
หลังจาก ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI เผยทิศทางการขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล (Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2569 ผ่านแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลระดับชาติ (D2) และโครงการปัญญาประดิษฐ์ภาษาไทย ThaiLLM ศ. ดร.ธีรณีก็อธิบายเพิ่มทั้งด้านแนวคิด แนวทางใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเชื่อมโยงข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก Data เช่น ใช้แก้ปัญหาในช่วงวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา และไม่ว่าคุณจะรู้หรือไม่ จนถึงวันนี้...ยังมีคนไทยอีกไม่น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเยียวยาและฟื้นฟู
เพราะ 'องค์ความรู้ด้านข้อมูล' เป็นฐานสำคัญในการคาดการณ์ ติดตาม และตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ใดๆ อาทิ ภัยความมั่นคง ภัยธรรมชาติ ภัยเศรษฐกิจ หรือสงครามการค้า ภาครัฐจึงจัดตั้ง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ขึ้น โดยมีภารกิจสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลระดับชาติ เพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐให้มีความทันสมัย เชื่อมโยง และตอบสนองความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล

"Mission หลัก ๆ ของ BDI มีอยู่ 3 แกน แกนที่ 1 การอินทิเกรต บูรณาการข้อมูลภาครัฐตามกรม กระทรวงต่างๆ เข้ามา เพื่อการใช้ประโยชน์ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ ไม่ได้เพื่อให้บริการประชาชนโดยตรง แล้วยังบริการวิเคราะห์ให้คนในกระทรวงด้วย คือ ถ้าเขาดึงข้อมูลมาได้แล้วต้องการความช่วยเหลือ หรือการใช้เทคโนโลยีที่เราใช้อย่างพวก AI, Data Sciences อะไรพวกนี้ เราก็เข้าไปช่วยทำให้
"แกนที่ 2 การสร้างให้เกิดระบบนิเวศด้าน Big Data และ AI ในประเทศเอง อันนี้ก็จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ Matching กันระหว่างคนที่เขาอยากใช้ AI แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือคนที่เป็น AI Provider แต่หาลูกค้าไม่เจอ หรือแนะการใช้ AI ให้เข้าใจกันมากขึ้น ส่วนแกนที่ 3 จะเป็นเรื่องของการทำงานบนแนวคิดที่ว่า ทำยังไงให้คนในประเทศรู้จักดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ทำยังไงให้วิธีการมันสเกลไปได้หลาย ๆ ที่ และ Sustain ได้นานๆ" ศ. ดร.ธีรณีกล่าว
สำหรับการพัฒนาระบบกลางที่ช่วยให้ข้อมูลจากหลายหน่วยงานสามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน และนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการใช้รับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ทาง BDI จึงพัฒนา Data Integration and Intelligence Platform เรียกสั้นๆ ว่า DII/D2 หรือ ดีทู แพลตฟอร์มเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้ใช้งานมาได้ราว 1 ปี ตามแนวคิด Digital Wall of Resilience ที่ไม่ใช่เพียงเครื่องมือด้านข้อมูล แต่สร้างเป็น 'ระบบนิเวศความร่วมมือ' ที่เชื่อมโยงข้อมูลและความร่วมมือเพื่อช่วยให้ประเทศเผชิญความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคมได้อย่างมีทิศทาง

ในไตรมาสท้ายของปี 2568 BDI นำทีมโดย ศ. ดร.ธีรณี ออกมาประกาศมาตรฐานของแพลตฟอร์ม D2 เช่น Infrastructure Architecture, Data Governance, Data Pipeline, Data Model, และ Data Security และให้ข้อมูลเพิ่มว่า ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานเชื่อมข้อมูลกับแพลตฟอร์ม D2 แล้ว แต่จะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบในปี 2569 จากนั้นจะขยายบริการด้านปัญญาประดิษฐ์ต่อไป


จำได้ไหมว่า ในช่วงน้ำท่วมใต้มีแพลตฟอร์มมากมายที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปแจ้งเหตุ แจ้งขอความช่วยเหลือ แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันและมีผลต่อความอยู่รอด หลายคนจึงเร่งแจ้งผ่านหลายช่องทาง/แพลตฟอร์ม เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด กอปรกับการไม่มีหน่วยงานหรือแพลตฟอร์มกลางในการจัดเก็บข้อมูลความเดือดร้อนทั้งหมด ทำให้หน่วยงานหรือองค์กรที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือเกิดความสับสน เข้าใจผิด เนื่องจากมีข้อมูลทับซ้อนกันจำนวนมาก บางส่วนได้รับความช่วยเหลือล่าช้า บางส่วนได้รับความช่วยเหลือซ้ำ เพราะไม่มีข้อมูลอัปเดตว่า ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือได้รับความช่วยเหลือแล้ว
BDI จึงบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลกับ 13 แพลตฟอร์มภาคประชาชน เช่น jitasa.care, Traffy Fondue, hatyaiflood.com เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการแจ้งเคสขอความช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ ยังช่วยตรวจสอบสถานะการปิดเคส และส่งข้อมูลให้หน่วยงานภาคีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นภาพรวมเดียวกันแบบเรียลไทม์ โดยใช้เวลาพัฒนา 'ถนนเชื่อม' เพื่อกรองและวิเคราะห์ข้อมูลความเดือดร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ แบบแข่งกับเวลาและความเป็นความตาย
BDI ยังร่วมมือกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เชื่อมโยงข้อมูลผู้อพยพในศูนย์พักพิง เพื่อให้การช่วยเหลือมีความแม่นยำและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ BDI ยังอยู่ระหว่างพัฒนา ระบบตรวจสอบสถานที่จัดเก็บรถที่ถูกเคลื่อนย้ายจากพื้นที่น้ำท่วมร่วมกับกรมการขนส่งทางบก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเครือข่ายอาสาสมัคร เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบสถานะรถได้อย่างถูกต้องและอัปเดตที่สุด

จากที่ ศ. ดร.ธีรณีเล่าถึงปัญหาและความท้าทายในการจัดการภัยพิบัติกรณีน้ำท่วมหาดใหญ่ สามารถแยกประเด็นปัญหา กลไกและแพลตฟอร์มแก้ไขปัญหา การสร้างมาตรฐานข้อมูล ได้ดังนี้
ศ. ดร.ธีรณีย้ำในตอนท้ายว่า 'การเชื่อมโยงข้อมูลจากรัฐบาลและกำหนดมาตรฐานล่วงหน้า' เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยประเทศ ช่วยประชาชนให้อยู่รอด และตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินได้ออย่างทันท่วงที
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด