หลังจากการแบน TikTok ในสหรัฐฯ ไป 12 ชั่วโมง ล่าสุด TikTok ก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจาก Donald Trump ที่ได้ออกคำสั่งพิเศษเพื่อปลดแบนแอปพลิเคชั่น
โดยทาง Trump ได้โพสต์บน Truth Social (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ก่อตั้งโดย Donald Trump ) ว่า เขาจะออกคำสั่งเพื่อเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายที่แบน TikTok เพื่อให้มีเวลาหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่คำนึงถึงความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอแนวคิดให้ ByteDance ร่วมทุนกับบริษัทในสหรัฐฯ ในสัดส่วน 50:50 เพื่อให้ TikTok สามารถดำเนินงานต่อไปได้ในสหรัฐฯ อย่างมั่นคงและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม Trump ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ระบุว่าเขาอาจให้เวลา TikTok อีก 90 วันเพื่อเจรจาข้อตกลง
แล้วใครกันหละที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของ ByteDance สหรัฐฯ ?
Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities บริษัทผู้ให้บริการทางการเงินและการลงทุนชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ประเมินว่า TikTok มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งราคานี้รวมถึงอัลกอริทึมที่เป็นเทคโนโลยีหลักของแพลตฟอร์ม
เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมูลค่าคืออัลกอริทึมของแอปที่ช่วยให้แนะนำเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกใจผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม หาก ByteDance ขายเฉพาะส่วนธุรกิจในสหรัฐฯ ราคาจะลดลงตามขอบเขตการดำเนินงานที่เล็กลง มูลค่าของส่วนนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 ถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4-1.75 ล้านล้านบาท)
Forbes ได้รวบรวมรายชื่อของมหาเศรษฐีและบริษัททีสนใจ ByteDance ทั้งหมด 9 คน ดังนี้
Perplexity AI ได้ยื่นข้อเสนอควบรวมกิจการกับ TikTok U.S. และพันธมิตรการลงทุนรายใหม่ เพื่อสร้างบริษัทใหม่ โดย ByteDance จะยังคงให้ผู้ลงทุนเดิมถือหุ้นได้ และ Perplexity เชื่อว่าข้อเสนอนี้มีโอกาสสำเร็จเพราะเป็นการควบรวมไม่ใช่การขายตรง
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla โดยมองว่าเป็นวิธีจัดการความสัมพันธ์กับ Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีความใกล้ชิดกับ Musk มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ได้ให้สัมภาษณ์กับ Forbes ว่า "เราไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อข่าวที่ไม่มีมูลความจริงได้"
YouTuber ชื่อดัง MrBeast หรือชื่อจริง Jimmy Donaldson โพสต์บน X (Twitter เดิม) ว่าเขาอยากจะ “ซื้อ TikTok เพื่อไม่ให้มันถูกแบน” พร้อมเผยว่ามี มหาเศรษฐีจำนวนมากที่ได้ติดต่อเข้ามาหาเขา และยังบอกอีกว่า “เดี๋ยวเราจะลองดูว่ามันจะเป็นไปได้ไหม”
Project Liberty ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐี Frank McCourt ได้ยื่นข้อเสนอเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อขอซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ โดยได้รับการสนับสนุนจาก Kevin O’Leary นักลงทุนจากรายการ Shark Tank, Guggenheim Securities บริษัทในเครือของ Guggenheim Partners ซึ่งเป็นบริษัทการเงินระดับโลก และพันธมิตรรายอื่น ๆ พร้อมระบุว่าองค์กรมีแผนปรับโครงสร้าง TikTok เพื่อลดการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานลง
Kevin O’Leary ให้สัมภาษณ์กับ Fox ว่าเขาได้เสนอเงินจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฯ เพื่อซื้อ TikTok เพื่อให้สามารถขายกิจการให้กับ "กลุ่มนักลงทุนอเมริกัน" ได้
อดีตพนักงาน TikTok เปิดเผยกับ Forbes ว่า Amazon อาจพิจารณาซื้อกิจการ TikTok เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ลงโฆษณารายใหญ่อันดับสามของแพลตฟอร์ม และเพิ่งขยายความร่วมมือกับ TikTok โดยเปิดให้ผู้ใช้สามารถเลือกชมและซื้อสินค้าจาก Amazon ได้โดยตรงบนแอปพลิเคชัน
แพลตฟอร์มวิดีโอแชร์ชื่อดัง Rumble ประกาศในเดือนมีนาคม 2024 ว่าได้ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อกิจการของ TikTok โดยระบุว่าบริษัทพร้อมที่จะร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรอื่น ๆ ในการดำเนินการครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม Rumble และ Chris Pavlovski ซีอีโอของบริษัท ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าว
Bobby Kotick อดีตซีอีโอของ Activision Blizzard ยังได้แสดงความสนใจที่จะซื้อ TikTok ด้วยเช่นกัน โดยรายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่าเขาได้ปรึกษาแนวทางกับ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI และกลุ่มนักลงทุนอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนทางการเงินสำหรับดีลนี้
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ Steve Mnuchin ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ในเดือนมีนาคม 2024 ว่าเขาวางแผนที่จะจัดตั้งกลุ่มเพื่อซื้อ TikTok โดยในเดือนพฤษภาคมเขายังเผยกับ Bloomberg ว่าได้ติดต่อบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเกี่ยวกับการซื้อกิจการดังกล่าว พร้อมแผนการสร้างอัลกอริทึมใหม่ขึ้นมา เนื่องจาก ByteDance ยืนยันว่าจะไม่ขายอัลกอริทึมของ TikTok รวมไปด้วย
อ้างอิง: forbes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด