ในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีความร้อนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับ NFT ซึ่งเป็น Digital Asset ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถที่จะทำซ้ำได้ รวมถึงยังสามารถบ่งชี้ได้ว่าเราสามารถที่จะเป็นเจ้าของได้แต่เพียงผู้เดียว แต่ด้วยคุณสมบัติตรงนี้หลายคนจึงมองว่าทำให้มูลค่าการซื้อ-ขายมีราคาที่สูงเกินไป ดังนั้นจึงมีการคิดค้นการแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วย Fractionalized NFTs หรือ F-NFTs ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำให้การถือครองกรรมสิทธิ์ของ NFTs สามารถแบ่งกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมกันได้
แม้ว่าทั้ง NFT กับ F-NFT จะเป็นสินทรัพทย์ประเภท Non-Fungible Token เหมือนกัน แต่การทำงาน และความสำคัญของ Token ทั้งสองแตกต่างกัน โดยในที่นี้จะเปรียบให้เห็นภาพชัดกับการทำธุรกิจในโลกจริง กล่าวคือ
NFT นั้นเป็นเหมือนกับธุรกิจที่มีเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว มีการจดทะเบียนโดยชื่อ ๆ เดียว มีแห่งเดียวเท่านั้น ดังนั้นในโลกดิจิทัลผู้ครอบครองผลงาน NFT ก็จะมีได้แค่หนึ่งคน และไม่สามารถที่จะทำซ้ำ หรือทดแทนกันได้
F-NFT จะเปรียบเหมือนธุรกิจประเภทห้างหุ้นส่วนของกิจการมีแห่งเดียวในโลก มีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป ทุกคนเป็นเจ้าของกิจการ มีอำนาจในการตัดสินใจร่วมกันในทุก ๆ เรื่อง ดังนั้น F-NFT จึงเป็นเพียงสัดส่วนของ NFT ทั้งหมดที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อย ทำให้ผู้คนจำนวนมากสามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของชิ้นส่วนของ NFT เดียวกันได้ ผ่านการใช้ Smart Contract สร้าง Token จำนวนหนึ่งมาเชื่อมโยงกับต้นฉบับของ NFT ดังกล่าว ทำให้ผู้ถือแต่ละรายมีสัดส่วนการเป็นเจ้าของ NFT และสามารถซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนในตลาดรองได้
โดยพื้นฐานแล้ว NFT เป็น Token ที่ใช้มาตรฐาน ERC-721 ของ Ethereum ซึ่งก่อนที่จะกลายเป็น F-NFT ได้นั้น อันดับแรกจะถูกล็อกใน Smart Contract ก่อน หลังจากนั้นจะมีการแบ่ง ERC-721 Token ออกเป็นหลายส่วนในรูปแบบของ ERC-20 Token ตามที่เจ้าของผลงานกำหนดไว้ ซึ่งจะประกอบด้วยราคา metadata และคุณสมบัติอื่น ๆ จากนั้นจึงจะถูกนำไปขายในราคาที่คงที่ตามระยะเวลาที่กำหนด หรือจนกว่าของจะหมด โดยที่ ERC-20 Token จะแสดงถึงความเป็นเจ้าของผลงาน NFT ในแต่ละส่วน
ลองนึกถึงผลงาน Triptych Inspired by the Oresteia of Aeschylus ของ Francis Bacon ที่มีมูลค่ากว่า 84.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของงานศิลปะราคาสูง และถูกครอบครองโดยเจ้าของเพียงคนเดียว ถูกนำมาแปลงเป็น Digital Asset และแยกส่วนออกเป็น 10,000 ERC-20 Token โดยใช้ Smart Contract ซึ่งเท่ากับว่านักสะสมทุกคนก็จะสามารถเป็นเจ้าของงานศิลปะที่ทรงคุณค่าที่มีเพียงชิ้นเดียวบนโลกได้ในราคาเพียง 8,460 ดอลลาร์ต่อชิ้นเท่านั้น ซึ่งมีราคาไม่แพงมากและจะดึงดูดผู้ซื้อให้สนใจได้ง่ายขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือทั้ง NFT และ F-NFT ไม่ได้มีจำกัดอยู่เพียง Ethereum Blockchain เท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานบนเครือข่าย Blockchain ใด ๆก็ตาม ที่รองรับ Smart Contract รวมถึง NFT เครือข่ายทางเลือก เช่น Polygon (MATIC), Cardano (ADA) และ Solana (SOL) ที่สามารถอำนวยความสะดวกในการสร้างและโอน NFT ได้อีกด้วย
Voice Life บริษัทเทคโนโลยีผู้พัฒนาโซลูชั่นการชาร์จไร้สาย ได้มีการนำ F-NFT มาสร้างรายได้โดยเปิดทางให้ผู้คนสามารถมาร่วมเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทได้
โรเบิร์ต สมิธ CEO ของ Voice Life ได้ค้นพบวิธีการใหม่ที่จะร่วมแบ่งปันการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้กับทุกคนในรูปแบบของ Fractional Non-Fungible Token หรือ F-NFT ที่อยู่ภายในอีโคซิสเต็มของ BNB Chain
โดย F-NFT ของ Voice Life คือการนำทรัพย์สินทางปัญญามาแปลงให้อยู่ในรูปของ Token ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ถือ Token F-NFT สามารถใช้เงินทำงาน และสร้างรายได้ให้กับ Voice Life ไปในเวลาเดียวกัน
สำหรับผู้ถือครอง F-NFT ของ Voice Life จะได้รับสิทธิประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท คือ จะถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน (fractional ownership) ในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท และจะสามารถสร้างรายได้จากสิทธิบัตรที่ได้รับจากสหรัฐอเมริกา ตลอดจนสิทธิบัตรจากประเทศอื่น ๆ มากมาย
นอกจาากนี้ผู้ถือ F-NFT จะถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วนในสิทธิบัตรระหว่างประเทศใด ๆ ที่จะมีการจดในอนาคต รวมถึงจะสามารถสร้างรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์สูงสุด 20 ปี อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากทุกการจำหน่ายใบอนุญาต
และผู้ถือ F-NFT จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแพลตฟอร์ม F-NFT ของบริษัท ซึ่งมีสภาพคล่องในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย พร้อมได้รับประโยชน์จากการเติบโตในอนาคต และสร้างรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญาของ Voice Life
การถือครอง Digital Asset อย่าง F-NFT นั้นก็มีความเสี่ยงสูงไม่ต่างไปจาก NFT Bitcoin Cryptocurrency และการแบ่งสัดส่วนในการถือครองกรรมสิทธิ์เองก็ต้องใช้ระบบที่มีความปลอดภัยมากกว่าการครอบครองผลงานแบบ NFT ซึ่งแนวทางทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับ F-NFT ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก โดยยังมีประเด็นด้านทรัพย์สินทางปัญญา การจัดประเภททางการเงิน สิทธิในการเผยแพร่ และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันใด ๆ รวมถึงสิทธิที่นักลงทุน F-NFT และผลประโยชน์ที่จะได้รับก็แตกต่างกันไปในแต่ละโครงการเช่นกัน
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่จะศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำงานโดยละเอียด ข้อกฏหมาย สิทธิประโยชน์ รวมถึงระบบความปลอดภัย และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นก่อนจะตัดสินใจถือครองกรรมสิทธิ์จาก F-NFT ใดๆ
อ้างอิง Business Insider , Bybit Learn
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด