ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการระดมทุนและการลงทุน ด้วยนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า G-Token หรือ Government Token ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือระดมทุนของรัฐบาลจากประชาชนโดยตรง โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านกฎหมายและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่า G-Token คืออะไร มีไว้ทำอะไร และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง? บทความนี้จะพาไปรู้จัก G-Token แบบเจาะลึก เข้าใจง่าย และครบทุกมิติ

Government Token หรือ G-Token คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาล มีลักษณะคล้ายพันธบัตรออมทรัพย์ แต่เปลี่ยนรูปแบบจากกระดาษมาเป็นดิจิทัล ผู้ถือ G-Token จะมีสิทธิได้รับ “เงินต้นและผลตอบแทน” ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดย G-Token ไม่ใช่สกุลเงิน ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี และไม่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการได้
จุดเริ่มต้นของ G-Token มาจากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เห็นชอบให้กระทรวงการคลังสามารถระดมทุนผ่านวิธีการใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยอิงอำนาจตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และได้รับการกำกับดูแลภายใต้พระราชกำหนดสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
G-Token จึงถือเป็นเครื่องมือทางการเงินแบบใหม่ ที่ผสานระหว่าง “ความมั่นคงจากพันธบัตรรัฐบาล” กับ “ความคล่องตัวของเทคโนโลยีดิจิทัล” ทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ถ้าใครอยากซื้อ G-Token ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ คล้ายกับการช้อปออนไลน์ แต่ต้องมีบัญชีกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. หรือใช้แอปของบริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
เมื่อซื้อแล้วสามารถถือไว้จนครบกำหนดเพื่อรับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย หรือหากต้องการใช้เงินก่อน ก็สามารถขายต่อในตลาดรองได้ทันที ต่างจากพันธบัตรบางประเภทที่ต้องถือไว้เป็นเวลานาน เช่น 6 เดือนขึ้นไปก่อนจะขายได้
ตามข้อมูลจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คาดว่า G-Token จะเริ่มเปิดให้จองซื้อรอบแรกในเดือน กรกฎาคม 2568 และจะเปิดให้ซื้อขายอย่างเต็มรูปแบบในเดือน พฤศจิกายน 2568 โดยกระทรวงการคลังจะประกาศอัตราดอกเบี้ยและช่องทางการซื้อให้ชัดเจนอีกครั้งก่อนเปิดขายจริง
การถือกำเนิดของ G-Token สืบเนื่องจากความต้องการของรัฐบาลในการ หาแหล่งเงินทุนเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้กฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 โดยไม่เพิ่มภาระหนี้ใหม่ หรือสร้างภาระต่อการคลังเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนรายย่อย สามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างหนี้รัฐบาล โดยเว็บไซต์ของวุฒิสภาได้ให้ข้อมูลว่า G-Token มีจุดเด่นที่สำคัญคือสามารถเริ่มลงทุนได้ด้วยเงินไม่สูงมาก ประมาณ 20,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังมีระยะเวลาการลงทุนที่สั้น ไม่เกิน 1 ปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินกับธนาคาร แต่ไม่อยากผูกเงินไว้นานเหมือนพันธบัตรบางประเภทที่ต้องถือหลายปี
สิ่งที่ทำให้หลายคนมั่นใจคือรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าเงินต้นจะไม่สูญหาย และสามารถได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดอย่างแน่นอน และสามารถโอนหรือขายต่อในตลาดรองได้อย่างสะดวกผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
เพื่อให้ระบบนี้มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวาง หลักเกณฑ์การออกและซื้อขาย G-Token โดยเน้น 4 ประเด็นสำคัญ:
ก.ล.ต. ได้เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างหลักเกณฑ์การออก G-Token หรือโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล ผ่านเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. และเว็บไซต์กฎหมายกลาง โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและร่วมแสดงความเห็นได้ที่:
หากใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ก็สามารถส่งความคิดเห็นทางอีเมลได้ที่
เปิดรับฟังความคิดเห็นจนถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2568
อ้างอิง: senate.go.th, sec.or.th [1] , sec.or.th [2]
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด