มธ. เผยผลโพลล์คนไทย 92.3% หนุนเรียกรถผ่านแอปถูกกฎหมาย 83% เชื่อมั่นรัฐบาลผลักดันสำเร็จในปีนี้ | Techsauce

มธ. เผยผลโพลล์คนไทย 92.3% หนุนเรียกรถผ่านแอปถูกกฎหมาย 83% เชื่อมั่นรัฐบาลผลักดันสำเร็จในปีนี้

ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว หัวหน้าโครงการวิจัย ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็น (โพลล์) ของคนไทยที่มีต่อนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ได้ส่งเสริมและผลักดันให้การนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน หรือบริการ “เรียกรถผ่านแอป” สามารถดำเนินการได้อย่างถูกกฎหมาย 

โดยได้สำรวจความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ จากกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้นจำนวน 3,914 คน ครอบคลุมทั้งประชาชนทั่วไป คนขับรถยนต์ส่วนบุคคลที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอป รวมถึงคนขับแท็กซี่ โดยผลการสำรวจระบุว่า

  • 92.3% ของกลุ่มตัวอย่าง ทั้งประชาชนทั่วไปและคนขับรถยนต์ที่ให้บริการผ่านแอป ต่างเห็นด้วยกับการส่งเสริมให้มีการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่มีเพียง 7.7% เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างยังได้ระบุว่า การส่งเสริมให้บริการดังกล่าวถูกกฎหมายจะเป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
  • 78.1% เห็นว่าบริการดังกล่าวช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค เนื่องจากใช้งานง่าย มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • 77.7% เห็นว่าช่วยยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะมีข้อมูลคนขับและทะเบียนรถเป็นหลักฐาน มีเทคโนโลยีติดตามการเดินทาง
  • 71.8% บอกว่าบริการดังกล่าวมีความโปร่งใส เนื่องจากมีการแจ้งราคาค่าบริการให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้า
  • 71% มองว่าบริการดังกล่าวเป็นช่องทางในการสร้างอาชีพเสริมให้คนไทย โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด
  • ขณะที่ 69% เห็นว่าบริการดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้นำสินทรัพย์ที่มีอยู่ (เช่น รถยนต์) มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • และ 66.8% เชื่อว่าจะลดปัญหาคนขับรถปฏิเสธผู้โดยสาร
  • ในด้านความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลในการผลักดันการออกกฎหมายดังกล่าว ประชาชนทั่วไปกว่า 83% อยากให้บริการเรียกรถผ่านแอปถูกกฎหมายภายในปีนี้ โดย 44.8% ของคนกลุ่มนี้อยากเห็นกฎหมายดังกล่าวถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสแรก ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของกลุ่มคนขับรถยนต์ที่ให้บริการเรียกรถผ่านเเอป อย่างไรก็ดี มีคนขับจำนวนถึงเกือบ 30% ที่ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถผลักดันกฎหมายนี้ได้สำเร็จ

  • ต่อประเด็นที่ภาครัฐอาจจะมีการจำกัดจำนวนรถยนต์หรือจำนวนคนขับที่จะมาให้บริการดังกล่าว 64.3% ของกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยกับกำหนดโควต้า 
  • โดย 69.4% ของกลุ่มคนขับที่ไม่เห็นด้วยให้เหตุผลว่า การจำกัดจำนวนรถหรือคนขับนั้นเป็นการปิดกั้นโอกาสการทำมาหากินหรือการหารายได้เสริมของคนไทย ขณะที่ 22.1% มองว่าการมีโควต้าอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น การซื้อขายใบอนุญาต หรือการระบบมาเฟียเหมือนการซื้อขายเสื้อวินมอเตอไซค์ เป็นต้น
  • ในขณะที่กลุ่มประชาชนทั่วไปมองประเด็นการซื้อขายใบอนุญาตหรือระบบมาเฟียว่าเป็นปัญหาหลักสูงถึง 40.5% นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อปัญหาเรื่องจำนวนรถที่อาจไม่เพียงกับความต้องการถึง 23.6% 
  • ส่วนกลุ่มผู้ที่เห็นด้วยกับการกำหนดโควต้านั้น 74.4% บอกว่าต้องการจำกัดจำนวนผู้ที่จะเข้ามาทำอาชีพนี้ไม่ให้มีมากจนเกินไป ขณะที่ 11.2% ต้องการสงวนอาชีพนี้ให้กับคนขับแท็กซี่แบบดั้งเดิมเท่านั้น
  • สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการ พบว่า
  • 97.1% คาดหวังว่ารถยนต์ที่จะให้บริการดังกล่าวต้องแสดงราคาผ่านแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าก่อนใช้บริการ 
  • 80% ของประชาชนทั่วไปเห็นด้วยกับการติดป้ายหรือสัญลักษณ์ที่ตัวรถเพื่อแสดงว่าเป็นรถให้บริการทางเลือก ขณะที่กลุ่มคนขับรถที่ให้บริการผ่านแอปกว่า 65% กลับไม่เห็นด้วย 
  • ในประเด็นด้านอายุของรถยนต์ที่จะนำมาให้บริการ 75.1% ระบุว่าต้องการให้ภาครัฐอนุญาตให้มีอายุได้ถึง 12 ปีเช่นเดียวกับรถแท็กซี่
  • นอกจากนี้ 55.6% เห็นด้วยกับการจำกัดให้นำรถยนต์มาจดทะเบียนเพื่อให้บริการได้เพียง 1 คันต่อคนเท่านั้น ขณะที่ 44.4% ไม่เห็นด้วย

นอกจากประชาชนทั่วไปและคนขับรถยนต์ที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปแล้ว ศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ทำการสำรวจความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในกลุ่มคนขับแท็กซี่จำนวน 2,436 คนด้วย โดยพบว่า

  • มากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนขับแท็กซี่ (56.3%) เห็นด้วยกับการส่งเสริมให้นำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่ 43.7% ยังคงไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ประเด็นหลักที่คนขับแท็กซี่มีความกังวลมากที่สุด คือ ต้นทุนการประกอบอาชีพซึ่งปัจจุบันคนขับรถแท็กซี่มีต้นทุนในการให้บริการที่สูงกว่าคนขับรถยนต์ส่วนบุคคล (62.6%) รวมถึงข้อกำหนดในการให้บริการของคนขับแท็กซี่ซึ่งมีความเข้มงวดมากกว่า (53.6%) 
  • ในด้านความคาดหวังที่มีต่อภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือคนขับแท็กซี่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนั้น 
  • 39.3% ต้องการให้ช่วยลดต้นทุนจากภาระที่ไม่จำเป็น เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เเละค่าบริการรายเดือนของระบบเเท็กซี่ที่ภาครัฐกำหนดไว้ รวมทั้งช่วยควบคุมราคาเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมัน หรือก๊าซ NGV, LPG เป็นต้น
  • 33.5% คาดหวังให้มีการปรับราคามิเตอร์ให้สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนและสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
  • 20.3% อยากให้ปรับลดหรือผ่อนผันข้อกำหนดต่างๆ ของรถแท็กซี่ เช่น การขยายอายุรถ การอนุญาตให้ใช้รถต่ำกว่า 1600 ซีซี ได้ เป็นต้น
  • ขณะที่มีเพียง 4% เท่านั้นที่อยากให้มีการกำหนดโควต้าของผู้ที่จะนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการเรียกรถผ่านแอป

 ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว หัวหน้าโครงการวิจัย

นอกจากนี้ ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว ยังได้แสดงความคิดเห็นที่มีต่อ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบบริการทางเลือก ซึ่งประกาศโดยกรมการขนส่งทางบก ว่า

 “นับเป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐจะทำให้การเรียกรถส่วนบุคคลผ่านเเอปถูกกฎหมาย ซึ่งกฎหมายนี้นับว่าเป็นกฎหมายเเรกที่รัฐจะออกมารับรองรูปเเบบการให้บริการของธุรกิจดิจิทัลบนพื้นฐานเศรษฐกิจเเบ่งปัน (Sharing Economy) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภาคเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ทั้งยังช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ด้านความสะดวก ความปลอดภัย ความโปร่งใสในการแสดงราคา ซึ่งสะท้อนผ่านความคิดเห็นของประชาชนทั่วไป เเต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่น่าเป็นห่วงในกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะเรื่องโควต้า ซึ่งถือเป็นเรื่องล้าหลังที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับใคร เเม้เเต่คนขับเเท็กซี่เเบบดั้งเดิมเองก็ไม่ได้ต้องการให้รัฐใช้การกำหนดโควต้าเพื่อช่วยในการเเข่งขันกับกลุ่มรถส่วนบุคคลที่ให้บริการผ่านเเอป หากเเต่คนขับเเท็กซี่เหล่านั้นกลับต้องการให้ภาครัฐช่วยในการลดต้นทุนและแก้ไขกฎระเบียบที่เข้มงวดโดยไม่จำเป็น รวมทั้งเพิ่มรายได้จากการปรับอัตราการคิดค่าบริการของมิเตอร์ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน”


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...

Responsive image

กระทรวง AI : เมื่อ AI อันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้ โลกเร่งออกกฎควบคุม

AI กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมาย และต้องถูกจับตาดูโดยหน่วยงานของรัฐบาลอย่าง ‘กระทรวง AI’ ที่มีอำนาจ และความสำคัญไม่แพ้หน่วยงานอื่น ๆ แต่ทำไม AI ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ? กร...