
ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยดูเหมือนจะชะลอตัวลงจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว และการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่า ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’ ประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างน่าจับตามอง
ล่าสุด Google, Temasek และ Bain & Company ได้เปิดตัวรายงานแห่งปี e-Conomy SEA 2025 ฉบับครบรอบ 10 ปีในชื่อ From Digital Decade to AI Reality: Accelerating the future in ASEAN
ซึ่งเผยให้เห็นตัวเลขที่น่าสนใจว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยยังคงรักษาตำแหน่ง ‘พี่รอง’ (อันดับ 2) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ได้ โดยคาดการณ์ว่าไทยจะมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล (GMV) แตะ 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 นี้
คำถามคือ อะไรที่เป็นสิ่งขับเคลื่อนประเทศไทยให้มาอยู่ในจุดนี้ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ? รายงานสรุปภาพรวมประเทศไทยในโลกของเศรษฐกิจดิจิทัลไว้อย่างน่าสนใจดังนี้

รายงานเผยว่าอัตราการเติบโตของ GDP จริงของไทยอยู่ที่ 3.0% หากนับในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 สาเหตุหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา ซึ่งเป็นผลมาจากภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการส่งออกสินค้าที่ยังฟื้นตัวล่าช้าและได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า
คาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2026 จะถูกปรับลดลงจาก 2.5% เป็น 1.7% ซึ่งเป็นผลมาจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ
ทางฝั่งของรัฐบาลไทยจึงรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวผ่านมาตรการต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ

ไทยเกิดการกำกับดูแลด้านการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพื่อสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลที่เป็นธรรม
พร้อมกับคงอัตราชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตไว้ที่ 8% จนถึงปี 2025 เพื่อลดภาระทางการเงินของประชาชน และอนุมัติใบอนุญาตให้ธนาคารดิจิทัล 3 รายเริ่มให้บริการในปี 2026 ซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มกลุ่มประชากรที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน และเปลี่ยนภูมิทัศน์การแข่งขันของภาคการเงินไทยอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะโตช้า แต่ไทยยังรักษาตำแหน่ง 1 ใน 3 หัวแถวใน SEA และมีมูลค่าการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่สูงขึ้น สำหรับทิศทางในอนาคต ไทยได้ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดการพึ่งพาการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้วยการขยายวีซ่าฟรีให้ครอบคลุมกว่า 90 ประเทศ พร้อมเร่งทำตลาดในกลุ่มที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น อินเดียและตะวันออกกลาง
ไทยยังเน้นปั้นตัวเองเป็น Global Wellness Hub และ Medical Tourism และใช้ Soft Power ‘5Fs’ เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ได้แก่

ไทยกำลังผลักดันกลยุทธ์การพัฒนาบุคคลากรระดับประเทศอย่างจริงจังเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การที่ Google เข้ามาลงทุนสร้าง Data Center และ Cloud Region แห่งแรกในประเทศไทย
นอกจากนี้รัฐบาลกำลังริเริ่มโครงการ่วมกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อยกระดับทักษะแรงงานไทยในด้านความสามารถทางดิจิทัลและ AI สำหรับภาคส่วนธุรกิจ AI ได้เข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยในตอนนี้มีการนำ AI มาใช้ในภาคส่วนสำคัญแล้ว เช่น ภาคสาธารณสุขใช้ AI วิเคราะห์ภาพทางการแพทย์เพื่อเร่งการวินิจฉัย หรือภาคการเงินใช้ AI ในการตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์
การ Adoption ด้าน AI ของคนไทยถือว่าเติบโตเร็วมาก ตอนนี้มีผู้ใช้ชาวไทยกว่า 79% ได้เรียนรู้ AI ผ่านแนวทางต่าง ๆ โดย 56% มีการโต้ตอบกับ AI ทุกวัน โดยมีแรงจูงใจในการใช้หลักคือ การช่วยประหยัดเวลาในการค้นคว้า และช่วยในด้านการเปรียบเทียบ ซึ่งมีแนวโน้มว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนโฉม Consumer Journey ตั้งแต่การค้นพบ หาข้อมูล ไปจนถึงการตัดสินใจ
รายงานระบุว่า อีคอมเมิร์ซ คือเทรนด์ที่มาแรงในตอนนี้ โดยคาดว่าจะทำเงินได้มากถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2026 แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ‘Video Commerce’ หรือการขายของผ่านวิดีโอและไลฟ์สดที่กำลังได้รับความนิยมในไทย
โดยจำนวนผู้ขายหรือ ‘Seller’ ที่ขับเคลื่อน Seller Economy โตเร็วสุดใน SEA จำนวนผู้ขายเพิ่มขึ้น 175% จากปีก่อนหน้า มีมูลค่ารวมถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าการสั่งซื้อโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7-9 ดอลลาร์สหรัฐต่อคำสั่งซื้อ
สำหรับหมวดหมู่สินค้าที่คนไทยซื้อผ่านวิดีโอมากที่สุดได้แก่
ภาคการขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย โดยเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 15% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะมีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568
หลังจากผ่านช่วงการแข่งขันดุเดือดและการถอนตัวของผู้เล่นรายใหญ่ ตลาดในวันนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงรีเซ็ตโครงสร้าง แพลตฟอร์มที่ยังคงอยู่มุ่งสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ไม่ใช่การแข่งขันด้านส่วนลดเพียงอย่างเดียว การสร้างรายได้จึงมีความหลากหลายขึ้น ทั้งระบบสมาชิก แพ็กเกจพิเศษสำหรับร้านอาหาร บัตรกำนัลทานในร้าน ไปจนถึงระบบโฆษณาในแอป สะท้อนทิศทางใหม่ที่แพลตฟอร์มต้องการทั้งการเติบโตและการทำกำไรอย่างมั่นคง
การชำระเงินดิจิทัลยังคงเป็นภาคส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศ โดยได้แรงขับเคลื่อนจาก Promptpay และ QR Code Payment สินเชื่อดิจิทัลก็เป็นอีกหนึ่งในกลไกขยายตัวหลัก เนื่องจากผู้บริโภคและ SME สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ขณะเดียวกัน Digital Wealth ก็เติบโตอย่างรวดเร็วตามพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่าประเทศไทยจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน ไทยยังขาดปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง ? ทาง ราฟาเอล ชิสโลวรีกี Country Manager และ วิลลี่ ชาง Partner, Bain & Company ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า
หากไทยจะแข่งกันที่ตัวเลขของ GMV เพียงอย่างเดียว เราอาจจะแซงพี่ใหญ่อย่างอินโดนีเซียได้ยาก เนื่องจากขนาดของตลาดและจำนวนประชากรที่แตกต่างกันมหาศาล
แต่ถ้าถามถึงศักยภาพ ไทยมีแต้มต่อที่แข็งแกร่งมากใน 3 เรื่องหลัก คือ
1.รากฐาน E-commerce ที่แข็งแกร่ง เรามี Landscape ของ E-commerce และโดยเฉพาะ Video Commerce ที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อน GMV หลักของไทยในขณะนี้
2.โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินของไทย ไม่ว่าจะเป็น QR Payment หรือ PromptPay ถือว่าล้ำหน้าและเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้
3.Key Success Factor ที่จะทำให้เราชนะได้จริง ๆ คือ การโฟกัสที่คน และกฎระเบียบ โดยต้องเร่งบ่มเพาะ Content Creators ให้มีคุณภาพ เพราะนี่คือทรัพยากรสำคัญสุดในยุค Video Commerce รวมทั้งภาครัฐต้องปรับกฎระเบียบให้ยืดหยุ่นและเอื้อต่อการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาตั้งฐานในไทย เหมือนที่เรากำลังพยายมทำในภาคการท่องเที่ยวและ Digital Bank
อ้างอิง : e-Conomy SEA 2025, เซสชันพิเศษจาก ราฟาเอล ชิสโลวรีกี และวิลลี่ ชาง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด