7-Eleven เตรียมติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า Direct Current Fast Charging (DCFC) อีก 250 แห่ง ซึ่งจะมีแท่นชาร์จประมาณ 500 พอร์ต ในสหรัฐฯ และแคนาดา ภายในสิ้นปี 2022 โดยเป็นการสร้างสถานีเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 22 แห่งที่ตั้งอยู่ใน 7-Eleven จำนวน 14 แห่งจาก 4 รัฐ เมื่อดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นแล้ว 7-Eleven จะเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีหนึ่งในระบบ fast-charging ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ
Joe DePinto CEO ของ 7-Eleven กล่าวว่า “7-Eleven เป็นผู้นำด้านแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ การสร้างแท่นชาร์จเพิ่มอีก 500 พอร์ตที่ 7-Eleven 250แห่ง จะทำให้การชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายมากขึ้นและช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทดทดแทนเพิ่มขึ้นในวงกว้าง เรามีความมุ่งมั่นต่อสังคมที่เราให้บริการ และต่อการทำสิ่งที่จะทำให้เกิดอนาคตที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”
การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการตอบสนองความมุ่งมั่นที่ 7-Eleven ตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% ภายในปี 2030 หลังจากที่เมื่อปี 2019 ได้บรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เร็วกว่า ที่กำหนดไว้ถึง 8 ปี
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองต่อนโยบายด้านความยั่งยืน 7-Eleven กำลังมองหาพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการทำธุรกิจร้านค้าทั่วประเทศ โดย 7-Eleven มากกว่า 800 สาขาในเท็กซัสและมากกว่า 300 สาขาในอิลลินอยส์ ใช้พลังงานลม 100% อีกทั้งยังมีอีก 150 สาขาในเวอร์จิเนียที่ใช้พลังงานน้ำ และ 300 สาขาในฟลอริดาใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ในฐานะร้านค้าปลีกที่มีความยั่งยืน 7-Eleven จะยังคงกลั่นกรองและกำหนดความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) อย่างครอบคลุม ในขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก และสร้างเป้าหมายระยะยาวด้วย
อ้างอิง prnewswire
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด