ไม่ต้องกลัวถ้าวันหนึ่ง TikTok หายไป เพราะ Xiaohongshu เคยเฉียดแทนที่มาแล้ว

 Xiaohongshu

เป็นข่าวใหญ่มาแล้วเมื่อช่วงต้นปี 2025 ที่มีกระแสว่าแอป Tiktok แพลตฟอร์มรวมคอนเทนต์บันเทิงยอดฮิตจะหายไป หลังสหรัฐอเมริกาประกาศว่าจะแบนแพลตฟอร์มนี้ไปแบบไม่ทราบกำหนด สร้างความกังวลต่อเหล่าครีเอเตอร์ชาวอเมริกันจำนวนมาก รวมถึงเหล่าผู้ใช้งานที่ติดตามบัญชี Tiktoker ที่ตัวเองชอบไว้ ก็สะเทือนใจไม่แพ้กัน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีชื่อของอีกหนึ่งแพลตฟอร์มปรากฏขึ้นมา นั่นคือ ‘Xiaohongshu’ แอปโลโก้สีแดงที่คุ้นตาพี่จีนมาสักพัก โดยเริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนสามารถแชร์ประสบการณ์การช็อปปิงจากต่างประเทศ รวมถึงรีวิวสินค้าและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แล้วเคยเกือบแทนที่ Tiktok ได้อย่างไร ?

จากไดอารี่ช็อปปิงสู่แพลตฟอร์มระดับโลก

ย้อนกลับไปในปี 2013 Xiaohongshu ก่อตั้งขึ้นโดย Miranda Qu และ Charlwin Mao ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน    ด้วยรูปแบบที่ผสมผสานระหว่าง Pinterest และ Instagram หรือดูไปก็คล้าย ๆ กับ Lemon8 ที่เน้นบอกเล่ารายละเอียดของสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยวผ่านรูปภาพหรือวิดีโอ ทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการความคิดเห็นแบบเรียล ๆ เข้ามาอ่านรีวิวจากแอปนี้กันเป็นจำนวนมาก เพราะไม่ต้องการเสพคอนเทนต์จากครีเอเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่รับค่าจ้างมาอวยสินค้า ดังที่พบเห็นได้ในแพลตฟอร์มอื่น

ในปี 2014 Xiaohongshu จึงเปิดตัวฟีเจอร์ E-Commerce เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าที่เห็นจากรีวิวได้โดยตรงบนแพลตฟอร์ม ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถค้นพบและซื้อสินค้าที่น่าสนใจได้อย่างสะดวกสบาย และจุดนี้เอง เริ่มทำให้ Xiaohongshu มีความละม้ายคล้าย Tiktok ขึ้นมา

ขยายตลาดและเติบโตอย่างรวดเร็ว

ในต้นปี 2025 Xiaohongshu คาดการณ์ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า โดยมีรายได้ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่มีผู้ใช้ที่ใช้งานรายเดือน (MAU) มากกว่า 300 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงวัย 18-34 ปี ที่มีความสนใจในแฟชั่น ความงาม และไลฟ์สไตล์ ครองสัดส่วนการใช้งานถึง 79%

จากแอปจีนสู่ตลาดอเมริกา ในชื่อ ‘RedNote’

จากที่กล่าวในข้างต้นว่าในเดือนมกราคม 2025 มีการคาดการณ์ว่าจะมีการแบน TikTok ในสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้จำนวนมากที่เคยใช้ TikTok เริ่มมองหาตัวตายตัวแทน หันมาใช้ Xiaohongshu ทำให้แอปพลิเคชันนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา ถึงขั้นได้รับยอดการดาวน์โหลดอันดับ 1 ใน App Store เกิดเป็นเทรนด์การติดแฮชแท็กว่า #tiktokrefugee ที่แปลว่า ‘ผู้ลี้ภัยจาก Tiktok’ อย่างแพร่หลาย    แตกต่างจากสิ่งที่หลายคนคาดอย่างสิ้นเชิง ว่าหาก Tiktok หายไปแล้ว คนคงจะแห่มาใช้แพลตฟอร์มของ Meta อย่าง Facebook, Instagram กันมากขึ้น แต่กลับกัน กลายเป็นว่าชาวเน็ตเมกันต้องหันมาซบอกพี่จีนอีกเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม จากการเปลี่ยนท่าทีของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ในตอนนั้น ภายหลังจึงมีประกาศออกมาว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่แบน Tiktok แล้ว ‘Xiaohongshu หรือ RedNote’ จึงเป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมชั่วคราว ก่อนยอดดาวน์โหลดจะค่อย ๆ จางลงตามลำดับ

อดขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง แต่ยังครองอิทธิพลระดับโลกได้

ถึงกระแสเริ่มซา แต่ Xiaohongshu ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากจากการใช้งานของประชากรจีนที่แข็งแกร่ง การสะสมคอนเทนต์จำนวนมากและบทบาทผู้นำเทรนด์ด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ Xiaohongshu เป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้ในการเข้าถึงผู้บริโภคอยู่ดี     และยังคงแผ่ขยายอิทธิพลออกไปนอกประเทศจีนอยู่เรื่อย ๆ นอกเหนือจากผู้ใช้งานทั่วไปที่เข้ามาดูรีวิวแล้ว ยังมีร้านค้าหรือบริษัทที่เป็น ‘Mall’ หรือเป็นบัญชีทางการของแบรนด์ (Official Brand Account) ที่เข้ามาขายสินค้าภายในแอปพลิเคชันอีกมากมาย

ทำให้ Xiaohongshu สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคที่สนใจเทรนด์ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ของจีนหรือของประเทศอื่น ๆ ที่มีในแอปได้ต่อไป และถึงแม้ TikTok จะสะดุดล้มอีกครั้ง ก็ยังมี Xiaohongshu ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่มองหาโลกอีกใบที่คอนเทนต์ไม่เคยหยุดหมุนนั่นเอง

อ้างอิง: thedigitaltips, today, theegg

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ‘Starlink’ จักรวาลอินเทอร์เน็ตของ Elon Musk และยุคไร้จุดอับสัญญาณ

เจาะลึกประวัติศาสตร์ Starlink เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตดาวเทียมพลิกโลกของ Elon Musk ตั้งแต่นวัตกรรม V2 Mini, Laser Links, Direct-to-Cell จนถึงบทบาทสำคัญในสงครามและภารกิจกู้ภัยน้ำท่วมหา...

Responsive image

เนเธอร์แลนด์กับสงครามน้ำพันปี ถอดรหัส ‘Delta Works’ จากปัญหามหาอุทกภัย สู่การบริหารจัดการแบบปรับตัว

เจาะลึก Delta Works โครงการป้องกันน้ำท่วมระดับโลกของเนเธอร์แลนด์ จากหายนะปี 1953 สู่สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรม และโมเดล Adaptive Delta Management รับมือ Climate Change...

Responsive image

เบื้องหลัง 30 ปี SolidWorks จากโปรแกรมเดสก์ท็อป สู่เครื่องมือปลดปล่อยจินตนาการวิศวกร

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซอฟต์แวร์ 3D CAD ถือเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ยากมาก จึงทำให้ SOLIDWORKS ต้องการสร้างซอฟต์แวร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จนในปี 1995 ซอฟต์แวร์ 3D CAD ตัวแรกของโลกที...