Apple ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ภายในงาน Worldwide Developers Conference หรือ WWDC 2022 โดยไฮไลต์ของงานที่คนทั่วไปตั้งตารอคอยกันมากอยู่ในช่วงนำเสนอ innovation กับการเปิดตัวลูกเล่นใหม่ ๆ จาก Apple ซึ่งทีเด็ดมีอะไรบ้างนั้น เรารวมมาไว้ที่นี้แล้ว

iOS 16

หลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีกับการยกระดับลูกเล่นใน iOS 15 ครั้งนี้ใน iOS 16 ยังไม่เน้นการปรับดีไซน์มากนัก เน้นที่ฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก    

• หน้าจอล็อคจะปรับแต่งได้มากขึ้นแบบ interactive พร้อมรองรับ widget ต่างๆ การแจ้งเตือนที่จะแสดงผลแบบ "roll in" จากด้านล่างของหน้าจอ ขณะเดียวกันยังเน้นใช้งานแบบโซเชียลมากขึ้น ด้วยอัปเดตการแจ้งเตือน "ตัวเลือกการ Live" แบบเรียลไทม์
• แก้ไข และ “unsend” ข้อความล่าสุดใน iMessage และสร้างปรับให้ข้อความที่ขึ้น read แล้วกลับเป็น unread ได้
• SharePlay สตรีมภาพยนตร์ไปพร้อมกับเพื่อนโดย sync กันได้ ผ่านใน iMessage
• Live Text จะสามารถแปลและแทนที่ข้อความที่ตรวจพบในรูปภาพ ช่วยอ่านสิ่งต่างๆ เช่น เมนูในภาษาที่คุณไม่รู้จักได้ง่ายขึ้น ใช้ฟังก์ชั่น Translate Camera ได้ทันที

• Apple Pay Later ระบบ Buy now, Pay later ที่ให้คุณแบ่งการชำระเงินกับ Apple Pay ได้สูงสุด 4 เดือนโดยไม่มีดอกเบี้ย สามารถใช้งานได้ทุกร้านค้าที่รองรับ Apple Pay
• การยกเครื่องแผนที่ครั้งใหญ่ของ Apple Map โชว์แผนที่แบบ 3D แสดงชื่อ สถานที่ ตำแหน่งสวยงามมากขึ้น พร้อม Street Views มุมมองสถานที่รอบ ๆ บนแผนที่ นอกจากนี้ยังปรับปรุงรองรับเส้นทางหลายจุด
• Apple News รองรับการแสดงผลการแข่งขันกีฬา อัปเดตคะแนน บรรยากาศการเล่นในสนามได้
• ใช้ Family Sharing เพื่อจำกัดเวลาหน้าจอ iPad ของบุตรหลานได้ และสร้างบัญชีการใช้งานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ พร้อมสร้าง iCloud Shared library แบ่งปันรูปภาพและเรื่องราวภายในครอบครัว
• ปรับโฉม Home app ใหม่หมดจด อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดของคุณในห้องต่างๆ ในบ้านจะถูกรวมไว้ในหน้าจอเดียว ซึ่งรวมทั้งกล้องวงจรปิดที่ใช้งานใน HomeKit ทั้งหมดของคุณ

• CarPlay เตรียมรองรับทุกฟังก์ชั่นบนแผงหน้าปัดทั้งหมดในรถของคุณ ไม่ว่าจะเป็น เกจ์ความเร็ว มาตรวัดน้ำมัน การควบคุม AC ระยะทาง เวลา แอร์บนรถ ความบันเทิงบนรถและ GPS ซึ่งความครอบคลุมของฟังก์ชั่นจะแตกต่างกันไปในผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย โดยจะมีข่าวเพิ่มเติมอีกทีในปีหน้าแอปฯ

ชิป Apple M2

Apple สร้างความล้ำหน้าด้วยการเปิดตัวชิปเซ็ต M2 รองรับการประมวลผลเพื่อ AI และ Machine Learning ได้มากขึ้น รวมเอาประสิทธิภาพที่แรงเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์การใช้แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน 

นอกจากนี้ Apple CPU M2 นั้นเร็วกว่า M1 อยู่ 18% ในขณะที่ GPU เร็วขึ้น 35% สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากจำนวนทรานซิสเตอร์ 2 หมื่นล้านตัว มีการแบ่ง CPU 8 แกนเช่นเดิม แต่เพิ่ม GPU สูงสุดเป็น 10 แกน พร้อมกับแรมที่เพิ่มมากขึ้นสูงสุด 24GB ซึ่งเป็นหน่วยความจำแบบ unified memory ใน bandwidth สูงถึง 100 GBps

สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นนี้ Apple ได้อ้างอิงว่า M2 นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าชิป 10 Core ของแบรนด์โน๊ตบุ๊กทั่วไปถึง 1.9 เท่าทีเดียว ทั้งนี้จะพร้อมใช้ใน MacBook Pro 13 นิ้ว และ MacBook Air 2022

macOS 13

ระบบปฏิบัติการ macOS รุ่นต่อไปนั้นคือ “macOS Ventura” ซึ่งมีการปรับอินเทอร์เฟสส่วนของ System Preferences ให้สอดคล้องกับการตั้งค่าบน iPhone/iPad มากขึ้น

• “Stage Manager” ซึ่งเน้นความ Multitasking สามารถ "จัดกลุ่ม" แอปฯ ที่กำลังเรียกใช้ร่วมกันได้อย่างราบรื่น  
• Spotlight จะสามารถดึงผลการค้นหาที่สมบูรณ์ในมุมมองการเลื่อนแบบใหม่ และช่วยให้คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ เช่น ดูตัวอย่างไฟล์ที่พบได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดขึ้นมาจริงๆ
• แอป Mail รองรับการ Unsend ได้ มีการตั้งค่าเวลาที่จะส่งเมลได้ล่วงหน้า และแจ้งเตือนตามกำหนดเวลา การค้นหาภายใน Mail เริ่มครอบคลุมขึ้น 
• Safari จะสามารถใช้ “Passkey” แทนรหัสผ่านได้เช่นกัน ซึ่ง Passkey เป็นระบบที่สร้างร่วมกับ Google และ Microsoft ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ Passkey เพื่อให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบเว็บไซต์และแอพด้วยไบโอเมตริก (เช่น เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า) โดยไม่อิงการใช้รหัสผ่านแบบเน้นตัวหนังสือเป็นหลัก
• API Metal ที่เน้นการพัฒนาในเกมของ Apple สามารถเพิ่มเทคนิคใหม่ๆ รวมถึงการอัปสเกลและโหลดร่วมกับ GPU เพื่อประมวลผลให้เร็วขึ้นได้
• Continuity Camera รองรับการใช้ iPhone เป็น Webcam ให้กับแล็ปท็อปเพื่อเพิ่มคุณภาพในการใช้ Webcam นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ "Desk view" ที่อาศัยเลนส์มุมกว้างของ iPhone ร่วมกับการปรับแต่งภาพที่ซับซ้อน เพื่อสร้างภาพจำลองโต๊ะทำงานของคุณจากมุมมองด้านบน

iPadOS 16

iPadOS 16 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใกล้เคียงกับ Mac มากขึ้น  
• ใช้รูปแบบ “Stage Manager” เหมือนใน Mac ที่รองรับการ Multitasking ให้มากขึ้น สะดวกขึ้น ปรับขนาดของหน้าต่างแอปฯ ได้ 
• รองรับ Virtual Memory Swap 
• ซูมหน้าจอได้ละเอียดมีพิกเซลที่ชัดขึ้นด้วย Display Zoom ซึ่งจะใช้ใน iPad ที่ใช้ชิป M1
• สามารถใช้ Passkeys วิธีการลงชื่อเข้าใช้ของ Apple ที่ออกแบบมาเพื่อแทนที่รหัสผ่านบนเว็บและในแอป

Apple Watch

ใน Apple Watch จะมาพร้อม watchOS 9 ที่มีการเพิ่มลูกเล่นหน้าปัด 4 แบบ ทั้งแบบ “Astronomy” “Lunar” “Play time” และ “Metropolitan”
• การแจ้งเตือนแบบ Banner จะทำให้คุณดูสถานะได้โดยไม่ต้องอ่านทั้งหน้าปัด
• Apple Watch จะสามารถติดตามตัววัดการวิ่งใหม่ เพื่อวัดว่าคุณเคลื่อนไหวในแนวขึ้น-ลงมากแค่ไหน ขณะวิ่ง รวมทั้งวัดความยาวตอนก้าว และเวลาสัมผัสพื้นได้ด้วย
• แอพฟิตเนสบน iOS จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ที่ไม่มี Apple Watch ได้ด้วย
• Sleep tracking ติดตามการนอนหลับ วัดอัตราการเต้นของหัวใจและมาตรความเร่งเพื่อกำหนดว่าคุณใช้เวลาเท่าไรในสี่ขั้นตอนในภาวะการนอนหลับที่ต่างกัน (Awake/REM/Core/Deep) 
• “A-fib history” เป็นฟังก์ชั่น Apple Watch ที่สามารถติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ  สำหรับการรายงานผลทางการแพทย์

MacBook Air - MacBook Pro

MacBook Airs และ MacBook Pro จะเลือกใช้การออกแบบที่บางเรียบเป็นมาตรฐานมากขึ้น โดยคงความหนาตัวเครื่องไว้เพียง 11.3 มม.

• MacBook Air จะมีความละเอียดกล้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า (ที่ 1080p) และประสิทธิภาพในสภาพแสงน้อยที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก
• มีจอแสดง liquid retina ขนาด 13.6 นิ้ว พร้อม TouchID ติดตั้งอยู่ในแป้นพิมพ์
• รองรับ MagSafe Apple 
• มีที่ชาร์จแบบบางพร้อมพอร์ต USB-C 2 พอร์ต
•  MacBook Air ใหม่จะรองรับ Fast-charging เพื่อให้แบตเตอรี่ถึง 50% ภายใน 30 นาที 

อ้างอิงจาก Techcruch, wired, gadgetsnow