียเวลาเปล่า
โฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์ จ้าง Outsource งานหลังบ้าน
ในฐานะซีอีโอของบริษัทที่เพิ่งตั้ง คุณควรจะโฟกัสไปที่โปรดักต์ ตลาด และการสร้างมันขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหลายๆ ชั่วโมงไปกับงานเอกสาร เช่น การจ่ายบิล รายงานประจำไตรมาสสำหรับนักลงทุน จ่ายเงินเดือนพนักงาน
Jared Kim บอกว่า ยังมีบริษัทหลายๆ แห่งที่ให้บริการ Outsource ทางด้านการเงิน บุคคล หรือบัญชี โดยที่คิดค่าจ้างสมเหตุสมผล ซึ่งัมนจะช่วยประหยัดเวลาให้คุณได้มาก
ที่มา : Forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด