จะทำอย่างไรให้วันหยุดที่ไม่ได้พัก ยังคงเป็นวันหยุดได้เหมือนเดิม?
วันหยุดพักผ่อนถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเติมพลังและฟื้นฟูความสดชื่นให้กับชีวิต แต่สำหรับหลายๆ คน การผสมผสานระหว่างงานและความบันเทิงในช่วงเวลาอันมีค่าเหล่านี้ อาจกลายเป็นภาระที่หนักอึ้ง การต้องเตรียมงาน จัดการธุระสำคัญ หรือแก้ไขปัญหาภาระงานเร่งด่วนขณะเดินทาง อาจทำให้รู้สึกได้ว่าพลาดโอกาสพักผ่อนอย่างแท้จริง
ถึงแม้การจัดสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หากมีการวางแผนและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ขอเสนอเคล็ดลับ 5 ข้อในการจัดการงานและเวลา เพื่อให้คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องทำงานบ้างในช่วงวันหยุด ช่วยให้คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ความสุขและความสดชื่นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องแบกภาระความกดดันจากงานตลอดเวลา
อันดับแรกคือต้องแจ้งให้ทุกคนรับรู้ก่อนว่าเราตั้งใจจะหยุดพักผ่อน แม้ว่าคุณจะวางแผนที่จะทำงานบ้างในช่วงวันหยุด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความกดดันได้อย่างมาก หากต้องเดินทางในช่วงเวลาทำงาน ให้ตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติแทน
ดังนั้นการไม่แจ้งให้คนอื่นรู้ว่าคุณไม่อยู่ อาจนำไปสู่ความกังวลและความเครียดกับงานที่จะเข้ามาตลอดเวลา เนื่องจากอาจทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ รู้สึกว่าเรากำลังละเลยงานหรือไม่สนใจงานได้
การคอยมองหางานด่วนอาจทำลายเวลาพักผ่อนได้โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการเช็กโทรศัพท์ตลอดเวลา หรือแม้ไม่ได้เปิดอีเมลก็ยังคงกังวลว่าควรเช็กหรือไม่
หากไม่สามารถทำงานเต็มวันในช่วงวันหยุด ก็ควรจะมอบหมายงานให้ผู้ช่วยหรือเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ดูแลแทน โดยกำหนดชัดเจนว่าให้ติดต่อเมื่อไหร่ เช่น ถ้ามีอีเมลจากลูกค้าที่เกี่ยวกับคดีสำคัญ ให้ติดต่อทันที แต่หากเป็นเรื่องทั่วไป ให้รอจนกว่าจะกลับ เป็นต้น นอกจากนี้ อย่าลืมแจ้งวิธีการติดต่อ เพื่อลดการเช็กอีเมลหรือข้อความระหว่างเวลาพักผ่อน
การวางแผนประชุมอย่างเป็นทางการอาจได้ผลตั้งใจทำงานเต็มวันและมีสถานที่และอินเทอร์เน็ตพร้อม แต่ถ้าอยู่ในวันหยุดแล้ว การกำหนดเวลาประชุมแบบตายตัวในช่วงกลางวันหรือเย็นอาจสร้างปัญหาได้ง่าย
ในระหว่างการเดินทาง แผนที่คิดว่าแน่นอนอาจเปลี่ยนไป เช่น ทริปล่องเรือที่มีกำหนดจบตอน 14.00 น. อาจล่าช้าถึง 14.45 น. หรือแผนอยู่ริมสระว่ายน้ำที่โรงแรมทั้งวัน อาจถูกเปลี่ยนเป็นการไปเที่ยวชายหาดแทนเป็นต้น ทำให้ต้องเลือกระหว่างพลาดช่วงเวลากับครอบครัวหรือหาทางเลื่อนการประชุม
เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ พยายามใช้การสื่อสารแบบข้อความหรืออีเมลที่ไม่จำเป็นต้องหากจำเป็นต้องโทรจริงๆ ให้ยืดหยุ่น เช่น “จะโทรหาช่วงบ่าย” แทนที่จะกำหนดเป็น “จะโทรตอน 13.00 น.” การกำหนดเวลาแบบหลวมๆ นี้ ช่วยให้ยังสามารถสนุกกับวันหยุดได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลงานที่รออยู่
แม้จะอยากตอบตอบคำถามเล็กๆ น้อยๆ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน หรือทำงานเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเดินทางมากแค่ไหน แต่หากคุณต้องการรู้สึกว่าได้หยุดพักจริงๆ คุณควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานที่ไม่จำเป็น ตั้งกฎกับตัวเองว่าให้เปิดเฉพาะข้อความหรืออีเมลที่เกี่ยวกับเรื่องเร่งด่วนเท่านั้น หากคุณเปิดข้อความอื่น คุณอาจรู้สึกว่าต้องตอบกลับทันที หรือคิดถึงคำตอบจนรบกวนการพักผ่อน
วิธีที่ดีที่สุดคือมอบหมายให้คนอื่นดูแลเรื่องทั่วๆ ไป และโฟกัสเฉพาะงานสำคัญหรือเร่งด่วนจริงๆ เพื่อให้สามารถพักผ่อนได้เต็มที่โดยไม่ต้องคิดถึงงานที่ไม่เร่งด่วน เคล็ดลับสำคัญคือมั่นใจว่าเรื่องสำคัญจะถึงมือเราเมื่อจำเป็น ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ต้องผ่านมือเรา เพื่อให้สามารถปล่อยวางและพักผ่อนได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวล
การไม่กำหนดเวลาการทำงานในช่วงวันหยุดอาจทำให้เสียทั้งเวลาและพลังงาน เช่น การเริ่มงานช้าหลังอาหารเช้าจนลากยาวไปถึงบ่าย อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนเสียวันหยุดไปทั้งวันแม้จะทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม นอกจากจะไม่สร้างแรงจูงใจในการทำงานแล้ว ยังทำให้วันหยุดที่มีหมดสนุกอีกด้วย
ดังนั้นการกำหนดเวลาทำงานในช่วงวันหยุดพักผ่อนล่วงหน้าอย่างชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถวางแผนกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น วางแผนทำงานช่วง 12.00 น. ถึง 17.00 น. แล้วไปพักผ่อนกับเพื่อนหรือครอบครัว หรือ ทำงานแค่ช่วงเช้าแล้วปล่อยให้เหลือเวลาว่างสำหรับกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้น
ถึงแม้การทำงานในวันหยุดอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับใครหลายคน แต่ด้วยการวางแผนล่วงหน้าและตั้งขอบเขตการทำงานอย่างชัดเจน คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่และสร้างความทรงจำดีๆ แม้ต้องทำงานบ้างก็ตาม การจัดลำดับความสำคัญและรักษาความยืดหยุ่นทั้งในแง่ของการทำงานและการพักผ่อน จะช่วยให้วันหยุดของคุณยังคงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและสดชื่น และยังคงเป็นวันหยุดได้อย่างแท้จริง
อ้างอิง: hbr.org
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด