ZmyHome - Startup ฝันใหญ่ อาสาแก้ปัญหาตลาดอสังหาไทย | Techsauce

ZmyHome - Startup ฝันใหญ่ อาสาแก้ปัญหาตลาดอสังหาไทย

วันนี้เราจะพามาทุกท่านมาทำความรู้จัก Startup ในวงการอสังหาริมทรัพย์กันดูบ้าง ZmyHome (ซีมายโฮม) เป็นอีกหนึ่ง Startup ที่น่าจับตามอง โดยสามารถเข้ารอบสุดท้ายของโครงการ dtac Accelerate 2015 แม้ว่าจะเพิ่งเริ่มใช้งานจริงได้ราว 6 เดือน แต่พวกเขามีประสบการณ์มาเล่าให้พวกเราฟังมากมาย

ทีมงาน Techsauce ได้มาพูดคุยกับ คุณณัฐพล อัศว์วิเศษศิวะกุล Co-Founder และ CEO ของ ZmyHome รับรองว่าระหว่างอ่านบทสัมภาษณ์ นอกจากจะได้ทำความรู้จักกับ Startup รายนี้แล้ว คุณจะได้รับทราบความรู้เรื่องวงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมแบบเต็มอิ่มแน่นอน

ZmyHome Nut

Background ก่อนจะมาทำ Startup

Techsauce: ก่อนมาทำ ZmyHome ทำอะไรมาก่อนคะ

ณัฐพล : ก่อนทำ ZmyHome ทำงานวิจัยตลาดและเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ครับ โดยเริ่มทำงานในปี 2002 กับบริษัท CBRE Thailand อยู่ฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา ตำแหน่งสุดท้ายก่อนออกมาเปิดบริษัทที่ปรึกษาของตัวเองรับตำแหน่งเป็น Senior Manager และออกมาเปิดบริษัท Z Estate Ltd. ในปี 2009 โดยตลอด 14 ปีที่ผ่านมา น่าจะทำงานร่วมกับโครงการอสังหามากกว่า 100 โครงการ ทั้ง โครงการคอนโดมิเนียม โรงแรม ออฟฟิศ คอมมูนตี้มอลล์ เป็นต้น ครับ

บริษัท Z Estate ที่เปิดเองนี้ นอกจากจะเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาแล้ว เราให้บริการนายหน้าในการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมให้กับชาวญี่ปุ่น และนายหน้าซื้อขายที่ดินและคอนโดมิเนียมด้วยครับ เราดูแลมาหลายโครงการ ขอยกตัวอย่างโครงการที่ใหญ่ที่สุด ทำให้ลูกค้าที่เป็นบริษัทน้ำมัน โดยเราเข้าไปช่วยวางแผนการพัฒนาพอร์ตที่ดิน 50 แปลง และการวางแผนพัฒนาโมเดลธุรกิจค้าปลีกในสถานีบริการน้ำมัน ถือเป็นความภาคภูมิใจของเราทีเดียวครับ

แรงบันดาลใจ หรือที่มาที่ไป

Techsauce: อะไรคือแรงบันดาลใจ หรือที่มาที่ไป ของการทำ ZmyHome

ณัฐพล : จริงๆ ไอเดียเว็บไซต์สำหรับเจ้าของลงประกาศเอง เราคิดมาตั้งแต่ก่อนตั้งบริษัท Z Estate ตอนปี 2009 เลยครับ เพราะตอนนั้นเราเชื่อว่าอินเตอร์เน็ตจะเป็นศูนย์รวมของข้อมูลที่คนที่ต้องการอะไรจะเข้ามาค้นหาก่อน  แต่เรายังไม่มีเงินทุนและประสบการณ์  คือ ตอนนั้นคิดว่าเรายังไม่พร้อม เลยตั้งบริษัท Z Estate เพื่อที่จะหาเงิน รวมถึงการเรียนรู้เรื่องที่จะช่วยให้เราทำ ZmyHome ในอนาคต คือ การเป็นนายหน้า และการทำเว็บไซต์

โดยหลังจากที่เราได้ทำงานเป็นนายหน้าและต้องใช้เว็บซื้อขายคอนโดมิเนียมต่างๆ เราก็พบว่า เว็บไซต์ที่มีในประเทศไทยส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องข้อมูล ประสบการณ์ที่ได้จากเว็บอสังหา ไม่เหมือนกับเว็บไซต์จองโรงแรม ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาห้องพักได้สะดวกมากๆ

ปัญหาของเว็บอสังหา และตลาดอสังหาในไทย

ณัฐพล: เวลาเราจะจองโรงแรมเว็บไซต์ก็จะมีรูปภาพ มีรายละเอียดของสถานที่ครบถ้วน มีราคาห้องพักที่ถูกต้อง และรู้ได้ทันทีว่าห้องว่าในวันที่เราต้องการจะย้ายเข้าหรือไม่  แต่เว็บด้านอสังหาริมทรัพย์กลับไม่เป็นแบบนั้น หลายๆ ประกาศมีข้อมูลไม่ครบถ้วน บางประกาศถึงกับไม่มีราคา และส่วนใหญ่ไม่มีรูปภาพ ขายไปแล้วก็ไม่รู้  ลองจินตนาการดูนะครับว่า หากเราต้องโทรเช็คราคาห้องที่เราสนใจทุกห้องเมื่อจะจองโรงแรม และต้องสอบถามทุกครั้งว่าห้องว่างหรือไม่ว่าง หรือกระทั่งต้องขอรูปดู  การจองโรงแรมของเราจะลำบากขนาดไหน  ซึ่งการซื้อหรือเช่าคอนโด  ผู้ซื้อต้องการข้อมูลมากกว่าการจองโรงแรมมากๆ ทำให้เราอยากทำเว็บอสังหาที่ข้อมูลสำคัญครบถ้วนและให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์เหมือนการใช้เว็บไซต์จองโรงแรม

ประเทศที่พัฒนาแล้ว เว็บอสังหาจะไม่เหมือนเว็บในบ้านเรา แม้ว่าบ้านส่วนใหญ่จะถูกลงประกาศโดยนายหน้าเหมือนกัน แต่ก่อนที่นายหน้าของเขาจะลงประกาศ จะต้องมีการเซ็นสัญญาตัวแทนกับเจ้าของ เพื่อให้สิทธินายหน้าในการดำเนินการขายได้สมบูรณ์ตามช่วงเวลาที่ตกลงกัน ขายได้แล้วก็มาเอาประกาศออก  ดังนั้นข้อมูลต่างๆ บนเว็บก็จะครบถ้วน  และยังทำให้ประกาศบนเว็บไม่ซ้ำและสะท้อนสภาพตลาดตามความเป็นจริง  หมายถึงมีกี่หลังว่างหรือขายก็รู้ แต่ละหลังขายเท่าไหร่ คนซื้อคนขายก็จะตัดสินใจได้ง่าย

เราเคยเจอลูกค้าออสเตรเลีย วางเงินมัดจำ 3 ล้านเพื่อที่จะซื้อคอนโดมูลค่า 30 กว่าล้านในเมืองไทยภายใน 1 เดือน โดยตอนที่เค้าวางมัดจำยังมีเงินสดไม่พอ  แต่ลูกค้าสามารถขายคอนโดมูลค่า 5 ล้านเหรียญในซิดนีย์ได้ภายใน 1 เดือน และมีเงินมาโอนทัน  ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้สำหรับเมืองไทยเกิดขึ้นได้ยากมาก  และแปลว่าลูกค้ารายนี้จะต้องมั่นใจกับระบบของเขามาก มั่นใจว่าจะขายได้ทัน

ในขณะที่กลไกต่างๆ ในตลาดอสังหาของเราไม่พร้อม ทั้งการขาดระบบฐานข้อมูลกลาง  การขาดราคาอ้างอิง  นายหน้าไม่ต้องมีใบอนุญาต  ทำให้คนไทยต้องใช้เวลาขายบ้านโดยเฉลี่ยเกือบ 1 ปี  (ตัวเลขนี้ได้มาจากการที่เราทำออนไลน์ Survey กับกลุ่มตัวอย่างที่ขายบ้านในปีที่ผ่านมา 500 ราย) โดยมี 20% ใช้เวลามากกว่า 2 ปี  ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เค้าใช้เวลา 1-2 เดือนเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการตั้งราคาที่เหมาะสม และความ Active ของตลาดนั้นๆ  ถ้าอยู่ในชนบทก็อาจจะใช้เวลานานหน่อย เพราะคนซื้อน้อยกว่า

Solution 1 - คัดกรองประกาศคุณภาพดี

ทีนี้ถ้าเราอยากจะทำให้เว็บอสังหาในเมืองไทยข้อมูลถูกต้องเหมือนกับในต่างประเทศ เราก็เลยคิดว่าต้องเริ่มจากการให้เจ้าของเท่านั้นเป็นผู้ลงประกาศ  เพราะนายหน้า (โดยเฉพาะนายหน้าที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ) ไม่มีแรงจูงใจในการอัพเดทสถานะกับเจ้าของห้องและการลบประกาศออกจากระบบ  เพราะการลบประกาศทำให้มีโอกาสได้ลูกค้าน้อยลง

เราไม่ได้เกลียดนายหน้า เหมือนเว็บที่ไม่ให้นายหน้าลงประกาศในต่างประเทศ เพราะเรารู้ว่าคนที่จะซื้อขายบ้าน ต้องการนายหน้ามืออาชีพในการให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก  แต่เราทำเว็บนี้เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่ใช้งานได้ง่าย  โดยนายหน้าสามารถมาหาทรัพย์สินบนเว็บของเรา ให้กับคนซื้อที่ไม่ต้องการค้นหาเองได้

Techsauce : จุดขายของเว็บ ZmyHome คืออะไรคะ

ณัฐพล : จุดขายอันดับแรกของเราคือความถูกต้องและการคัดกรองประกาศครับ เหมือนอย่างที่เราเล่าให้ฟังตอนต้นว่า คนซื้อหรือคนเช่าคอนโด จะพยายามหาข้อมูลอย่างดีก่อนจะตัดสินใจ  แต่ข้อมูลบนเว็บที่มีตอนนี้มักไม่สะท้อนจำนวนห้องที่มีอยู่ในตลาดตามความเป็นจริง และราคาก็ไม่ถูกอัพเดท ฟังดูเหมือนเรื่องง่ายๆ นะครับ แต่ทำจริงๆ เรื่องความถูกต้องของข้อมูลเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ต้องมีการตรวจสอบพอสมควร

Techsauce : แปลว่าข้อมูลบนเว็บส่วนใหญ่ กับที่เป็นอยู่จริงๆ ไม่ตรงกัน?

ณัฐพล : ใช่ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจำนวนห้องที่มีในตลาด  เวลาเราเข้าไปเว็บดังๆ แล้วเห็นว่ามีประกาศขายหรือให้เช่ามากๆ ในความเป็นจริงห้องที่มีจะน้อยกว่าจำนวนลิสต์มาก   เพราะเจ้าของมักฝากคอนโดไว้กับนายหน้าไว้หลายๆ คน  หรือบางทีเราเจอห้องที่ราคาถูกมากๆ คนซื้อส่วนใหญ่ก็จะตื่นเต้น  แต่ถ้าโทรไปถึงจะรู้ว่าส่วนใหญ่ห้องพวกนั้นก็ไม่มีอยู่จริงหรือขายไปแล้ว

เรื่องราคานี้ บางทีก็มีกรณีที่เจ้าของปรับราคาขึ้นเองเหมือนกัน เพราะพอมีนายหน้าหลายคนโทรหาก็คิดว่าตัวเองตั้งราคาไว้ต่ำเกินไป สุดท้ายดีลก็ไม่จบ  คนซื้อก็อดได้ห้องที่ตัวเองคาดหวัง แถมยังเหนื่อยอีกด้วย เพราะกว่าจะตามราคาครบ บางทีก็ใช้เวลาเป็นสัปดาห์  ทั้งๆ ที่มันจะง่ายกว่านี้มาก ถ้ามูลทุกอย่างสะท้อนความเป็นจริงเหมือนกับการจองโรงแรม

Solution 2 - ช่วยสร้างมาตรฐานในศึกษาเรื่องการตั้งราคา

Techsauce : แล้วนอกจากเรื่องความถูกต้องของข้อมูลแล้ว มีความต่างอื่นๆ ไหมคะ

ณัฐพล : ความต่างข้อที่สองของเรา คือ เรามีลิสต์ที่ขายและให้เช่าได้แล้ว ให้ทุกคนได้ศึกษาเรื่องราคา  ซึ่งการตั้งราคาให้เหมาะสมกับตลาดเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ขายทรัพย์สินได้ในเวลาที่ต้องการ

ในประเทศที่พัฒนาแล้วก่อนที่นายหน้าจะรับทำงานให้กับเจ้าของห้องหรือผู้ซื้อ นายหน้า (ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ) จะเอาข้อมูลการซื้อขายจริงที่มีตลาดหรือที่เรียกว่า “Comp” ย่อมาจาก “Comparables” มาช่วยคนขายให้ตั้งราคา หรือคนซื้อตั้งงบประมาณในการซื้อได้อย่างถูกต้อง  โดยรัฐบาลจะบังคับให้นายหน้าที่มีใบอนุญาตต้องรายงานราคาซื้อขายจริงให้กับรัฐทันที (ประเทศญี่ปุ่นต้องรายงานภายใน 24 ชม.) เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้ขายในอนาคต ได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ และยังมีหน่วยงานอื่นๆ อีกมาก ที่ต้องการใช้ข้อมูลราคาซื้อขาย หรือค่าเช่าของอสังหาริมทรัพย์ เช่นบริษัทประเมิน

ผู้ใช้เว็บไซต์ zmyhome.com สามารถดูประกาศที่ขายหรือเช่าได้แล้ว เพื่อศึกษาว่าลิสต์เหล่านี้เคยตั้งราคาขายไว้ที่เท่าไหร่ ขายไปได้เมื่อไหร่ และใช้เวลาในการขายกี่วัน  ส่วนใครที่สนใจลงทุนซื้อคอนโดสำหรับปล่อยเช่า ก็มีข้อมูลตลาดเช่าให้เจ้าของดูว่า คนเช่าสนใจห้องชุดแบบไหน ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่  ผลตอบแทนการลงทุนจริงๆเป็นอย่างไร

Solution 3 – เสริมระบบข้อมูลทำเล

ณัฐพล :    ส่วนข้อแตกต่างอันดับสามของเว็บเรา ก็คือ ระบบการค้นหาประกาศด้วยแผนที่ครับ โดยคนซื้อหรือเช่า สามารถเลือกดูข้อมูลสำคัญของทรัพย์สินที่สนใจบนแผนที่ได้เลย เช่น ราคา  ราคาต่อตารางเมตร  ระยะทางจากรถไฟฟ้า  อายุตึก ทำให้สามารถกรองทรัพย์สินที่ตรงกับความต้องการได้ง่ายมากๆ   ถ้าค้นหาบนคอมพิวเตอร์ เรียกว่าค้นหาง่ายที่สุดในตลาดเลยก็ได้  ระบบนี้เราคิดขึ้นมาจากการที่เราเป็นวิเคราะห์ตลาดอส้งหาอยู่แล้ว  ซึ่งเรามักประเมินตลาดด้วยแผนที่เพราะจะเห็นข้อมูลในเชิง Locatoin ง่ายกว่า การวิเคราะห์จากตาราง

Techsauce : ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขายของตลาดเลย

ณัฐพล : ครับ เพราะโดยส่วนตัวเคยซื้อขายคอนโดด้วยตัวเองมา 10 กว่าห้อง เคยใช้นายหน้าเพียง 2 ครั้งเท่านั้น และเพื่อนๆ รอบๆ ตัวหลายคนก็ทำได้โดยไม่ต้องใช้นายหน้า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ๆ ที่ชอบเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเอง  ดังนั้นหามีความตั้งใจจริง การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเองก็ไม่ยากเกินไป

แชร์เรื่องราวการเข้ารอบโครงการบ่มเพาะ โดยเริ่มจากศูนย์

Techsauce : ตอนที่เข้าโครงการกับ Dtac Accelerate ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของเว็บเลยใช่ไหมคะ

ณัฐพล : ใช่ครับ ตอนเราเข้า Dtac ด้วย ตอนนั้นมีแต่ไอเดียเลยครับ  ก็ขอบคุณ Dtac มากๆ ที่มั่นใจและเลือกทีมเรา โดยหลังจากที่เข้าแคมป์แล้ว เราได้ปรับไอเดีย ออกแบบ UX & UI และเริ่มเขียนโปรแกรมใหม่หมดทุกอย่างเลย

Techsauce : แปลว่าเค้าน่าจะเห็นศักยภาพ เพราะทีมอื่นที่เข้ามาส่วนใหญ่มี MVP แล้ว

ณัฐพล : ครับ ผมเดาเอาว่า เขาคงชอบว่าถ้าไอเดียของเราหากทำสำเร็จ คนที่อยากจะซื้อขายบ้านหรือคอนโดด้วยเอง โดยที่ไม่อยากเสียค่าคอมมิชชั่นแพงๆ จะทำได้ง่ายขึ้น  “คงเจ๋งดีถ้าอนาคตจะซื้อขายบ้านได้เองง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้นายหน้า”  และ Dtac ก็คงมั่นใจกับประสบการณ์ในตัวผม

การสร้างการเติบโต

Techsauce :  ตอนนี้มีคนมาลงประกาศแล้วเท่าไหร่ และมีคนมาใช้เว็บมากน้อยแค่ไหนคะ

ณัฐพล :  ตั้งแต่เราเปิดมาได้ 6 เดือน ตอนนี้เรามีประกาศขายและให้เช่าคอนโดแล้วประมาณ 3,000 กว่ารายการครับ และเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรามีผู้ใช้ประมาณ 40,000 กว่าราย เติบโตเดือนละประมาณ 50% เดือนแรกเรามี User ประมาณ 3,000 รายเองครับ  และมิถุนายนนี้ เราน่าจะมีคนใช้ประมาณ 100,000 ราย/เดือน

Techsauce :  แล้วมีวิธีหาคนมาลงประกาศและใช้บริการยังไง

ณัฐพล : หลักๆ ผู้ใช้ของเรามาจากแฟนๆ คอนเทนท์ของเราบนเพจ ZmyHome บน เฟสบุ๊คครับ เนื้อหาที่เด่นๆ เลยของเราคือ การลงทุนสำหรับปล่อยเช่าให้กับชาวญี่ปุ่น เพราะคนไทยที่มีประสบการณ์ด้านนายหน้าให้กับตลาดญี่ปุ่นจะมีไม่มาก  นอกจากนี้ก็จะมีเรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวกับการซื้อ ขาย เช่า คอนโด  รวมถึงการตกแต่งห้องชุดครับ  ตอนนี้เพจของเราก็มีแฟน 10,000 กว่าคน  แล้ว Dtac ก็ช่วยประชาสัมพันธ์ให้เราด้วย ทั้งทาง Facebook  Line และสื่อต่างๆ

Techsauce : แล้วเว็บหารายได้ได้หรือยังคะ

ณัฐพล : ตอนนี้ยังครับ  แต่เรากำลังจะเริ่มขายพื้นที่ Banner ให้กับเจ้าของโครงการ ธนาคาร หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องการจะเข้าถึงผู้ซื้อผู้ขายบ้านครับ  เพราะเราอยากให้ทุกคนได้ใช้เว็บของเราฟรี  เราเพิ่งเริ่มคุยกับ Developer เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เพราะช่วงแรกเราพยายามปรับปรุงส่วนต่างๆ ให้ใช้งานได้ดี และเพิ่มจำนวนผู้ใช้  ก็ถือว่าได้รับความสนใจพอสมควรครับ

Techsauce : ZmyHome จะ Scale หรือ ขยายไปต่างประเทศยังไง

ณัฐพล : คิดว่า Property Tech น่าจะสเกลด้วยการ Take over หรือ M&A เป็นหลักครับ  เพราะ Property มีความ Localize สูง  อาจจะแลกหุ้นกัน แล้วเราก็อาจจะแชร์ความรู้ และ Network กับ Partner ได้  ในการที่จะสร้าง Value ให้ลูกค้าได้มากขึ้น  อนาคต เราอาจจะทำการซื้อขาย Cross border ก็ได้

Techsauce : Goal ปีนี้ของ ZmyHome คืออะไร

ณัฐพล : ปีนี้เราอยากเป็นเว็บที่มีคอนโดที่มีเจ้าของตัวจริงมาลงประกาศมากที่สุดในตลาดครับ ตั้งใจจะให้มีสัก 20,000-40,000 ลิสต์ ซึ่งเราคิดว่ามากพอที่จะทำให้ “คนซื้อ คนเช่าทุกคน” แวะเข้ามาศึกษาราคาและเปรียบเทียบดีลบนเว็บของเราก่อนตัดสินใจ และดึงดูดให้ Sponsor อยากมาลงโฆษณากับเรา  ซึ่งเราต้องการที่จะมีรายได้เพียงพอที่จะให้อยู่ได้ด้วยตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด   นอกจากนี้ ปีนี้เราต้องการระดมทุนให้เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถสเกลได้เร็วยิ่งขึ้น  และพัฒนา Feature และฐานข้อมูลต่างๆ ให้ผู้ซื้อผู้ขาย ซื้อขายได้ง่ายที่สุด เพราะสิ่งนี้เป็น Mission ของ ZmyHome ครับ

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...

Responsive image

กระทรวง AI : เมื่อ AI อันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้ โลกเร่งออกกฎควบคุม

AI กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมาย และต้องถูกจับตาดูโดยหน่วยงานของรัฐบาลอย่าง ‘กระทรวง AI’ ที่มีอำนาจ และความสำคัญไม่แพ้หน่วยงานอื่น ๆ แต่ทำไม AI ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ? กร...