
หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้นิยามของที่อยู่อาศัยและการทำงานของคนเปลี่ยนแปลงไป จนอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเลือกที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามบริษัท สโคป จำกัด (Scope) ภายใต้การถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลับเลือกที่จะพัฒนาโครงการ 4 โครงการที่มีมูลค่ารวมถึง 1.5 หมื่นบาท โดย 1 ในนั้นคือโครงการ Scope Langsuan ที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 9,000 ล้านบาท
Techsauce จึงขอชวนอ่านแนวคิดในการทำธุรกิจของคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้บริหารและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปีกับแนวคิดเฉพาะตัวในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
อสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันถูก Disrupt?
เริ่มต้นกับมุมมองต่อการถูกดิสรัปต์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ที่แม้ในกระแสทั่วโลกเริ่มมีแนวคิดการเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าซื้อและการถูกเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่อยู่ไกลจากเมืองได้จากการทำงานแบบ Hybrid แต่คุณยงยุทธมองว่า แนวคิดนี้ในบริบทของประเทศไทยนั้น มีอยู่เพียงส่วนน้อย เพราะมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในไทยยังมีหัวใจอยู่ที่ Location (ที่ตั้ง) ต่างจากในประเทศสหรัฐอเมริกาที่คนสามารถย้ายไปหางานในรัฐอื่น ๆ แต่ประเทศไทยยังอยู่ที่เมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่
ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์วิธีคิดที่สำคัญคือมองให้เป็นการลงทุน เพราะบ้านที่เราซื้อในวันนี้อาจไม่ใช่หลังสุดท้ายและความต้องการของคนจะเปลี่ยนไปตามวัย เมื่อซื้อที่อยู่อาศัยด้วยแนวคิดในการลงทุนแล้ว มูลค่าของที่อยู่อาศัยของเราจะไม่ลดลงตามกาลเวลาแต่จะเติบโตขึ้นจากศักยภาพของ Location ซึ่งที่ตั้งของโครงการ Scope Langsuan นั้นอยู่ในบริเวณชิดลม-หลังสวน ที่นับเป็นหัวใจของเมืองหลวง แม้ว่าใน 30 ปีที่ผ่านมาที่ดินรอบนอกของกรุงเทพมหานครมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่บริเวณที่มีมูลค่าเดิมอย่างวิทยุ ชิดลม หรือหลังสวนยังก็ยังเป็นพื้นที่ทำเลทอง (Prime) ที่สุดที่มีสิ่งแวดล้อม (Surrounding) ที่ดีมากทั้งโรงแรม 6 ดาวและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
หลายคนอาจจะมองว่าคนหันไปซื้อของออนไลน์และรับประสบการณ์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นน่าจะทำให้ที่ดินแถวห้างสรรพสินค้าน่าจะลดความดึงดูดลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีสินค้าหลายอย่างที่ดิจิทัลและออนไลน์ไม่สามารถทดแทนประสบการณ์จริงได้ และเมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด 19 ก็ยิ่งทำให้คนเห็นคุณค่าของการออกนอกบ้านไปเจอคน ไปจับของจริง ๆ
แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัย
จากประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คุณยงยุทธที่ผ่านประสบการณ์ในการช่วยขายที่ดินที่อยู่อาศัยต่าง ๆ มามาก กลับไม่ได้มองตัวเองเป็น ‘นักขาย’ แต่มองตัวเองเป็น ‘นักพัฒนา’ เพราะการจะทำให้คนซื้อของ ของชิ้นนั้นต้องมีคุณค่าและเหมาะกับเขาต่างหาก ดังนั้นการจะทำให้สินค้าเหมาะกับผู้บริโภคนั้น ผู้พัฒนาจะต้องรู้ว่าผู้ซื้อมองหาอะไร คิดอย่างไร จึงจำเป็นต้องหาข้อมูลและเข้าใจสินค้าจริง ๆ
“หัวใจของการขายคือการเข้าใจลูกค้า ปัจจุบันมีโลกออนไลน์ที่สามารถดึงข้อมูลที่เป็น Key มาวิเคราะห์ได้”

เมื่อ 20 ปีก่อน คุณยงยุทธเดินทางไปเที่ยวบาหลีกับทีม ได้ไปพักในที่พักหนึ่งที่มีการตกแต่งที่แตกต่างจากที่พักอื่น ๆ ที่มักตกแต่งแบบเขตร้อน (Tropical) ซึ่งก็ทำให้ที่พักตรงนั้นมีความโดดเด่น และสร้างความพอใจให้กับทุกคนที่ได้ไปพัก จึงเกิดเป็นแนวคิดในการ 'เปลี่ยนสูตรคิด’ ในการพัฒนาที่ดิน ที่ต้องเปิดใจ (Open mind) มองหาสิ่งใหม่ ๆ และรับฟังลูกค้า แต่การรับฟังลูกค้าและมองหาสิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่การมองไปทั่ว จะต้องโฟกัส (Focus) ให้เห็นชัดว่าเรากำลังทำอะไร ทั้ง 2 คำนี้จึงเข้าไปอยู่ในชื่อ Scope (กล้องส่องทางไกล) ที่กล้องนั้นจะชัดได้ก็ต้อง Focus สิ่งที่สำคัญ และ Open mind
คุณยงยุทธสรุปแนวคิดของการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า หัวใจสำคัญนั้นประกอบด้วย 3 ส่วนหลักที่เป็นพื้นฐาน คือ Location (ที่ตั้ง), Style (สไตล์) และ Service (การบริการ) ซึ่งเมื่อสามารถทำได้ทั้ง 3 ส่วนแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ Trust (ความเชื่อใจ) จากลูกค้า
คนเห็นเยอะอ่านเยอะ เกิดกลุ่ม International Premium
Scope เข้ามาประมูลที่ดินย่านหลังสวนในปี 2561 ด้วยมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ Scope Langsuan ถือเป็นโครงการ Flagship ของ Scope ที่มีมูลค่ารวมถึง 9,000 ล้านบาท ที่ได้เปิดให้เริ่มโอนห้องและรับรู้รายได้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 เป็นหนึ่งในโครงการหลักร่วมกับโครงการ Scope Promsri อาคารชุด 8 ชั้นในซอยพร้อมศรี ย่านใจกลางสุขุมวิทที่เชื่อมต่อกับซอยพร้อมพงษ์ ซอยกลาง และซอยทองหล่อ ด้วยมูลค่า 1,350 ล้านบาท
แม้จะประมูลที่ดินมาด้วยราคาที่สูงมาก แต่จากประสบการณ์ของคุณยงยุทธและแนวคิดที่ตกผลึกมาทำให้รู้ว่าแปลงนี้คือของดีที่มีมูลค่าในตัวแบบไม่ต้องเถียงกันว่า Location นี้ดีหรือไม่ สิ่งที่ต้องทำต่อคือ การหาข้อมูล มองหาตลาด เปรียบเทียบพื้นที่โดยรอบ จนมองเห็นว่าโจทย์ของเขาคือการทำให้สิ่งที่จะสร้างบนพื้นที่นี้สวยเหมาะสมกับทำเลที่ได้มา
ตั้งแต่ 5 ปีก่อน ทีมคุณยงยุทธมองเห็นกลุ่มคนที่เห็นโลกมามากและมองหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับรสนิยมของตัวเอง เรียกคนกลุ่มนี้ว่า International Premium ที่ไม่ได้หมายถึงชาวต่างชาติที่มีเงิน แต่หมายถึงกลุ่มคนที่มี International Mindset (มุมมองที่เป็นสากล) ที่ได้เห็นแนวการตกแต่งที่หรูหราและสวยงามมามาก ทำให้เขาตกผลึกกับตัวเองแล้วว่าอยากจะได้ที่อยู่อาศัยแบบไหน แต่ยังไม่มีตลาดที่ตอบโจทย์
“ข้อมูล เป็นรากฐานของการทำงาน ต้องรวบรวมข้อมูลมาให้มาก และที่สำคัญข้อมูลต้องถูกต้อง”
New Luxury
เมื่อเข้าใจและเห็นถึงกลุ่มคนที่อยากได้ที่อยู่อาศัยแบบไหนแล้ว โจทย์สำคัญคือต้องทำให้คนที่อยู่อาศัยที่นี่ ภูมิใจกับบ้านของตัวเอง สิ่งแรกคือ Location ที่สโคปได้พื้นที่บริเวณหลังสวนมาแล้ว ส่วน Style จึงได้มอบให้กับนักออกแบบระดับโลกคือ โธมัส ยูล-ฮันเซน (Thomas Juul–Hansen) มาช่วยให้การออกแบบที่อยู่อาศัยที่คนจะอยู่ได้ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
“คนในต่างประเทศจำได้ว่าตึกไหนใครเป็นสร้าง สร้างขึ้นในปีไหน เพราะตึกมันสวยและมีเอกลักษณ์ ผมอยากให้มีตึกสวย ๆ ในไทยบ้าง”
ในอดีต ความหรูหราเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัว (Privacy) ที่เราจะเห็นได้จากการตกแต่งและออกแบบปราสาทพระราชวังในยุโรป ที่เน้นความเป็นส่วนตัว มืด ทึม แต่ปัจจุบันความหรูหราคือ พื้นที่กว้าง (Space) และแสง (Light) ทำให้ Scope Langsuan ออกแบบให้มีเพดานสูงถึง 3.5 เมตร มีกระจกเต็มบานจากพื้นถึงเพดาน (Full-length window) เมื่อรวมเข้ากับสีขาว ไม้ และหินอ่อน ทำให้ห้องดูสว่างและกว้างได้ในเวลาเดียวกัน

เมื่อได้ Location และ Style แล้ว ส่วนสุดท้ายคือ Service (การบริการ) ที่ลูกบ้านเมื่อซื้อคอนโดมีเนียมไปแล้ว จะต้องอยู่กับนิติบุคคลของคอนโด ที่พออยู่ไปผู้อยู่อาศัยบางคนก็เจอปัญหาหลายอย่าง แถมยังต้องไปรอประชุมคอนโดรายเดือน รายปี จึงเกิดแนวคิดว่าลองให้ผู้พัฒนาดูแลต่อ เพื่อให้คนที่เข้าใจคอนโดตั้งแต่ตอนสร้างมาดูแลการอยู่อาศัยจริงไปเลย โดยผู้พัฒนาจะอยู่ในฐานผู้ดูแลที่เป็นกรรมการ แต่ไม่มีอำนาจในการออกเสียง (โหวต) ลงคะแนนต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถสร้างบริการที่จะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้จริง เช่น การมีบริการ House Keeping ให้ลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ชีวิตในเมือง หรือการอนุญาตให้มีสุนัขในพื้นที่คอนโดได้
“ผมอยากสร้างให้ Scope Langsuan ยืนอยู่บนเวทีโลกได้”
นอกจากนี้ ความพิเศษ (Exclusivity) ของอาคารก็ช่วยส่งเสริมความหรูหราได้ ซึ่งการทำให้เกิด Exclusivity มีความละเอียดอ่อน ทั้งจำนวนยูนิตที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป ความสูงของตึก ความกว้างที่เหมาะสมของที่ดิน โดยยกตัวอย่างจากในโครงการ Scope Langsuan ที่มีขนาดที่ดินพอเหมาะสำหรับ 1 ตึก เพราะถ้าเป็น 2 ตึกก็อาจจะบังแสง บังวิวกัน และเมื่อสร้างมาด้วยเนื้อที่ 30,000 ตารางเมตรก็ถือว่าเป็นที่ดินที่เหมาะสมมากในการทำให้โครงการมีความพิเศษเฉพาะตัว
ทักษะสำคัญที่สุดของผู้บริหาร
เมื่อถามลึกลงไปว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นพื้นฐานในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ คุณยงยุทธพูดถึงทีมเบื้องหลังของเขาที่มีทีมราว 40 คน ครอบคลุมตั้งแต่ทีมการตลาด ทีมขาย ไปจนถึงทีม Property management โดยหลายคนก็ทำงานมาด้วยกันกว่า 10 ปีแล้ว บนพื้นฐานของการอยากให้พนักงานมีความสุขและทำงานสนุก

“การสร้างทีมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดตั้งแต่ต้น และการทำงานต้องสนุก เมื่อสนุกแล้วจะทำงานได้ดี”
เมื่อการสร้างทีมเป็นสิ่งที่สำคัญ การเลือกคนจึงต้องเริ่มต้นที่ ‘Attitude (ทัศนคติ)’ เพราะคนเราเมื่อมีความรู้ มีการศึกษานั้นไม่ต่างกันมาก แต่จะต่างกันที่ทัศนคติ ที่จะทำให้พนักงานช่วยกันทำงานได้ดี ไม่มีมุ้งเล็กมุ้งใหญ่ ต่อจากนั้นก็ต้องทำให้ทีมเข้าใจบทบาทของการเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย โดยเราก็ต้องชัดเจนกับคนของเราว่างานประเภทนี้ จะมีช่วงที่ต้องทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องเข้าใจองค์กรของเราว่าเป็นองค์กรแบบไหน เวลาเจอปัญหาจะได้สู้ไปด้วยกัน
การทำงานใน Scope คุณยงยุทธไม่ได้ต้องการเห็นพนักงานทำงานจนดึกดื่น แต่ต้องการให้พนักงานทำงานหนักและเต็มที่ในเวลางาน จนเมื่องานเสร็จก็สามารถเลิกงานตอน 6 โมงเย็น ออกไปเจอเพื่อนตอน 1 ทุ่มครึ่งได้ทันหรือได้กลับบ้านไปทำอย่างอื่นในชีวิต
“ผมไม่เชื่อว่าออฟฟิศจะเป็นบ้าน ทำงานให้เสร็จ พอเลิกงานแล้วกลับบ้านไปทำอย่างอื่น”
โดยการเป็นผู้บริหารยังต้องคอยตามความเปลี่ยนแปลงของสมัยให้ทัน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการทำงานแบบ Hybrid สลับการทำงานที่บ้านกับการเข้าออฟฟิศ ความเท่าเทียมทางเพศที่ต้องเข้าใจความลื่นไหลของรสนิยมทางเพศ ไปจนถึง Celebrity ใหม่ ๆ อย่าง Blackpink, Jackson Wang หรือมิลลิ ว่ามีผลงานอะไร มีบุคลิกอย่างไร เพื่อให้เข้าใจตลาด เข้าใจสิ่งที่พนักงานชอบ รวมถึงลูกค้าได้
แต่นอกจากพนักงานในทีมแล้ว การเป็นผู้บริหารยังต้องพูดคุยและตอบสนองกับทั้งลูกค้า หุ้นส่วน และสังคม การจะทำให้ทุกคนยอมรับและทำตามผู้บริหารได้รอบด้านนั้นต้องมีข้อมูลมาคุยกับทุกฝ่าย ให้เห็นถึงเหตุผลในการตัดสินใจ ยิ่งหากผู้บริหารเป็นคนที่มีสัจจะนั้น ก็จะทำให้สามารถทำงานได้ง่าย มีเครดิตที่ดี รวมถึงเกิดความเชื่อใจระหว่างกัน
มองอนาคตของที่อยู่อาศัยและที่ทำงาน

แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีและเทรนด์ใหม่ ๆ แต่ Location ยังเป็นหัวใจสำคัญของการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบชีวิตในเมือง ก็จะชอบอาศัยอยู่ในคอนโดที่เดินทางสะดวก ต้องการการดูแลน้อย เข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ง่าย
“พอเป็นคอนโดแล้ว แค่คุณเดินไกลกว่า 200 เมตร คุณก็รู้สึกไกลแล้ว เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน”
คุณยงยุทธคาดว่าในอนาคตอันใกล้ คนจะกลับมาซื้อคอนโดที่อยู่ในเมืองเพราะความสะดวกสบายในการเดินทาง คอนโดที่มีบริการที่ดีเพราะผู้อยู่อาศัยไม่ต้องรับผิดชอบมาก ช่วง 2-3 ปีมานี้ คนอยู่บ้านกันจนรู้สึกเบื่อ อยากออกไปเจอเพื่อน ไปห้างสรรพสินค้า การเดินทางง่ายจึงเป็นหัวใจสำคัญ คอนโดที่มี Location ที่ดีก็ยังเป็นที่ต้องการ ทั้งยังน่าจะเลือกซื้อจากคุณภาพและซื้อห้องที่สร้างเสร็จแล้วมากกว่าซื้อสัญญาล่วงหน้า
นอกจากที่อยู่อาศัยแล้ว CEO ของบริษัท สโคปฯ ยังมองว่า การทำงานที่บ้านน่าจะลดลง แต่เป็นโจทย์ของบริษัทและผู้บริหารว่าจะทำอย่างไรให้ออฟฟิศน่าอยู่ขึ้น เพื่อให้พนักงานอยากมาทำงานที่ออฟฟิศ
“ถ้า Home ดีกว่า Work (place) คนก็อยู่บ้าน แต่ถ้า Work (place) ดีกว่า Home คนก็จะมาทำงานที่ออฟฟิศ”
คุณยงยุทธได้ย้ำแง่คิดในช่วงท้ายว่า ในการเลือกซื้อคอนโดนั้น ให้มองเป็นการการลงทุน เพราะหากเราเลือกที่ดินที่จะเติบโตได้ เราก็จะเหมือนได้ทรัพย์สินมาเพิ่ม มูลค่าของมันก็จะไม่เสียไปหรือเพิ่มขึ้น โดยตัวช่วยสำคัญคือการเลือก Location ที่ดี อย่างที่ดินบริเวณหลังสวนที่เป็นที่ตั้งของโครงการ Scope Langsuan นี้ที่ยังมีศักยภาพและมูลค่าอีกมาก
บทความนี้เป็น Advertorial