ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยบทใหม่ กับคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ชี้ทางรอดไทยยุค 5.0 ต้องปั้น ‘7Ts’ เพื่อฝ่า 3D Digitalization, Deglobalization, Decarbonization

ในเวที The Standard Economic Forum 2025 คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ฉายภาพอนาคตของเศรษฐกิจไทยที่กำลังยืนอยู่บนพรมแดนใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านมุมมองของภาคเอกชนที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Virtual และ AI

คุณศุภชัยเริ่มต้นด้วยการนำเสนอภาพอนาคตที่ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (Physical) แต่เป็นการซ้อนทับของโลกเสมือน (Virtual World) ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต สังคม และระบบเศรษฐกิจทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในอัตราเร่งที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยากจะคาดเดาได้ทัน

3Ds กรอบความคิดเผชิญหน้า 3 ความท้าทายหลักของโลก

คุณศุภชัยได้วางกรอบความท้าทายที่โลกและประเทศไทยต้องเผชิญผ่านแนวคิด "3Ds" ซึ่งประกอบด้วย:

1. Digitalization (การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล)

คลื่นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดโดยมี AI เป็นตัวแปรสำคัญ ทุกองค์กรและทุกประเทศต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้สะท้อนผ่านการเติบโตอย่างมหาศาลของ Data Center

  • สเกลที่เหนือจินตนาการ คุณศุภชัยยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกาที่ในปีเดียวมีการติดตั้ง Data Center ที่มีความจุเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าถึง 10 Gigawatt ซึ่งต้องใช้โรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 10 โรงเพื่อรองรับ
  • ประเทศไทยในฐานะ Hub ใหม่ ประเทศไทยกำลังกลายเป็นศูนย์กลาง Data Center ของภูมิภาคจากการย้ายฐานของ Hyperscalers (ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่) โดยมีการลงทุนที่จะทำให้ความจุ Data Center ในไทยเพิ่มจากหลักสิบเมกะวัตต์ไปสู่ระดับหลาย Gigawatt ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
  • ความท้าทายด้านพลังงาน การเติบโตนี้มาพร้อมกับความต้องการพลังงานมหาศาล ซึ่งเป็นคอขวดที่สำคัญ โดยเฉพาะความต้องการพลังงานสะอาดเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน

2. Deglobalization (การลดทอนกระแสโลกาภิวัตน์)

โลกกำลังเปลี่ยนจากยุคขั้วอำนาจเดียวไปสู่โลกหลายขั้ว (Multi-polar World) ที่มีกลุ่มอำนาจใหม่ๆ เช่น กลุ่ม BRICS (บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, แอฟริกาใต้) เกิดขึ้นมาถ่วงดุลอำนาจเดิม

  • Trade War และ Technology War การแข่งขันที่รุนแรงนำไปสู่สงครามการค้าและการกีดกันทางเทคโนโลยี
  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เราเห็นสะเก็ดสงครามเกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่รัสเซีย-ยูเครน, ตะวันออกกลาง, ไปจนถึงความตึงเครียดในภูมิภาคของเราเอง สิ่งเหล่านี้สร้างความไม่แน่นอนให้กับระบบเศรษฐกิจโลก

3. Decarbonization (การลดการปล่อยคาร์บอน)

ภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.5 องศาเซลเซียสได้สร้างผลกระทบที่ชัดเจนแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นถึง 3 องศาฯ ในอนาคตอันใกล้

  • มลพิษและโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำมาซึ่งปัญหามลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ และดิน ซึ่งอาจเป็นต้นตอของโรคระบาดใหม่ๆ (Pandemic)
  • ความยั่งยืนคือทางรอด การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและพลังงานสะอาดจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของมนุษยชาติ

จากปัจจัย 4 สู่ 4 ความจำเป็นพื้นฐานใหม่ในยุค 5.0

คุณศุภชัยชี้ว่า นอกเหนือจากปัจจัย 4 แบบดั้งเดิม (อาหาร, ที่อยู่อาศัย, เครื่องนุ่งห่ม, ยารักษาโรค) แล้ว ในยุคเศรษฐกิจ 5.0 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความยั่งยืน มนุษย์ต้องการ 4 ความจำเป็นพื้นฐานใหม่ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและเท่าเทียม (Equality) ได้แก่

  1. การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education) ระบบการศึกษาต้องปรับตัวให้ทันโลกยุค AI ต้องปลูกฝังทั้งทักษะใหม่และคุณธรรม-จริยธรรมควบคู่กันไป เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ
  2. การเข้าถึงแหล่งทุนและการเงิน (Access to Funding) ประชากรส่วนใหญ่ของโลกและไทยยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ (Underbanked/Underserved) การสร้างระบบการเงินที่ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงการให้ความรู้ด้านการออมและการลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  3. การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Connectivity & Computing Power) ไม่ใช่แค่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่คือการเข้าถึง "พลังการประมวลผล" (Computing Power) และ AI ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในยุคใหม่
  4. การเข้าถึงหลักประกันสังคมและสุขภาพ (Insurance & Social Security) ระบบสวัสดิการที่มั่นคงเป็นสิ่งจำเป็นในการรองรับสังคมสูงวัยและสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับทุกคน

7Ts ยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศไทยสู่พรมแดนเศรษฐกิจใหม่

เพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในยุคใหม่ คุณศุภชัยได้เสนอแนวทาง 7Ts Thailand Transformation โดยต่อยอดจากจุดแข็งเดิมของประเทศ

  1. Tourism Hub(การท่องเที่ยวและ Soft Power) ต่อยอดจากการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก พัฒนา Soft Power ที่มีอยู่ เช่น อาหารไทย, มวยไทย พร้อมยกระดับความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
  2. Table (อาหารและการเกษตร) เปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมที่เน้นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ไปสู่การเป็น "ศูนย์กลางด้านอาหารและเทคโนโลยีการอาหาร (Food Tech)" ของโลก ผ่านการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า
  3. Treatment Hub (การแพทย์และสุขภาพ) จุดแข็งของไทยที่พิสูจน์แล้วในช่วงการระบาดของโควิด-19 คือศักยภาพด้านการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ สามารถพัฒนาสู่การเป็น Medical & Wellness Hub อย่างเต็มรูปแบบ
  4. Trade & Logistics Hub (การค้าและโลจิสติกส์) ใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เพื่อพัฒนาเป็น Hub ด้านการค้า, โลจิสติกส์ และการเงิน
  5. Tech Hub (ศูนย์กลางเทคโนโลยี) ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Semiconductor, EV, Robotics โดยต่อยอดจากฐานอุตสาหกรรมยานยนต์เดิม และที่สำคัญคือต้องสร้างเงื่อนไขให้เกิดการตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศ ไม่ใช่แค่ฐานการผลิต
  6. Transmission (พลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน) แก้ปัญหา "คอขวด" ด้านพลังงานโดยการลงทุนในโครงข่ายสายส่งอัจฉริยะ (Smart Grid) และส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงการพิจารณาพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) อย่างจริงจัง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล
  7. Talent Hub (บุคลากรที่มีคุณภาพ) นี่คือหัวใจที่สำคัญที่สุด ต้องปฏิรูประบบการศึกษา, สร้างระบบนิเวศที่ดึงดูด Tech Startup และ Venture Capital (VC) และมีนโยบายเชิงรุกในการดึงดูดบุคลากรคุณภาพสูง (High-skilled Talent) จากทั่วโลกเข้ามาทำงานและอาศัยในประเทศไทย

วัฒนธรรมและความภาคภูมิใจ คือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริง

คุณศุภชัยทิ้งท้ายด้วยเรื่องราวจากการไปเยือนโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ซึ่งรัฐมนตรีจีนได้กล่าวว่า "การจัดโอลิมปิกครั้งนี้ ไม่ได้จัดเพื่อให้ชาวโลกยอมรับจีน แต่จัดเพื่อให้คนจีนภูมิใจในประเทศจีน"

บทสรุปนี้สะท้อนว่า การจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมายหรือการบังคับ แต่เกิดจากการที่ผู้นำสามารถสร้าง "แรงบันดาลใจ" และ "วัฒนธรรม" ที่ทำให้คนในชาติเกิดความภาคภูมิใจและมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความสำเร็จและความปรองดองให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สรุป 17 ดีลใหญ่ AI ที่เกิดขึ้นในปี 2025

สรุปครบ 17 ดีล AI ยักษ์ใหญ่ปี 2025 พร้อมเจาะลึกปม Circular Deals หรือการหมุนเงินลงทุนเป็นวงกลม สัญญาณเตือนฟองสบู่ที่นักลงทุนต้องระวัง...

Responsive image

ทิศทาง Agoda ในยุค AI-First จาก CEO เตรียมปักธงปั้นกรุงเทพฯ เป็น ‘Silicon Valley แห่งเอเชีย’ พร้อมส่องเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2026

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Agoda 2025 ปั้นกรุงเทพฯ สู่ Silicon Valley แห่งเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ AI-First และ Autonomous Agent ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ เผยข้อมูล Insight เที่ยวไทย...

Responsive image

KBank x Orbix Technology x StraitsX เปิดตัวโครงการ ‘Seamless Travel Payments on Chain’ โชว์นวัตกรรมภายใต้ BLOOM ที่งาน Singapore FinTech Festival 2025

ปิดฉากไปแล้วสำหรับงาน Singapore Fintech Festival (SFF) 2025 หนึ่งในเวทีฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปีนี้ ธนาคารกสิกรไทย (KBank), Orbix Technology และ StraitsX ได้สร้างความน่าสนใจอ...