
ทุกวันนี้ ‘Data’ คือหัวใจสำคัญของธุรกิจแทบทุกประเภท แต่การนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทันทีกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะวิธีแบบเดิมที่ต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์ มักทำให้เกิดความล่าช้า มีค่าใช้จ่ายสูง และเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหล ยิ่งมีข้อมูลมาก ปัญหาหรือความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่ม จนอาจทำให้องค์กรพลาดโอกาสโดยไม่รู้ตัว
ในอดีตข้อมูลมักถูกส่งไปยังคลาวด์เพื่อประมวลผล แต่รูปแบบนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งความล่าช้าที่เกิดจากการส่งข้อมูลไป-กลับ ต้นทุนสูงจากค่าดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลอาจรั่วไหลระหว่างการส่ง
Edge AI จึงเข้ามาแก้โจทย์นี้ ด้วยการประมวลผลข้อมูลทันที ณ จุดที่เกิดขึ้น แทนที่จะส่งขึ้นคลาวด์ ทำให้ตอบสนองได้เร็ว ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในองค์กร ทำให้มีความปลอดภัย และช่วยลดต้นทุนการดูแลระบบไอที
ลองนึกภาพง่าย ๆ เช่น โรงงานที่ต้องตรวจสอบคุณภาพสินค้าแบบเรียลไทม์ เมืองที่ใช้กล้องตรวจจับความปลอดภัย หรือร้านค้าที่อยากเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแบบทันที Edge AI จึงเข้ามาช่วยให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกวิเคราะห์และตอบสนองได้ ณ ตอนนั้น โดยไม่ต้องรอให้ข้อมูลส่งไปประมวลผลที่อื่น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในองค์กร ทำให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรม
และตอนนี้หลายอุตสาหกรรมเริ่มหันมาพึ่ง Edge AI มากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันเกิดขึ้นได้ทุกวินาที ข้อมูลที่สดใหม่จะช่วยให้องค์กรได้เปรียบ ความล่าช้าเพียงไม่กี่วินาทีอาจเพิ่มต้นทุน ทำให้พลาดโอกาส หรืออาจเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ดังนั้น Edge AI จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาแล้วก็ไป
เมื่อพูดถึง Edge AI ชื่อหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาเสมอคือ Advantech บริษัทที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์อุตสาหกรรมระดับโลก แต่ยังเป็นผู้นำในด้าน Edge AI Platform ที่ครบวงจร ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ระดับสูง, ซอฟต์แวร์ SDK, ไปจนถึงระบบบริหารจัดการระยะไกล
จุดแข็งที่ทำให้ Advantech ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรทั่วโลกคือ
หนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดที่ยืนยันความเป็นผู้นำของ Advantech คือ AIR-520 Edge AI Server ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับงาน Generative AI และการประมวลผลข้อมูลแบบ Edge
AIR-520 คือคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "สมอง" ให้กับธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งปกติแล้วการจะใช้ AI ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เท่าห้องเซิร์ฟเวอร์ แต่ AIR-520 ย่อทุกอย่างมาอยู่ในเครื่องเล็กเท่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ทำให้ติดตั้งง่ายและพร้อมใช้งานได้ทันที
จุดเด่นของ AIR-520
ต้องบอกว่า AIR-520 ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก Edge AI ได้อย่างเต็มที่ และนำไปปรับใช้ได้จริงในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะในภาคการผลิต AIR-520 ช่วยระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าทำงานได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากมนุษย์และต้นทุน เพื่อยกระดับโรงงานสู่มาตรฐาน Industry 5.0 ขณะเดียวกันภาคพลังงานก็สามารถนำไปใช้ตรวจสอบการใช้พลังงาน และการวิเคราะห์แบบ Real-time เพื่อลดความสูญเสีย และยังช่วยให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero ได้ง่ายขึ้น
สำหรับเมืองอัจฉริยะและธุรกิจค้าปลีก AIR-520 ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้อง AI วิเคราะห์การจราจรเพื่อเพิ่มความปลอดภัย หรือการสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถให้คำแนะนำลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงได้ทันที พูดง่ายๆ AIR-520 เปรียบเสมือนแพลตฟอร์ม Edge AI แบบ All-in-one ที่ทั้งฝึก AI ให้ฉลาดขึ้น และนำมาใช้งานจริงได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และปลอดภัยขึ้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด