จากเหตุการณ์ที่ Alibaba ได้เข้ามาซื้อกิจการของ Lazada และลักษณะของอีคอมเมิร์ซในไทยที่คล้ายคลึงกับในประเทศจีน มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรดาเว็บไซต์มาร์เกตเพลสที่ได้รับความนิยมต่างๆ ในภูมิภาคนี้ กำลังดำเนินตามรอย Tmall
หลักฐานที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ การที่มาร์เกตเพลสบ้างเจ้า เริ่มเปิดให้แบรนด์สินค้าสามารถออกแบบร้านค้า Shop-in-Shop ตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ด้วยตัวเอง โดยร้านค้าในลักษณะนี้มีชื่อเรียกว่า Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall ในประเทศจีน ซึ่งการเปิดโอกาสให้แบรนด์สินค้าได้ออกแบบร้านค้าของตนเองได้นั้น ส่งผลให้มีจำนวนผู้เข้าชมมากขึ้นและการปรับปรุงข้อความและรูปภาพบน Shop-in-Shop ยังนำไปสู่ยอดขายที่มากขึ้นด้วย
ในบทความฉบับนี้ เรามีกรณีศึกษาจากหลากหลายร้าน Tmall Flagship Store ที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมในประเทศจีน เพื่อให้แบรนด์สามารถศึกษาและนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของร้าน Shop-in-Shop ของตนบนเว็บไซต์มาร์เกตเพลสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Lazada
รูปแบบ Shop-in-Shop บนเว็บไซต์ Tmall นั้น เรียกว่า Flagship Store หรือ 天猫旗舰店 ในภาษาจีน ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2010 และหลังจากนั้นก็มีแบรนด์สินค้าและธุรกิจค้าปลีกทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลกจำนวนมากมายที่ตัดสินใจเปิดร้านของตนบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง Tmall
ซึ่งในบรรดาแบรนด์เหล่านั้นก็รวมถึง Apple, P&G, Estee Lauder รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกอย่าง Costco, Macy’s และแม้กระทั่ง Amazon
ร้าน P&G บน Tmall
ร้าน Apple บน Tmall
ด้วยความช่วยเหลือจาก Taobao Partners ซึ่งเป็นบรรดาเอเจนซีที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก Taobao ช่วยให้เหล่าแบรนด์สินค้าเริ่มปรับแต่งหน้าตาและพัฒนาการดำเนินงานของร้าน Flagship Store ของตนกันยกใหญ่ จนส่งผลให้ร้านต่างๆ บนTmall ของประเทศจีนมีหน้าตาเปลี่ยนไปมาก
แม้ว่าแต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองในการดีไซน์ Flagship Store บน Tmall แต่ก็มีรูปแบบหลายอย่างที่เหล่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จใช้มีอยู่ร่วมกัน และสิ่งเหล่านี้ก็สามารถนำมาปรับใช้กับร้านค้าของแบรนด์บนเว็บไซต์มาร์เกตเพลสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือในอนาคตอันใกล้ก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้แก่การจับรวมสินค้าชิ้นเดี่ยวให้เป็นแพ็คที่ใหญ่ขึ้น
การจับรวมสินค้าชิ้นเดี่ยวมารวมให้เป็นแพ็คที่ใหญ่ขึ้น เป็นคอนเซ็ปต์ที่สามารถพบได้ทั่วไปบนร้านของแบรนด์ต่างๆ บน Tmall เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถประสบความสำเร็จใน 3 เรื่องต่างๆ ดังนี้
ตัวอย่างของการจับเซ็ตสินค้าของ P&G
ในทศวรรษที่ผ่านมา Tmall Flagship Store นั้นได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก เพื่อเป็นตัวเลือกให้แบรนด์สินค้าในการสร้างร้านค้าบน Tmall สำหรับช่องทางอีคอมเมิร์ซเแทนการสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง ปัจจุบันนี้ Tmall อนุญาตให้แบรนด์สามารถปรับแต่งหน้าตาของร้าน Flagship Store ได้ตามใจ และไม่ใช่เพียงรูปภาพหรือกราฟฟิกต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้คลิปวิดีโอที่น่าดึงดูดใจด้วย
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญน่ะหรือ? ก็เพราะผู้ที่ได้ดูวิดีโอเกี่ยวกับสินค้า มีแนวโน้มที่จะซื้อมากขึ้น 64-85% หลังจากที่ได้ดูวิดีโอแล้ว
ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของ Estée Lauder และ Johnson’s Baby ในการใช้วิดีโอบนหน้าโฮมเพจของ Tmall Flagship Store
Rich Content บนโฮมเพจของร้าน Estée Lauder บน Tmall
หน้าโฮมเพจของ Johnson & Johnson เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายเพื่อผู้บริโภค
หากปราศจากโปรโมชันก็คงจะไม่ใช่ Tmall อย่างร้าน Flagship Store ของ Neutrogena ได้จัดส่วนหนึ่งของร้านเพื่อเป็นที่รวบรวมคูปองต่างๆ ที่สามารถแลกรับและใช้ได้ทันทีในคำสั่งซื้อนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าจากผู้ที่อาจจะตั้งใจเข้ามาดูเฉยๆ
ตัวอย่างคูปองของ Neutrogena บน Tmall Flagship Store
แบรนด์ Aveeno ในเครือ Johnson & Johnson เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าร่วมการชิงโชคทุกครั้งที่ซื้อสินค้าของแบรนด์
P&G มอบชุดของขวัญมูลค่าประมาณ 23 หยวน สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้ามากกว่า 159 หยวน
Aveeno เคยมอบส่วนลด 50% สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าใน 5 นาทีแรกในโปรโมชัน Flash Sale ของแบรนด์ โดยมีการจำกัดจำนวนเพียง 1,000 สิทธิ์เท่านั้น
บ่อยครั้งที่ฟังก์ชัน Live Chat ถูกพูดถึงว่า เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Alibaba/Taobao จึงสามารถเอาชนะ eBay ในประเทศจีนได้ ตั้งแต่ยุคแรกๆ นั้น Taobao ก็มีฟังก์ชันที่ให้ลูกค้าสามารถพูดคุยกับผู้ขายได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม WangWang ของเว็บไซต์
และเมื่อ Tmall แยกตัวออกจาก Taobao แพลตฟอร์ม WangWang ก็ได้ถูกนำมาใช้บนโมเดล B2B2C ของ Tmall และในปัจจุบัน ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบและพูดคุยโดยตรงกับพนักงานบริการลูกค้าของแบรนด์ต่างๆ ที่มีร้าน Flagship Store บน Tmall ได้
Neutrogena มีบริการ Live Chat เพื่อพูดคุยกับลูกค้า โดยมีการแบ่งเป็นบริการก่อนการขายและหลังการขาย
Tmall อนุญาตให้ลูกค้าสามารถรีวิวสินค้าและการบริการได้หลังจากการสั่งซื้อสินค้า และผู้ค้าเองก็สามารถตอบกลับรีวิวของลูกค้าได้เช่นกัน สิ่งนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถจัดการภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์บนโลกออนไลน์ได้ ซึ่งการจัดการรีวิวนี้เป็นสิ่งที่แบรนด์ส่วนมาก หันไปขอความช่วยเหลือจากเอเจนซีที่เป็น Taoboa Partner เนื่องจากมีรีวิวและการแสดงความคิดเห็นจำนวนมากเกินกว่าที่แบรนด์จะดูแลได้ทั่วถึง
ด้านล่างเป็นตัวอย่างที่ Taobao Partner ของ Neutrogena จัดการรีวิวในเชิงลบของลูกค้า
ลูกค้า : มีการระบุวันผลิตที่ไม่ตรงกับตัวสินค้า ในเว็บไซต์เขียนไว้ว่าผลิตเมื่อเดือนธันวาคม แต่บนตัวสินค้าเขียนว่าเดือนเมษายน 2016 มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มากๆ
Neutrogena : ขอบคุณที่ให้การสนับสนุน Neutrogena Flagship Store สินค้าของเราส่งตรงมาจากผู้ผลิต ดังนั้น คุณลูกค้าสามารถตรวจสอบวันที่ผลิตได้บนผลิตภัณฑ์ และเนื่องจากสินค้าของเรามีความต้องการในตลาดเป็นอย่างมาก คุณจึงมั่นใจได้ว่าวันที่ผลิตของสินค้า จะตรงกับวันที่คุณได้รับสินค้า และสินค้าของเราทั้งหมดจะยังไม่หมดอายุ หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่ช่องทาง Online Chat เราหวังว่าจะได้พบคุณเร็วๆ นี้และขอให้คุณมีความสุข (อย่าลืมแอด WeChat ของเราในชื่อ NTGfamily เพื่อสะสมแต้มสมาชิกและรับคูปองอื่นๆ อีกมากมาย)
การมีหน้าร้านที่ดูดีและตรงกับเอกลักษณ์ของตัวแบรนด์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อโอกาสที่จะมีลูกค้ามาซื้อสินค้ามากหรือน้อย ในประเทศจีน แบรนด์สินค้าร่วมมือกับ Taobao Partners ไม่ใช่เพียงเพื่อให้พวกเขาจัดการร้านค้าให้อย่างเดียว แต่เพื่อช่วยออกแบบและตกแต่งหน้าตาร้านค้าให้ด้วย
การออกแบบร้าน Flagship Store บน Tmall ของ Adidas นั้น เป็นไปตามข้อกำหนดของตัวแบรนด์ จึงทำให้ลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้ามีความรู้สึกราวกับว่ากำลังดูสินค้าอยู่บนเว็บไซต์ Adidas.com เลยทีเดียว
หน้าข้อมูลสินค้านั้นไม่ควรที่จะน่าเบื่อและขาดสีสัน บรรดาร้านค้าบน Tmall ได้ยกระดับการออกแบบหน้าข้อมูลสินค้าให้มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยมีการใช้รูปภาพที่มีความละเอียดสูง ใช้วิดีโอ นำรีวิวจากลูกค้ามาใส่ โชว์ประวัติและข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเจ้าของสินค้า และยังมีอื่นๆ อีกมามากมาย โดยสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าสูงขึ้น เพราะลูกค้าจะได้พบกับข้อมูลมากมายที่เขาต้องการทราบเกี่ยวกับตัวสินค้า ซึ่งส่งผลให้เกิดความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าและแบรนด์
ด้านซ้าย : ตัวอย่างหน้าข้อมูลสินค้าของร้าน P&G Flagship Store บน Tmall ด้านขวา : ตัวอย่างหน้าข้อมูลสินค้าของร้าน P&G Shop-in-Shop บน Lazada ฟิลิปปินส์
คุณคิดว่าแบบไหนมีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อสินค้ามากกว่ากัน?
จริงอยู่ที่อีคอมเมิร์ซในประเทศจีนและ Tmall ยังคงนำหน้าอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่หลายปี แต่อย่างไรก็ตาม Lazada เองก็กำลังมุ่งหน้าสู่การพัฒนาให้ตัวเองเป็นแบบ Tmall โดยมีการเพิ่มบริการให้แบรนด์สามารถจัดการร้าน Shop-in-Shop เองได้ และตอนนี้ก็มีหลายตัวอย่างที่แบรนด์สามารถนำมาปรับใช้ตามให้เกิดประโยชน์ได้
Maybeline เป็นแบรนด์แรกๆ ที่เปิดตัว Shop-in-Shop บน Lazada ตั้งแต่ต้นปี 2013 และในฐานะที่เป็นแบรนด์สินค้าผู้บุกเบิกอีคอมเมิร์ซในไทย การออกแบบร้าน Shop-in-Shop บน Lazada ของ Maybeline นับได้ว่าเป็นการออกแบบที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีการใช้รูปภาพความละเอียดสูง การใช้แบนเนอร์ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และมีการใช้วิดีโอที่สร้างสรรค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้า
Lazada อนุญาตให้สามารถนำวิดีโอจาก Youtube มาแสดงบนเว็บไซต์ได้ และ Maybeline ก็ได้ใช้ฟีเจอร์นี้ในการนำเสนอแคมเปญต่างๆ เกี่ยวกับตัวแบรนด์และสินค้า ส่วนแบรนด์ La Roche Posay เองก็ใช้วิดีโอเป็นสื่อในการอธิบายวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์
บรรดาแบรนด์สินค้าบน Lazada ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้หน้าข้อมูลสินค้าให้เต็มประสิทธิภาพ สินค้าส่วนใหญ่มักมีคำอธิบายเพียงไม่กี่บรรทัด และมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ใช้รูปภาพหรือวิดีโอเข้ามาช่วยเพื่อให้คอนเทนต์นั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น
ตัวอย่างหน้าข้อมูลสินค้าของ Maybeline บนร้าน Shop-in-shop บน Lazada
หน้าข้อมูลสินค้าของ Maybeline flagship store บน Tmall
แล้วคราวนี้คุณคิดว่าแบบไหนมีโอกาสที่จะขายสินค้าได้มากกว่ากัน?
เพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ผ่านผลลัพธ์การเสิร์ชแบบที่ไม่ใช่โฆษณาจาก Google และ Lazada แบรนด์ควรจะเพิ่มจำนวนข้อความบนหน้าโฮมเพจ หน้าหมวดสินค้าหลัก และหน้าข้อมูลสินค้าของแบรนด์ แม้ในบางครั้ง Lazada ก็ช่วยทำสิ่งนี้อยู่แล้ว ทว่าแบรนด์เองก็ควรมีส่วนช่วยในการผลักดัน ไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือผ่านความช่วยเหลือจากพาร์ทเนอร์
ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของร้าน Maybeline บน Lazada อินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่มข้อความไว้ที่บริเวณด้านล่างของเพจเพื่อพัฒนา SEO
บริการ Live Chat เป็นเหมือนบริการมาตรฐานที่สามารถพบได้ทั่วไปในบรรดา Tmall Flagship Store แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ให้บริการนี้บน Shop-in-Shop ใน Lazada ตัวอย่างหนึ่งได้แก่ แบรนด์ La Roche Posay ที่เริ่มทดลองให้บริการ Live Chat เป็นเวลาสั้นๆ บนร้าน Shop-in-Shop ใน Lazada ประเทศไทย
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์และมีการเปิดให้ทดลองใช้แล้วกับบางร้าน Shop-in-Shop บน Lazada ก็คือการแจกสินค้าทดลอง เช่น ร้าน Purina One บน Lazada ที่มีลิงก์ เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนรับสินค้าทดลองใช้ฟรีได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่เยี่ยมยอดสำหรับแบรนด์ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อการหาลูกค้าใหม่ แต่เป็นวิธีที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวแบรนด์และฐานลูกค้า และยังช่วยเพิ่มการรับรู้ของกลุ่มลูกค้าถึงสินค้าใหม่ๆ อีกด้วย
ในขณะที่อีคอมเมิร์ซในภูมิภาคของเราก็กำลังพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง บรรดาแบรนด์สินค้ามากมายก็กำลังตัดสินใจว่าควรจะเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเองดี หรือเปิดร้านบนเว็บมาร์เกตเพลสที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วดี
การดำเนินการจัดตั้งร้านค้าบนมาร์เกตเพลสนั้นไม่ใช่แค่เพียงการอัปโหลดสินค้าขึ้นไปบนเว็บไซต์และคาดหวังว่าสินค้านั้นจะขายได้เอง ทว่ายังต้องการกลยุทธ์ที่ไม่ต่างไปจากการเปิดเว็บไซต์ของแบรนด์เองเลย บรรดาธุรกิจบนมาร์เกตเพลสไม่ควรลืมว่า ยังมีเครื่องมืออีกหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มยอดขายและอัตราการขายของแบรนด์ได้ โดยแบรนด์สามารถนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้เองได้ หรือจะร่วมมือกับผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ คล้ายกับ Taobao Partners ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้เช่นกัน
ที่มาของเรื่องและภาพ ecommerceiq
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด