การมาของ NFT ที่นำ Creative Industry เข้าสู่โลกของ Blockchain จนได้รับความสนใจจากทั่วโลก และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก Chainalysis พบว่าในปี 2021 มีมูลค่าอย่างน้อย 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท วันนี้เราจะพาไปพบกับ 10 อันดับผลงาน NFT แพงที่สุด ตั้งแต่มีมา (อัพเดต: 21 กุมภาพันธ์ 2022)
หมายเหตุ: หน่วยเป็นล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 32.00 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ โดยแปลงหน่วยราคาเหรียญสหรัฐจากราคา Ethereum ณ เวลาที่ขาย เนื่องจากมูลค่าของ Ethereum มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
Right-Click and Save As Guy โดย XCOPY --7.09 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 227ล้านบาท)
ผลงานนี้เป็นรูปแบบ GIF (ภาพเคลื่อนไหว) ซึ่งเป็นการเสียดสีผู้ที่ไม่เชื่อในคุณค่าของ Digital Art โดยเฉพาะ Crypto Art
CryptoPunk #7804 โดย Larva Labs — 7.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 243.2 ล้านบาท)
เอกลักษณ์ของ Cryptopunks คือตัวละครรูปแบบพิกเซล โดย #7804 เป็น Alien หนึ่งใน 9 จากคอลเลคชั่น Cryptopunks ทั้งหมด 10,000 ตัว จัดอยู่ในกลุ่มที่หายาก โดย #7804 จะใส่หมวก แว่นดำ พร้อมสูบไปป์
CryptoPunk #3100 โดย Larva Labs — 7.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 245.44 ล้านบาท)
#3100 เป็นตระกูล Alien เช่นเดียวกัน แต่คราวนี้มีผ้าคาดหัว ซึ่งแพงกว่า #7804 เพราะถูกจัดอันดับความ Rare ให้อยู่ในลำดับที่ 7 ของคอลเลคชั่น CryptoPunk
CryptoPunk #4156 โดย Larva Labs —10.27 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 328.64 ล้านบาท)
#4156 หรือที่เรียกกันว่า Bandana ape เป็นหนึ่งใน 24 ของกลุ่ม APE ใน Cyberpunkได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอิทธิพลในวงการ NFT
CryptoPunk #7523 โดย Larva Labs — 11.75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 376 ล้านบาท)
#7523 ได้อีกฉายาว่าเป็นเอเลี่ยนในยุคโควิด เพราะนอกจากจะใส่หมวกแล้วยังมีการใส่แมสก์อีก ส่วนความ rare นั้นจัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของตระกูล CryptoPunk
CryptoPunk #5822 โดย Larva Labs — 23.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 758.4 ล้านบาท)
เพิ่งถูกขายไปในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2022 ด้วยมูลค่า 8,000 ETH กลายเป็น CryptoPunk ที่ราคาสูงสุด เป็นหนึ่งใน Ultra Rare พันธุ์เอเลี่ยน สวมผ้าโพกศีรษะสีน้ำเงินเข้ม
Human One โดย Beeple — 29 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 928 ล้านบาท)
เหตุผลหนึ่งที่ชิ้นงานนี้มีราคาสูงนอกจากเป็นเพราะถูกสร้างโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่าง Beeple แล้ว ชิ้นเป็นผลงานปะติมากรรม (3D) ใช้สัดส่วนจริง เพื่อแสดงลักษณะของ มนุษย์ที่เกิดใน Metaverse ในความคิดของเขา
Clock โดย Pak และ Julian Assange — 53 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,696 ล้านบาท)
ถึงแม้จะชื่อว่า Clock แต่ความจริงชิ้นงานนี้ทำหน้าที่คล้ายปฏิทินคอยนับจำนวนวันที่ Assange นักเคลื่อนไหว และผู้ก่อตั้ง WikiLeaks ถูกคุมขัง เป้าหมายของ NFT ชิ้นนี้คือการระดมทุนเพื่อการป้องกันตัวทางกฎหมายของ Assange โดยผู้สนับสนุนเขาได้ร่ววมกันลงทุนเพื่อซื้อผลงาน
Everydays: The First 5000 Days โดย Beeple — 69.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,217.6 ล้านบาท)
ผลงานที่แพงที่สุดของ Beeple ซึ่งเป็นการใช้เทคนิค Collage โดยรวมผลงานของเขาในทุกๆวันตั้งแต่ปี 2017 รวมแล้ว 5,000 ชิ้น จึงอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จของ Beeple ล้วนมาจากความพยายามของเขาเอง
The Merge โดย Pak — 91.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,937.6 ล้านบาท)
ผลงานนี้นอกจากจะทำลายสถิติ NFT ที่แพงที่สุดแล้ว ยังช่วยให้ Pak กลายเป็นศิลปินที่ทำเงินมากที่สุดที่เกิดจากงานศิลปะชิ้นเดียว โดยจำหน่ายในขณะที่ศิลปินยังมีชีวิตอยู่อีก ที่สำคัญคือเป็นผลงานที่นักสะสมมากถึง 28,983 คน ร่วมกันซื้อ
ความพิเศษของ The Merge คือ ใช้ Smart Contract ในการสร้างกลไกให้ Token ที่เกิดการรวมขึ้นมาใหม่เมื่อมีคนซื้อเพิ่ม แสดงเป็นวงกลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในภาพ NFT และเมื่อเวลาผ่านไปจำนวนโทเค็น Merge จะลดลงตามกลไก ทำให้มูลค่าของมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
โดยวิธีการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของงานนี้คือต้องซื้อโทเค็น Merge ที่จะระบุขนาด ‘Mass’ซึ่งถ้าสะสม Mass ได้มากเท่าไหร่ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น สามารถเทรดจำนวน Mass เพื่อเป็นตั๋วให้เขาถึง NFT ของ Pak ได้ รวมถึงนำ NFT ไปเผาบนเว็บไซต์ burn.art เพื่อให้ได้รับโทเค็น $ASH ที่จะสามารถนำไปใช้ซื้อผลงาน NFT ในอนาคตของ Pak ได้ โดยอัตราการเผา NFT ต่อโทเค็น $ASH จะได้รับ 2 $ASH และถ้าหากเผา NFT ของ Pak จะได้รับ 1,000 $ASH (อัตราการแลกเปลี่ยนดังกล่าวจะค่อยลดลง)
อ้างอิง : dexerto.com, Tokenized , NFTeasy
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด