4 เสาหลักสู่นวัตกรรม ความสำเร็จที่ยั่งยืน ที่องค์กรขาดไม่ได้ | Techsauce

4 เสาหลักสู่นวัตกรรม ความสำเร็จที่ยั่งยืน ที่องค์กรขาดไม่ได้

ปัญหาใหญ่ขององค์กรในการสร้างนวัตกรรมมักไม่ใช่การขาดแคลนไอเดีย สิ่งที่เป็นปัญหาจริงคือ "คุณภาพ" ของไอเดียเหล่านั้น รวมถึงวิธีการ ”เลือก” ไอเดียที่เหมาะสมเพื่อนำไปพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่สร้างคุณค่าได้จริง 

หลายองค์กรต้องสูญเสียทรัพยากรไปกับไอเดียที่ไม่ผ่านการคัดกรอง หรือเลือกลงทุนในไอเดียที่ตามกระแสมากเกินไปจนพลาดโอกาสสร้างความแตกต่างให้กับองค์กรของตน

จากการวิจัยของหนังสือ The Innovative Leader: Step-by-Step Lessons from Top Innovators for You and Your Organization ซึ่งอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ผู้นำกว่า 50 คนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ พบว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จในด้านนวัตกรรมมักมี "เสาหลัก 4 ประการ" ที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องดังต่อไปนี้

1. การตรวจจับเทรนด์ (Trend Sensing)

การจับเทรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงได้ทันกระแส แต่ปัญหาคือหลายองค์กรมักจะรับรู้เทรนด์ช้าเกินไป หรืออาจวิเคราะห์เทรนด์ที่ได้ในลักษณะที่กว้างและไม่เจาะจง ทำให้พลาดโอกาสในการสร้างคุณค่าที่แท้จริง

หลายบริษัทมักกระโดดเข้าใส่เทรนด์ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่มักทำเมื่อเทรนด์นั้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนยิ่งสูงขึ้นและมีความเสี่ยงมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Nestle ซึ่งซื้อกิจการ Jenny Craig ในปี 2006 เพื่อตอบสนองกระแสลดน้ำหนักในยุคนั้น แต่แนวโน้มได้เริ่มเปลี่ยนไปสู่การบริโภคอาหารที่คำนึงถึงโภชนาการด้านอื่น ๆ มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจนี้ไม่ประสบความสำเร็จและต้องขายกิจการในราคาถูกในอีก 7 ปีต่อมา 

ในทางกลับกัน PepsiCo ใช้แคมเปญ “Do Us a Flavor” เพื่อสำรวจความต้องการรสชาติใหม่ของผู้บริโภค โดยใช้วิธีการที่ต้นทุนต่ำ ให้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง และมีความเป็นกลาง

องค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จในด้านนี้ควรมีเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบเทรนด์แบบเรียลไทม์ เช่น การสำรวจความคิดเห็น การจัดประกวด หรือการเข้าร่วมงานประชุมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อค้นหาแนวทางที่ตอบโจทย์ตลาดได้อย่างรวดเร็ว

2. ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partnerships)

การสร้างนวัตกรรมไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์คือกุญแจสำคัญ การร่วมมือกับพันธมิตรภายนอก ทั้งซัพพลายเออร์ ลูกค้า มหาวิทยาลัย สตาร์ทอัพ หรือแม้แต่บริษัทต่างอุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้นวัตกรรมก้าวกระโดด เช่นเดียวกับ Levi's ที่ร่วมมือกับ Google พัฒนาเสื้อผ้าอัจฉริยะ สิ่งสำคัญคือการทุ่มเทสร้างสัมพันธ์ระยะยาว และมองหาศักยภาพของพันธมิตรที่ดูอาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกันก็ตาม อย่าพลาดโอกาสเติบโตแบบ Yahoo! ที่เคยปฏิเสธ Google ในช่วงเริ่มต้น

นอกจากนี้ยังมี Johnson & Johnson ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายพันธมิตร โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสตาร์ทอัพ ให้การสนับสนุนทั้งด้านเงินทุน ทรัพยากร และพื้นที่ โดยไม่จำเป็นต้องถือหุ้น ซึ่งทำให้ Johnson & Johnson ได้เปรียบในการสร้างความร่วมมือในอนาคต กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างข้อตกลงและพันธมิตรทางธุรกิจมากมาย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน

องค์กรที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้มักมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และมุ่งมั่นในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่ยั่งยืน

3. โครงการสำหรับผู้มีความคิดแบบผู้ประกอบการในองค์กร (Intrapreneur Programs)

พนักงานที่มีไอเดียใหม่ๆ มักเผชิญกับอุปสรรคภายในองค์กร บางครั้งพวกเขาอาจต้องปรับลดขนาดไอเดียเพื่อให้ผ่านการอนุมัติได้ง่ายขึ้น หรือถึงขั้นตัดสินใจลาออกเพื่อนำไอเดียไปพัฒนาภายนอก กรณีของ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple ที่เคยถูก HP ปฏิเสธไอเดียคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลถึง 5 ครั้ง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้

Google เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีในการจัดการเรื่องนี้ บริษัทมีโครงการที่อนุญาตให้พนักงานนำเสนอไอเดียและรับทุนสนับสนุนเพื่อพัฒนาต่อในช่วงเวลาที่กำหนด หากโครงการล้มเหลว พนักงานสามารถกลับไปทำงานเดิมได้โดยไม่มีผลกระทบ ตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดจากโครงการนี้คือ Gmail

การสนับสนุนผู้ประกอบการภายในเป็นวิธีที่องค์กรสามารถรักษาไอเดียที่มีศักยภาพไว้ได้ โดยให้พนักงานมีพื้นที่ในการทดลองและพัฒนานวัตกรรมโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความล้มเหลว

4.การสร้างชุมชนนวัตกรรม (Innovation Communities)

นวัตกรรมมักเกิดขึ้นจากการผสมผสานความคิดหลากหลาย แต่องค์กรหลายแห่งยังขาดพื้นที่ให้ทีมนวัตกรรมได้เชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ซึ่งอาจทำให้นักสร้างสรรค์รู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงบันดาลใจ 

การสร้างชุมชนนวัตกรรมไม่ต้องลงทุนสูง แต่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือข้ามสายงาน และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อย่าปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์สูญหายไปเหมือนบริษัท Atari ที่ Steve Jobs เลือกที่จะทิ้งไปเนื่องจากไม่มีพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนไอเดียที่มากพอ

Bayer บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชีววิทยาศาสตร์ สร้างชุมชนนวัตกรรมภายในองค์กรกว่า 700 คนทั่วโลก สมาชิกได้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน แข่งขันกัน และส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมประจำปี สิ่งนี้ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนวิธีการทำงาน โมเดลธุรกิจ และความเชี่ยวชาญต่างๆ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมนี้ช่วยให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินการเกษตรที่ขยายไปทั่วโลก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากไอเดียของทีมการเงินและการตลาดในกรีซ นี่คือตัวอย่างของพลังจากชุมชนนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

นวัตกรรมไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคหรือความบังเอิญ แต่เป็นผลจากการสร้างกลไกที่ชัดเจนและยั่งยืน เสาหลัก 4 ประการที่กล่าวมานี้ช่วยให้องค์กรสามารถคัดกรองไอเดียที่มีคุณภาพ สนับสนุนการพัฒนาแนวคิดใหม่ และสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

อ้างอิง: hbr

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จากโรตีสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน : กรณีศึกษาการสร้างธุรกิจ SMEs ที่ยั่งยืนในพื้นที่ท้าทาย โดย ดร. มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ

สำรวจแนวคิด “จากโรตีสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน” โดย ดร. มูฮัมหมัดฟาห์มี ตาเละ CEO De Forest Group ในงาน Thailand Economic Monitor 2025 กับกลยุทธ์การสร้างธุรกิจ SMEs ที่ยั่งยืนในพื้นที่เศ...

Responsive image

ไขความลับ Gen AI โอกาส ข้อจำกัด และวิธีใช้ ในการวางกลยุทธ์สำหรับ CEO

เรากำลังประเมินความสามารถของ AI สูงเกินไปหรือไม่? และ AI จะสามารถช่วยเหลือในด้านใดของการวางแผนกลยุทธ์? บทความนี้จะตอบคำถามเหล่านี้ผ่านกรณีศึกษาสองกรณีเกี่ยวกับการใช้ gen AI ในการวา...

Responsive image

เมื่อพายุเศรษฐกิจโหมเข้า CFO จะขับเคลื่อนองค์กรอย่างไร? ดีลอยท์ชวรรู้จัก CFO Trilemma

CFO ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างสมดุลระหว่างการฟันฝ่าวิกฤต สร้างคุณค่าระยะยาว และพัฒนาขีดความสามารถของทีม เพื่อความยั่งยืนขององค์กร...