7 เคล็ดลับ จาก Priceza เมื่อถึงเวลาต้องขยายสู่ตลาดเอเชีย | Techsauce

7 เคล็ดลับ จาก Priceza เมื่อถึงเวลาต้องขยายสู่ตลาดเอเชีย

“Think Global , Do as Local.”  

เมื่อไรที่สมควรที่จะขยายตลาดสู่ South East Asia แล้วประเทศไหนที่เหมาะสมจะเป็นที่แรก บทความนี้มีคำตอบจากสตาร์ทอัพผู้มีประสบการณ์อย่าง Priceza เว็บไซต์ค้นหาสินค้าออนไลน์ที่มีสาขาในประเทศแถบ South East Asia แล้วกว่า 6 สาขา ที่จะมาแชร์ 7 เคล็ดลับความสำเร็จให้กับชาวสตาร์ทอัพ ไปดูกันเลย! 

1. Win on your home country (first)

แกร่งในประเทศของคุณก่อน - ความสวยงามของธุรกิจออนไลน์คือเราสามารถไปได้ทุกที่ที่เราอยากจะไป แต่ก่อนอื่น คุณควรปรับ Mindset ของตัวเองให้คิดแบบ Global แต่ค่อยๆ ขยายไปแบบ Local  ถามตัวเองว่าคุณเจอ Product Market Fit ของคุณหรือยัง นอกเหนือจากนี้ การ Focus ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณสำเร็จได้อีกด้วย

2. What leverages your international expansion ? 

ควรถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่จะเพิ่มผลทางการเงินของคุณในการขยายตลาดสู่ต่างประเทศIMG_5471

3. Market Validation

เมื่อคุณต้องขยายไปในแต่ละประเทศ คุณต้องถามตัวเองว่า ทำไมถึงต้องขยายไปประเทศนี้ ประโยชน์คืออะไร  ซึ่งการที่จะตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจนนั้น คุณควรสำรวจตลาด หรือ Market Validation เพื่อศึกษาและให้เหตุผลกับมัน  สำหรับ Priceza มี 2 สิ่งที่ควรคำนึงใน Market Validation คือ

  • Desk Research คือข้อมูลพื้นฐานในตลาดของประเทศนั้นๆ เช่น จำนวนคนใช้อินเตอร์เน็ตเท่าไร ธุรกิจของคุณมีจำนวนคนในตลาดเท่าไร  คุณควรจะรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตลาดในประเทศนั้นๆ
  • Primary Research คือคุณควรจะเข้าไปสำรวจตลาดเอง คุยกับคนท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ เพื่อที่จะรู้ Insight ต่างๆได้อย่างชัดเจนมากขึ้น คุณต้องแน่ใจว่าคุณกำลังขยายตลาดไปยังประเทศที่เหมาะสมและคุ้มแก่การลงทุนจริงๆ

คุณไวยกตัวอย่างตอนไปสำรวจตลาดที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ให้ฟังว่า ตอนนั้นเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ได้เจอและทำความรู้จักบุคคลที่อยู่ในสายสตาร์ทอัพของอินโดนีเซีย ได้มองเห็นช่องว่างและโอกาสที่จะขยายธุรกิจ เนื่องจากตลาด Internet ในอินโดนีเซียมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย  การสำรวจตลาดครั้งนั้นจึงทำให้เขาทราบว่า Primary Research เป็นช่องทางที่จะนำมาสู่ก้าวแรกในการขยายธุรกิจ

นอกจากนี้ กลยุทธ์หรือการวางแผนที่เน้นเจาะในแต่ละประเทศ หรือ Country Strategy ก็จะทำให้คุณได้ Focus และลงรายละเอียดได้มากขึ้น

4. Brand Name Consideration

ศึกษาเรื่องแบรนด์ให้ดี การทำการตลาดในแต่ละประเทศ ต้องแน่ใจว่าชื่อแบรนด์ของคุณไม่มีความหมายทางด้านลบหรือเสียหายต่อสังคมและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ อีกทั้งควรจะจดเครื่องหมายการค้าเพื่อเป็นทรัพย์สินของคุณด้วย

5. Company Structure & Partnership

เมื่อต้องขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศคุณควรคำนึงเรื่องโครงสร้างของบริษัทว่าจะเป็นรูปแบบไหน โครงสร้างของทีมเป็นอย่างไร มีทีมที่เป็น Local และทีมระดับ Regional  อีกอย่างที่สำคัญก็คือภาษาที่ใช้สื่อสารในองค์กร ควรจะเป็นภาษาอังกฤษเนื่องจากเป็นภาษาสากลที่ทุกคนทั่วโลกใช้กัน

6. Localization

ต้องแน่ใจว่า Product ที่เราขยายไปในแต่ละประเทศจะได้รับการปรับให้เข้ากับประเทศนั้นๆ เนื่องจากเรากำลังขยายธุรกิจไปยังประเทศที่มีทั้งภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ดังนั้นเราควรทำงานอย่าง Professional เพื่อให้แน่ใจว่า Local People ในประเทศนั้นๆ จะเข้าใจวัฒนธรรมการทำงานของเราเช่นกัน

7. Immerse yourself to the market

พาตัวเองเข้าสู่ตลาดนั้นๆ ด้วยการเข้าไปจัดอีเวนท์ ออกงาน Exhibition, งาน Meet up หรือ พบปะกับ Local Team บ่อยๆ ก็จะทำให้ Product ของคุณเป็นที่รู้จักในตลาดได้อย่างรวดเร็ว

หวังว่า 7 เคล็ดลับจากคุณไว จะทำให้ชาวสตาร์ทอัพมีกำลังใจและมีแนวทางในการที่จะขยายตลาดเข้าสู่ระดับเอเชียได้มากขึ้น :)

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน เป็นไปได้จริงด้วย AI ส่องโอกาสและความท้าทายที่ต้องรับมือ

กระแสการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่การจะก้าวไปสู่การทำงานรูปแบบใหม่นี้ได้จริง จำเป็นต้องมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และหนึ่งในป...

Responsive image

กระทราง DOGE ใต้การดูแลของอีลอน มัสก์ ปลดพนักงานสำนักงานนิวเคลียร์สหรัฐฯ นับ 300 ชีวิต สั่นคลอนความมั่นคงชาติ

เจ้าหน้าที่กว่า 300 คนที่สำนักงานบริหารความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติ (NNSA) ถูกปลดออกจากงาน อันเป็นส่วนหนึ่งของการปลดพนักงานของกระทรวงพลังงาน จากการสนับสนุนของ DOGE โดยไม่ทันคิดให้ร...

Responsive image

อดีต CTO OpenAI เปิดตัว Thinking Machines Lab สตาร์ทอัพ AI แห่งใหม่

Mira Murati อดีต Chief Technology Officer (CTO) จาก OpenAI เปิดตัวสตาร์ทอัพใหม่ ชื่อว่า "Thinking Machines Lab" ซึ่งแน่นอนว่าจุดโฟกัสหลักยังคงอยู่ที่ AI...