อนาคตอีคอมเมิร์ซไทย จะต้องไปทางไหนต่อ ? แชร์โอกาส ความท้าทาย โดยคุณป้อม ภาวุธ | Techsauce

อนาคตอีคอมเมิร์ซไทย จะต้องไปทางไหนต่อ ? แชร์โอกาส ความท้าทาย โดยคุณป้อม ภาวุธ

บทความนี้ Techsauce พาทุกคนมาเจาะลึกอนาคตของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในทุกมิติทั้งด้านโอกาส ความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลง โดยคุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ จาก Session Future of E-commerce ในงาน Marketing Insight and Technology Conferance 2024

ภาพรวมของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย

ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเต็มไปด้วยศักยภาพ โดยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ ได้แก่

1. การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น: ปัจจุบัน คนไทยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายกว่าเดิม สมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ส่งผลให้การจับจ่ายซื้อของออนไลน์เป็นเรื่องที่สะดวกสบาย เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา

2. ระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาขึ้น: ระบบขนส่งที่ครอบคลุม รวดเร็ว และมีราคาถูกลง เอื้อต่อการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบชำระเงินออนไลน์ และบริการหลังการขาย ก็ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการของตลาดอีคอมเมิร์ซได้ดียิ่งขึ้น

3. แรงกระตุ้นจากวิกฤตโควิด-19: การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้คนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย แต่พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ยังคงอยู่และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบ New Normal

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาพรวมที่ดูสดใส ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังคงถูกครอบงำโดยแพลตฟอร์มต่างชาติยักษ์ใหญ่ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการไทย  

เพราะแม้แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นเสมือนเวทีขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น ลดต้นทุนในการทำธุรกิจ และเข้าถึงเครื่องมือทางการตลาดที่ทันสมัย แต่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง กฎเกณฑ์ที่ซับซ้อน และความเสี่ยงจากการถูกผูกขาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

1. อีคอมเมิร์ซไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดต่างจังหวัดมีศักยภาพมากขึ้น

แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายลง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นชินกับการซื้อสินค้าออนไลน์ยังคงอยู่ ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% ต่อปี ซึ่งการเติบโตในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยเหตุผลดังนี้

  • ฐานผู้บริโภคที่ขยายตัว: ตลาดต่างจังหวัดมีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถเข้าถึงได้แล้วในปัจจุบันจากโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนา
  • การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น: โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในต่างจังหวัดได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น
  • ข้อจำกัดของร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม: ผู้บริโภคในต่างจังหวัดอาจมีตัวเลือกในการซื้อสินค้าที่จำกัด เนื่องจากร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมอาจมีสินค้าให้เลือกไม่หลากหลาย หรือตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่สะดวก
  • ความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลาย: พฤติกรรมผู้บริโภคในต่างจังหวัดเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างหลากหลาย
  • โอกาสในการเข้าถึงสินค้าและบริการที่สะดวกสบาย: อีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางที่สะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคในต่างจังหวัด ที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเดินทาง

อย่างไรก็ตาม การเจาะตลาดต่างจังหวัด ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ เช่น พฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างกัน ช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคในพื้นที่

2. ระบบขนส่งจะเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงการเติบโตของอีคอมเมิร์ซไทย

ระบบขนส่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดสำคัญที่หล่อเลี้ยงการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคคาดหวังความรวดเร็ว สะดวกสบาย และมีต้นทุนที่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้

1. เทคโนโลยีขับเคลื่อนประสิทธิภาพ:

  • โดรนขนส่ง: เทคโนโลยีโดรน (Drone) กำลังเข้ามามีบทบาทในระบบขนส่งมากขึ้น ด้วยความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล พื้นที่ที่การจราจรติดขัด หรือพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • Micro-fulfillment center: คลังสินค้าขนาดเล็กที่กระจายตัวอยู่ในเขตชุมชน ช่วยลดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า และเข้าถึงผู้บริโภคในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

2. บริการขนส่งแบบ crowdsourcing เติบโตอย่างรวดเร็ว:

การนำเอาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงผู้ให้บริการขนส่งรายย่อย เช่น รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์ส่วนบุคคล เข้ากับผู้ที่ต้องการส่งสินค้า ช่วยเพิ่มทางเลือกในการขนส่งให้มีความหลากหลาย ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้บริการขนส่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งแบบเร่งด่วน การจัดส่งในพื้นที่จำกัด หรือการจัดส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่

3. การพัฒนาระบบขนส่งแบบเดิม:

การเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทย ในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับผู้ให้บริการขนส่งรายย่อย อาทิ

  • ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ เช่น ไปรษณีย์ไทย ต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริการให้มีความหลากหลาย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการเส้นทางการขนส่ง ติดตามสถานะสินค้า และเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า จะช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการ

3. ความท้าทายภายใต้การผูกขาดของแพลตฟอร์มต่างชาติ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยถูกครอบงำโดยแพลตฟอร์มต่างชาติยักษ์ใหญ่ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกสบาย และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การผูกขาดดังกล่าว ก่อให้เกิดความท้าทายต่อผู้ประกอบการไทยในหลายด้าน ได้แก่

  • การแข่งขันที่ดุเดือด เบียดแย่งพื้นที่ทางการตลาด: ผู้ประกอบการไทยต้องแข่งขันกับผู้ขายรายอื่น ๆ บนแพลตฟอร์ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ขายรายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีทรัพยากรมากกว่า ทำให้การสร้างแบรนด์ การทำการตลาด และการสร้างฐานลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ความคิดสร้างสรรค์ และงบประมาณจำนวนมาก
  • ต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มสูง กัดเซาะกำไร: แพลตฟอร์มต่างชาติมีอำนาจในการกำหนดราคาค่าบริการ เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ค่าโฆษณา และค่าบริการเสริมต่างๆ และการขึ้นราคาค่าบริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs
  • ข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ปิดกั้นการเติบโตในระยะยาว: แพลตฟอร์มต่างชาติมักเป็นเจ้าของข้อมูลลูกค้า เช่น พฤติกรรมการซื้อ สินค้าที่สนใจ และข้อมูลติดต่อ ข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ตลาด พัฒนาสินค้าและบริการ และทำการตลาดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เป็นอุปสรรคในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  • ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย: แพลตฟอร์มต่างชาติสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบาย กฎระเบียบ และเงื่อนไขการให้บริการได้ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงกะทันหัน อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ประกอบการไทย โดยที่ไม่มีโอกาสตั้งรับ
  • การขาดอำนาจต่อรอง: ผู้ประกอบการไทยอยู่ในฐานะผู้ใช้บริการ จึงมีอำนาจต่อรองกับแพลตฟอร์มต่างชาติค่อนข้างน้อย หากเกิดข้อพิพาท หรือปัญหาในการใช้งาน อาจไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นธรรม

ด้านคุณภาวุธ ชี้ว่า ความท้าทายเหล่านี้ เป็นประเด็นที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคนไทย การกำกับดูแลแพลตฟอร์มต่างชาติให้เป็นธรรม การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีความเข้มแข็ง และสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างระบบนิเวศน์อีคอมเมิร์ซไทยที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

4. สมรภูมิเดือด แข่งขันดุ อยู่รอดอย่างไรในสนามรบไร้พรมแดน

คุณภาวุธเผยว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการแข่งขันที่รุนแรงกว่าที่เคย ผู้ประกอบการต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งมากหน้าหลายตา ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีสมรภูมิเดือด 3 ทัพหลัก ที่ผู้ประกอบการไทยต้องรับมือ ได้แก่

1. กองทัพแพลตฟอร์มต่างชาติ: แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok ยังคงครองตลาด ดึงดูดผู้บริโภคด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายที่ดึงดูดใจ ซึ่งการเข้ามาของแพลตฟอร์มใหม่ๆ ยิ่งเพิ่มความรุนแรงในการแข่งขัน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายและกฎเกณฑ์ของแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้สามารถอยู่รอดและเติบโตได้

2. กองทัพผู้ขายรายอื่น ทั้งไทยและเทศ: ผู้ประกอบการไทยต้องแข่งขันกับผู้ขายรายอื่นๆ ทั้งในด้านราคาสินค้า คุณภาพ บริการ และความหลากหลาย รวมถึงผู้ขายจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน เข้ามาตีตลาดมากขึ้น ด้วยข้อได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น การสร้างความแตกต่าง การสร้างแบรนด์ และการสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

3. กองทัพสินค้าจากแดนมังกร ท้าชิงด้วยราคาสุดโหด: จีนเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของโลก สินค้าจากจีนจึงมีราคาถูกกว่าสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาโดยตรง ดังนั้น การหาสินค้าที่แตกต่าง มีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาตัวรอด

นอกเหนือจาก 3 กองทัพหลัก ผู้ประกอบการไทยยังต้องรับมือกับความท้าทายอื่นๆ เช่น 

  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
  • การเข้าถึงเทคโนโลยีที่ไม่เท่าเทียม เพราะผู้ประกอบการรายเล็ก อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยี และเครื่องมือทางการตลาดที่ทันสมัย
  • ขาดความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างแท้จริง

ในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซที่แข่งขันอย่างดุเดือด ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยติดตามเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค สร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นการบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า การร่วมมือกับพันธมิตรยังเป็นสิ่งสำคัญ แม้ตลาดจะมีการแข่งขันสูง แต่โอกาสยังรออยู่ การเตรียมความพร้อมจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

5. การเปลี่ยนแปลงของช่องทางการขาย

ในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกล้นมือ การยึดติดกับช่องทางการขายแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซยุคใหม่จำเป็นต้องปรับตัวและเปิดรับการใช้ประโยชน์จากหลากหลายช่องทาง เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างยอดขาย และเติบโตอย่างยั่งยืน 

โดยเฉพาะการเลือกใช้ช่องทางที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เพื่อให้ธุรกิจโดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ และช่องทางการขายที่น่าสนใจ ได้แก่ 

  • Social Commerce ที่ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างง่ายดาย โดยสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์ที่ดีผ่านคอนเทนต์ที่น่าสนใจ 
  • Live Commerce ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนอสินค้าแบบเรียลไทม์ สร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย 
  • Chat Commerce ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้การสื่อสารกับลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นกันเอง

การปรับตัวและใช้ประโยชน์จากช่องทางการขายอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น สร้างยอดขาย เพิ่มรายได้ และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม 

6. เทคโนโลยีพลังขับเคลื่อน และปฏิวัติอีคอมเมิร์ซไทย

ในยุคที่โลกหมุนด้วยข้อมูล และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยต้องก้าวให้ทัน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า มี 3 เทคโนโลยีที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการอีคอมเมิร์ซ ได้แก่

  1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  2. ระบบอัตโนมัติ (Automation)
  3. แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP):

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ:

  • แชทบอท ให้บริการลูกค้า บน Website และ Social Media ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ระบบแนะนำสินค้า ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า บน Marketplace
  • แคมเปญโฆษณา ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย บน Social Media
  • ระบบแจ้งเตือน ติดตามสถานะสินค้า แบบ Real-time

การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทย ก้าวข้ามขีดจำกัด สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล

7. ภารกิจสำคัญของภาครัฐ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ไม่ใช่แค่เรื่องของผู้ประกอบการเพียงฝ่ายเดียว ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเติบโต ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และปกป้องผู้บริโภค ด้านคุณป้อมได้ชี้ถึง 6 ภารกิจสำคัญ ที่จะมาพลิกโฉมอีคอมเมิร์ซไทย ได้แก่

  1. สร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคนไทย ทางเลือกใหม่ที่เป็นธรรม ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติสร้างทางเลือกให้กับผู้ประกอบการไทย ลดความเสี่ยงจากการผูกขาด และการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
  2. กำหนดกฎกติกาที่เป็นธรรม สร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย ทั้งในด้านค่าบริการ การเข้าถึงข้อมูล และการสนับสนุนต่างๆ
  3. ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ รักษาเม็ดเงินภายในประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้
  4. ควบคุมดูแลแพลตฟอร์มต่างชาติ ให้เป็นไปตามกฎหมายไทย กำกับดูแลการใช้ข้อมูล การกำหนดราคา และการส่งเสริมการขาย ให้เป็นไปอย่างเป็นธรรม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม
  5. พัฒนากฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย สอดคล้องกับโลกดิจิทัล เช่น กฎหมายอีคอมเมิร์ซ, กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, หรือกฎหมายไซเบอร์
  6. ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม สร้างโอกาสให้ทุกคนเติบโต สนับสนุน SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถข้าถึงแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ เทคโนโลยี

การสนับสนุนจากภาครัฐ อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และครอบคลุม จะเป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่ช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

โอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดและการครอบงำจากแพลตฟอร์มต่างชาติ แต่ยังมีโอกาสมากมายสำหรับผู้ประกอบการไทยที่พร้อมปรับตัวและพัฒนาเพื่อคว้าโอกาสเหล่านั้น 

ซึ่งการเจาะลึกตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ผู้ประกอบการควรมองหาช่องว่างในตลาด ด้วยการเสนอสินค้าหรือบริการเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีใครตอบสนอง การเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะกลุ่มจะช่วยสร้างความแตกต่างและสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี ผ่านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจ

อีกหนึ่งกุญแจสำคัญคือการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยการสื่อสารคุณค่าที่โดดเด่นของแบรนด์ทั้งในด้านสินค้าและบริการ การสร้างเรื่องราวที่น่าจดจำจะช่วยเชื่อมโยงลูกค้ากับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ การมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอนการสั่งซื้อ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน รวมถึงการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ จะเป็นแนวทางในการเพิ่มโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน แม้เส้นทางอีคอมเมิร์ซไทยจะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการใช้ประโยชน์จากโอกาส เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการไทยจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายและประสบความสำเร็จได้

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะสมองมนุษย์ พัฒนากลยุทธ์การตลาด โดยคุณทอย กษิดิศ ด้วยศาสตร์ Behavioral Economics

“อย่าทำอะไรที่สวนทางความเชื่อของคน” นี่คือประโยคที่คุณทอย นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของไทยย้ำในวิธีทำการตลาด และชี้ว่านักการตลาดจะได้แต้มต่อก็ต่อเมื่อเข้าใจวิธีการทำงานของสมอง เจาะลึกเน...

Responsive image

Embedded Finance คืออะไร? ทำไมถึงเป็น 'ขุมทรัพย์' ใหม่ของธุรกิจยุคดิจิทัลและก้าวสำคัญของการเงินเพื่อ ESG

Embedded Finance กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และเพิ่มขึ้นเป็น 7.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2029 นี่เป็นผลมาจากหลา...

Responsive image

Quantum Computing เทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยแก้ปัญหาซับซ้อน คาดพลิกโฉมอุตสาหกรรมทั่วโลกในอีก 15 ปี ข้างหน้า

โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง ปัญหาสังคมที่ซับซ้อน หรือแม้แต่การแพร่ระบาดของโรคใหม่ๆ ในท่ามกลางวิกฤตการณ์เหล่านี้ เ...