เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเราต้องทำงานในออฟฟิศวันละ 8 ชั่วโมง (เป็นอย่างน้อย) ตัวเลขนี้มาจากไหน ใครกำหนด ทำน้อยกว่านี้ได้มั้ย? ขอตอบว่าได้ค่ะ เพราะตอนนี้ที่สวีเดน การทำงานในออฟฟิศวันละ 6 ชั่วโมง กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมยังไม่ทำให้รายได้บริษัทลดลงด้วย ผู้บริหารคิดยังไง แล้วทำได้ยังไง มาติดตามกันค่ะ
บทความจาก Fast Company ระบุว่า การทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มาจากการทดลองที่ Henry Ford จัดขึ้นในโรงงานของเขา ซึ่งแปลว่ามันนานมากแล้ว และในตอนนี้ ชาวอเมริกันทำงานกันนานกว่านั้นด้วยซ้ำ โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 8.7 ชั่วโมง ต่อวัน โดยส่วนมากจะถูกใช้ไปกับอีเมล ประชุม และ Facebook มากกว่าหน้าที่ที่ควรจะเป็น
แปลว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับมาทบทวนชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด
Linus Feldt ซีอีโอบริษัท Filimundus ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นในสตอคโฮล์ม กล่าวว่า “การทำงานวันละ 8 ชั่วโมงไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ”
เพราะการพยายามโฟกัสกับงานบางอย่างเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมง ถือเป็นความท้าทายมาก และโดยมากแล้วเราก็ต้องวุ่นวายกับงานหลายๆ อย่างแบบจับแพะชนแกะ ในขณะเดียวกัน เราก็พบว่าการจัดการชีวิตส่วนตัวกลายเป็นเรื่องยาก ทั้งๆ ที่อยากจะใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น อยากเรียนรู้มากขึ้น หรือออกกำลังกายให้มากขึ้น จะมีวิธีการใดบ้างที่ทำให้สิ่งเหล่านี้ไปด้วยกันได้ดี
นั่นคือสิ่งที่ Linus Feldt คิด
เมื่อปีที่แล้ว บริษัท Filimundus เปลี่ยนนโยบายมาเป็นการทำงานแบบ 6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งไม่ได้ทำให้วิธีการทำงานของคนในบริษัทเปลี่ยนไป นอกจากชั่วโมงการทำงานที่ลดลงแล้ว หัวหน้าทีมยังขอให้ลูกค้าโฟกัสกับงานมากขึ้น ด้วยการงดใช้โซเชียลมีเดีย และงดการประชุมประจำสัปดาห์ที่ไม่จำเป็น
“สิ่งที่ผมประทับใจเกี่ยวกับนโยบายนี้คือ มันทำให้เราโฟกัสกับงานได้มากขึ้น งานเสร็จมากขึ้น และเราก็ยังเหลือพลังงานอีกมากสำหรับการใช้ชีวิตส่วนตัวนอกเวลางาน” Feldt กล่าว
ไม่ใช่แค่บริษัทของ Feldt เท่านั้น แต่ Brath สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีอีกรายหนึ่งในสวีเดนก็เริ่มใช้นโยบายนี้มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และประโยยชน์สูงสุดที่พวกเขาได้มาก็คือ มันช่วยรักษาพนักงานเอาไว้กับบริษัท
“เรายังคงเชื่อว่า เมื่อคุณมีเวลาให้ครอบครัว ไปรับลูกที่โรงเรียน มีเวลาไปออกกำลังกาย หาความรู้ หรือทำอาหารดีๆ ที่บ้าน คุณคงไม่อยากเสียเวลาเหล่านี้ไป เราเชื่อว่ามันคือเหตุผลที่ดีที่คุณจะอยู่กับเรา”
นอกจากภาคเอกชนแล้ว หน่วยงานของรัฐในสวีเดนก็ยังนำเอานโยบายนี้ไปใช้เช่นกัน จากการทดลองครั้งล่าสุด พยาบาลที่บ้านพักคนชราของรัฐ ก็เปลี่ยนมาทำงานวันละ 6 ชั่วโมง โดยที่ยังได้รับค่าจ้างเท่าเดิม ถึงแม้ว่าในกรณีนี้ จะทำให้ต้นสังกัดมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่การที่ผู้ป่วยและคนชราในความดูแลได้รับบริการที่ดีมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
การทดลองในภาครัฐครั้งนี้ยังเป็นแบบชั่วคราวเท่านั้น และอาจจะไม่กลายเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการ เพราะในปี 1990 บ้านพักคนชราและสถานรับเลี้ยงเด็กบางแห่งในสวีเดนเคยทดลองทำงาน 6 ชั่วโมงต่อวันมาแล้ว และเมื่อการทดลองเสร็จสิ้น พวกเขาก็กลับไปใช้นโยบายเดิม คือ 8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะไม่ต้องการแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่หน่วยงานภาคเอกชนมีแนวโน้มจะเปลี่ยนมาทำงานวันละ 6 ชั่วโมงมากขึ้น
ที่ Filimundus ยังไม่พบว่ามีผลเสียอะไรจากนโยบายนี้ บริษัทยังคงมีผลงานเท่ากับเมื่อครั้งยังทำงานวันละ 8 ชั่วโมง
“มันก็มีบ้างที่เราต้องการอะไรแบบเร่งด่วน และไม่มีคนที่รับผิดชอบอยู่ตรงนั้น เพราะมันนอกเวลาทำงานของเรา แต่เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นกับบริษัทที่ทำงานวันละ 8 ชั่วโมงอยู่ดี คุณหลีกเลี่ยงมันไม่ได้หรอก” Feldt กล่าว
“สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ คนของเรามีพลังงานมากขึ้น พวกเขากลับบ้านอย่างมีความสุข และกลับมาทำงานในวันถัดไปอย่างมีความสุข ไม่มีใครรู้สึกหมดพลัง หรืออ่อนเพลีย นั่นมันเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? พวกเขาทำงานกับทีมได้ดีขึ้น ความขัดแย้งน้อยลง”
นั่นคือสิ่งที่ Feldt เห็นว่าเป็นพื้นฐานความสำเร็จของงบริษัท
“ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าเวลามีค่ามากกว่าเงิน ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนจำนวนมากมีความยินดีกับเวลาที่มากขึ้น มากกว่าเงินเดือนสูงๆ และการเปลี่ยนมาทำงานวันละ 6 ชั่วโมง ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราลงทุนกับคนของเรา ก็อย่างที่เราเชื่อนั่นล่ะครับ พนักงานที่มีความสุขคือสิ่งสำคัญที่สุดของบริษัทเรา ถ้าพนักงานมีความสุข บริษัทก็มีความสุข”
ว่าแต่มีบริษัทไหนในกรุงเทพฯ อยากจะลองเอานโยบายนี้ไปใช้มั้ยคะ
ไม่ใช่อะไร...จะได้รีบเตรียมเรซูเม่ :P
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด