ไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลได้ประกาศยกเลิกมาตรการบังคับประชาชนสวมหน้ากากเวลาอยู่นอกบ้าน เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า โครงการการฉีดวัคซีนให้กับชาวอิสราเอลมีแนวโน้มประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยหลักฐานที่มีประชากรชาวอิสราเอลกว่า 60% ได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 Dose และรัฐบาลสามารถฉีดให้กับประชากรได้ทั่วถึงทุกพื้นที่
นอกเหนือจากนี้ แพทย์อิสราเอลเผยว่า หากประเทศดำเนินการฉีดวัคซีนในระดับความเร็วนี้ต่อไป มีโอกาสที่ใกล้จะมีภูมิคุ้มกันหมู่เป็นประเทศแรก ๆ ของโลก เพราะจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวัน และผู้ป่วยร้ายแรง ลดลงอย่างเฉียบพลัน
เบื้องหลังความสำเร็จของอิสราเอล ที่อาศัยปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของรับบาล เทคโนโลยีอย่างการใช้ Big Data โมเดลระบบบริการสุขภาพ ตลอดจนศิลปะการสื่อสารที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชากรในการฉีดวัคซีนได้ ทั้งหมดนี้อิสราเอลทำอย่างไร
ต้องเกริ่นก่อนว่าในปี 2018 รัฐบาลอิสราเอลได้เตรียมลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท ในการใช้เทคโนโลยี Big Data เข้ามาผสมผสานกับระบบประกันสุขภาพกับองค์กรดูแลรักษาสุขภาพ หรือ Health Maintenance Organization (HMOs) ซึ่งครอบคลุมชาวอิสราเอลเกือบ 9 ล้านคนทั่วประเทศ ผลที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลได้ฐานข้อมูลทางการแพทย์ของชาวอิสราเอลพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่อไปได้ ข้อมูลประกันสุขภาพเป็นตัวกลางสำคัญระหว่างรัฐบาลและชาวอิสราเอลในการจองนัดปรึกษาแพทย์ ขอยารักษาโรค หรือพูดคุยเกี่ยวกับอาการโรคต่าง ๆ ที่สงสัยได้
ประจวบเหมาะกับวิกฤติโควิด-19 รัฐบาลจึงใช้จังหวะนี้ในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและที่อยู่ของชาวอิสราเอล เพื่อที่รัฐบาลทราบได้ว่าประชาชนแต่ละคนมีโรคประจำตัวอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขการใช้ชีวิตอย่างไร ทำให้การวางแผนฉีดวัคซีนแก่ชาวอิสราเอลเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย และเป็นระบบ อีกทั้งช่วยรัฐบาลตัดสินใจและประเมินว่าบุคคลใดควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเป็นอันดับแรก
โดยรัฐบาลจะเน้นการเชิญชวนให้มารับวัคซีนโควิด-19 ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับคนที่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ผ่านแอปพลิเคชันของ HMO ได้และทำการจองฉีดวัคซีนได้ทันที ส่วนคนที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ก็สามารถโทรศัพท์เพื่อนัดหมายรับการฉีดวัคซีนกับทาง HMO ได้โดยตรง
สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้ไปกว่าระบบสาธารณสุขที่ทันสมัย คือการสื่อสารให้ประชาชนเชื่อมั่นและพร้อมรับการฉีดวัคซีน เพราะที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่า ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะชาวอเมริกันรู้สึกหวาดกลัวหากต้องฉีดวัคซีน เนื่องจากมีหลักฐานสนับสนุนต่าง ๆ ในอดีต เช่นการฉีดวัคซีนทำให้เกิดโรคออทิสติก เด็กน้อยไม่สามารถรับวัคซีนได้ หรือวัคซีนมีพิษ ฯลฯ
ในส่วนนี้เอง ความเชื่อมั่นของประชาชนอิสราเอลก็ได้เป็นความท้าทายต่อรัฐบาลเช่นเดียวกันที่จะต้องมีศิลปะการสื่อสารต่อประชาชน โดยรัฐบาลอิสราเอลจึงได้วางแผนร่วมกับองค์กรดูแลรักษาสุขภาพในการให้ข้อมูลวัคซีนที่เป็นไปตามความจริง โดยเฉพาะประสิทธิภาพในการรักษาและอาการข้างเคียงที่อาศัยตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และมีเหตุผลหนักแน่นพอ เพื่อให้ชาวอิสราเอลมั่นใจได้ว่าการฉีดวัคซีนจะต้องปลอดภัยและเชื่อถือได้
ยิ่งไปกว่านั้น อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางศาสนาสูง ประชาชนต่างเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักคำสอนทางศาสนาอย่างเคร่งครัด รัฐบาลจึงใช้เวลานี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ในการหารือร่วมกับผู้นำทางศาสนาต่าง ๆ เพื่อที่ให้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน โดยจะตอบคำถามที่สำคัญอย่างตรงไปตรงมา และค่อย ๆ ทำความเข้าใจ จากนั้นให้ผู้นำทางศาสนานำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่แก่ประชาชน อาจรวมไปถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจน เพื่อลดความกังวล เพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนจากการเห็นผู้นำทางศาสนาเป็นตัวอย่าง
อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรและขนาดประเทศของอิสราเอลก็ได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลดำเนินได้อย่างราบรื่น ซึ่งประชากรของอิสราเอลจนถึงปีล่าสุดอยู่ที่ 8,761,151 คน คิดเป็น 0.11% ของประชากรทั้งหมดทั่วโลก และขนาดพื้นที่ของประเทศน้อยกว่าสหรัฐฯ ถึง 44,726% จึงช่วยเสริมกำลังให้ระบบสาธารณสุขและการดำเนินการของรัฐบาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีอย่างเดียวอาจคงไม่พอ ความร่วมมือระหว่างประชากรและรัฐบาล และการสื่อสารนับว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้อิสราเอลเข้าใกล้การมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในอนาคต
ข้อมูลจาก KPMG , Government , CNBC , timesofisrael
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด